บทที่ 1318 เบื้องบนแสดงตัว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,318 เบื้องบนแสดงตัว

ร่างของใต้เท้าหมิงรั่วชักกระตุก

“อ๊าก อ๊าก…”

เขาส่งเสียงร้องแหบต่ำราวกับสัตว์อสูรใกล้ตาย

หลินเป่ยเฉินตวัดกระบี่เพลิงโลกันตร์ฟันใส่ลำคอใต้เท้าหมิงรั่ว

“กล้าช่วยเหลือคนผิด ดูหมิ่นเทพเจ้าระดับสูง นี่คือบทลงทัณฑ์เดียวที่ท่านสมควรได้รับ”

หลินเป่ยเฉินพึมพำ

แต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างทั่วถึง

เด็กหนุ่มกำลังบอกว่าเขาต้องฆ่าเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งเทพเจ้า

ไม่ใช่เป็นการลงมือเพราะอีกฝ่ายเป็นศัตรูกับเขา

คมกระบี่ของหลินเป่ยเฉินแปดเปื้อนเลือดจากลำคอของใต้เท้าหมิงรั่ว

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจก็คือร่างกายของอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งมากเหลือเกิน

หากเปลี่ยนเป็นที่โลกมนุษย์ ผู้ที่ถูกกระบี่เพลิงโลกันตร์ฟันใส่เช่นนี้ก็คงลำคอขาดกระเด็นไปนานแล้ว แต่กระบี่ในมือเขากลับสามารถฟันลงไปที่ลำคอของใต้เท้าหมิงรั่วได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น

และพลังอัคคีเทวะของหลินเป่ยเฉินก็ยังไม่สามารถเผาไหม้ร่างกายภายนอกของเทพเจ้าระดับสูงได้….

เขาทำได้เพียงเพิ่มแรงกดกระบี่ลงไปทีละเล็กทีละน้อย

ไม่ต่างจากกำลังใช้เลื่อยหั่นไม้

“อ๊าก หยุดเดี๋ยวนี้…”

ใต้เท้าหมิงรั่วร่ำร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาแตกกระจาย ความเจ็บปวดแสนสาหัสบริเวณลำคอทำให้ร่างกายชักกระตุกหนักกว่าเดิมและต้องร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นกลัวว่า “ต่อให้เจ้ามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้า เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก เจ้า…”

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

หลินเป่ยเฉินก็ชักกระบี่ออกมาแทงใส่ปากของใต้เท้าหมิงรั่ว

“อ้าปากกว้าง ๆ หน่อยสิ… นี่คือการตรวจกรดนิวคลีอิกขอรับ”

หลินเป่ยเฉินถือกระบี่ด้วยสองมือและแทงกระบี่ไม่หยุดยั้ง

“อั่ก อั่ก อั่ก…”

ใต้เท้าหมิงรั่วพยายามดิ้นรนทุรนทุรายอย่างน่าอนาถ

เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าสักวันหนึ่งตนเองจะต้องถูกกระทำย่ำยีเช่นนี้

นี่เป็นวิธีการที่โหดร้ายอำมหิตเกินไป

น่าสยองขวัญมากเกินไป

เจี๋ยนเซียวเหยาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?

เหตุใดเขาจึงกล้าลงมือด้วยความรุนแรงถึงเพียงนี้?

คนถ่อแพฮั่วเซี่ยก้มมองถ่อไม้ไผ่ในมือของตนเองและรู้สึกว่าบางทีตนเองยังไม่สมควรไปมีเรื่องกับเจี๋ยนเซียวเหยาในขณะนี้

พานตั่วชิงกำลังซ่อนตัวอยู่หลังเสาหินใหญ่ต้นหนึ่งด้วยความหวาดกลัว

ขาของเขาหักผิดรูปผิดร่าง จึงไม่สามารถหลบหนีได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลบซ่อนตัวสั่นเทาอยู่หลังเสาหินใหญ่ หวาดกลัวจนแทบปัสสาวะราดแล้ว

หากตนเองต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเจี๋ยนเซียวเหยา ไม่ทราบเลยว่าต้องพบกับความอับอายขายหน้าขนาดไหน?

สำหรับผู้คนในงานเลี้ยงเบิกฟ้า ภาพที่พวกเขากำลังเห็นในขณะนี้ คงกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมเลือน

“ยังทนได้อีกเหรอเนี่ย?”

คมกระบี่ไม่สามารถเฉือนปากของใต้เท้าหมิงรั่วให้ขาดออกจากกันได้โดยสมบูรณ์

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาเล็กน้อย

ดูเหมือนเทพเจ้าระดับสูงจะฆ่าไม่ง่ายซะแล้วสิ

สงสัยคงต้องแทงกระบี่ใส่ลำคอของใต้เท้าหมิงรั่วก่อน แล้วค่อยใช้พลังอัคคีเทวะเผาไหม้จากภายในดูแล้วสิ

ใต้เท้าหมิงรั่วผู้น่าสงสารเป็นข้ารับใช้ของเทพเจ้าระดับสูงในสภา ปกติเคยแต่เป็นฝ่ายทำร้ายรังแกผู้อื่น มีหรือที่จะเคยทนทรมานเช่นนี้?

เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน

“อย่าขยับ อ้าปากให้กว้าง”

หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำราม

เขานำกระบี่เสียบแทงเข้าไปในลำคอผ่านทางช่องปากที่อ้ากว้างและกำลังจะจุดไฟเทวะ…

ทันใดนั้น…

“บังอาจนัก!”

เสียงคำรามดังกังวานมาแต่ไกล ส่งผลให้ห้องโถงใหญ่สั่นสะเทือน

มวลพลังกดดันครอบคลุมในอากาศ

ครืน!

หลินเป่ยเฉินถูกมวลพลังกดทับทำให้ต้องก้มตัวลงใช้สองมือยันพื้นหินเอาไว้

เขาเกือบจะต้องคุกเข่าแล้ว

“ซวยแล้วสิ นี่มันเทพเจ้าระดับตัวบอสนี่หว่า”

ความคิดนั้นปรากฏขึ้นในหัวของหลินเป่ยเฉินระหว่างที่เขาลอบสวดภาวนาอยู่ในใจ เทพเจ้าระดับตัวบอสที่เขาเป็นกังวลก็ส่งเสียงกล่าวต่อ

“เจ้ามันชั่วร้ายและอำมหิตเกินไปแล้ว”

เจ้าของเสียงนั้นพูดกับหลินเป่ยเฉินด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้น

แม้เจ้าของเสียงจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมา แต่เพียงปลดปล่อยเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร มันก็มีพลังกดดันมากพอที่จะทำให้กระดูกของหลินเป่ยเฉินแตกหักเกือบทั่วทั้งร่างแล้ว เด็กหนุ่มต้องใช้สองแขนยันพื้นเอาไว้ ได้ยินเสียงกระดูกท่อนแขนลั่นดังกร๊อบ กระดูกที่แตกหักแทงทะลุผิวหนังขึ้นมา ส่งผลให้โลหิตพุ่งกระฉูด

แข็งแกร่งมากเกินไป

น่ากลัวมากเกินไป

ยังไม่ใช่คนที่เขาสามารถต่อสู้ด้วยได้ในขณะนี้

หลินเป่ยเฉินได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ

นี่คือวิกฤตการณ์ที่แท้จริง

แต่ในเวลาเดียวกันนี้เอง หมวกเหล็กอมตะก็เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง มันระเบิดแสงสีทองสว่างจ้าครอบคลุมร่างกายของหลินเป่ยเฉิน คุ้มครองเขาจากพลังกดดันและจิตสังหารนั้น

บัดนี้ บรรดาแขกที่เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็ได้สติแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึงมากกว่าเดิม

ใต้เท้าหมิงรั่วรีบดึงกระบี่ที่ติดค้างอยู่ในลำคอออกมา ก่อนที่ตัวคนจะนั่งคุกเข่าและกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ข้าน้อยทำความเคารพใต้เท้าผู้สูงส่ง…”

นี่ย่อมเป็นการแสดงตัวของใต้เท้าฉาง

พานตั่วชิงสะดุ้งเฮือก ก่อนที่รอยยิ้มสดใสจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ปลอดภัยแล้ว

เป็นไปตามที่คิด ใต้เท้าฉางไม่มีทางละทิ้งเขาจริง ๆ

พานตั่วชิงพยายามลุกขึ้นยืนพิงเสาหินใหญ่ ก่อนจ้องมองไปทางหลินเป่ยเฉินและหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ

ฮ่า ๆๆ

ต่อให้เจ้ามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าแล้วจะเป็นอย่างไร?

หากเจ้ามามีเรื่องกับข้า เจ้าก็ต้องตายอยู่ดี

ดวงตาของพานตั่วชิงเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความคลุ้มคลั่ง แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นเจี๋ยนเซียวเหยาถูกบดขยี้จนชีวิตดับสูญ

“เจ้ายังคิดที่จะต่อต้านอีกหรือ?”

“ทำลายความสงบสุขของงานเลี้ยงเบิกฟ้า สังหารนักรบเทวะจากเผ่าเทพตะวัน ทำร้ายร่างกายเพื่อนผู้เข้าร่วมการแข่งขันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส… ความผิดเหล่านี้ เจ้าต้องตายสถานเดียว!”

เสียงที่ดุดันของใต้เท้าฉางดังกังวานด้วยจิตสังหารที่หนาแน่นมากขึ้น และจิตสังหารเหล่านั้นก็กำลังพุ่งตรงมาที่หลินเป่ยเฉิน

ม่านพลังจากหมวกเหล็กอมตะเริ่มสั่นไหวและเกิดรอยแตกร้าวอย่างควบคุมไม่ได้…

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงมดปลวกที่กำลังจะถูกล้อเกวียนขนาดใหญ่บดขยี้จนกลายเป็นผุยผง…

ทันใดนั้น…

“คนของข้า ท่านไม่ต้องมายุ่ง”

อีกเสียงหนึ่งดังกังวานในอากาศ

พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ปกคลุมทั่วห้องโถงใหญ่

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น จิตสังหารนั้นก็สลายหายไป

หลินเป่ยเฉินกลับมารู้สึกตัวเบาหวิวเป็นปกติอีกครั้ง เขารีบอาศัยจังหวะนี้ถอยกายหลบหนีออกมาห่างไกลทันที

ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มด้วยความดีใจ

เพราะนี่คือเสียงของใต้เท้ากั้ว

ในที่สุด ขณะที่เขาตกอยู่ในอันตรายสุดขีด ใต้เท้ากั้วก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

“คนของท่านอย่างนั้นหรือ?”

เสียงของใต้เท้าฉางดังกังวานในห้องโถงใหญ่ถามกลับไปว่า “ใต้เท้ากั้ว มันผู้นี้กลายเป็นคนของท่านตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่รู้หรือว่าเจี๋ยนเซียวเหยาเป็นคนของเทพีกระบี่ เหตุไฉนท่านถึงได้ประพฤติตัวเช่นนี้…”

“ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ท่านฟัง”

เสียงของใต้เท้ากั้วตอบกลับไปด้วยความแข็งกร้าว “ทีท่านยังเลือกช่วยเหลือคนจากเผ่าเทพตะวันได้ แล้วทำไมข้าจะช่วยเหลือคนของเทพีกระบี่บ้างไม่ได้?”

ใต้เท้าฉางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนกล่าว “แต่คนของท่านทำผิด”

“คนของท่านเป็นฝ่ายทำผิดก่อน”

ใต้เท้ากั้วปฏิเสธทันควัน “มอบของรางวัลประจำงานเลี้ยงเบิกฟ้าค่ำคืนนี้มาให้แก่เจี๋ยนเซียวเหยาซะ แล้วเรื่องราวทั้งหมดจะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”

ใต้เท้าฉางเงียบงันไปพักใหญ่ สุดท้ายก็กล่าวออกมาว่า “ประเสริฐ เอาตามที่ท่านต้องการแล้วกัน”

เทพเจ้าระดับสูงในสภาทั้งสองท่านลอบหยั่งเชิงกันอย่างแยบยล

แต่ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป

มวลพลังกดดันในอากาศสลายหายไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

ทุกคนที่อยู่ทั้งด้านในและด้านนอกห้องโถงใหญ่พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

นับเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดนัก

เมื่อสักครู่ พวกเขารู้สึกไม่ต่างจากตนเองเป็นกระต่ายน้อยผู้อยู่จุดต่ำสุดในห่วงโซ่อาหารและกำลังเผชิญหน้ากับพญามังกร ต่อให้อีกฝ่ายไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แต่ทุกคนก็หวาดกลัวแทบตายแล้ว

เพราะผู้ที่เพิ่งแสดงตัวออกมาทั้งสองท่านเมื่อสักครู่นี้เป็นเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตของดินแดนทวยเทพ

ใต้เท้าฉางกับใต้เท้ากั้ว…

ทั้งสองท่านเป็นเทพเจ้าที่อยู่เหนือเทพเจ้าทั้งมวล

ขอเพียงกระทืบเท้าลงมาแค่ครั้งเดียว ดินแดนทวยเทพก็จะเกิดแผ่นดินไหวแล้ว

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

เด็กหนุ่มใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เยียวยาอาการบาดเจ็บของตนเอง ส่วนดวงตาจ้องมองไปที่ใต้เท้าหมิงรั่วกับพานตั่วชิงด้วยความเศร้าเสียใจ

น่าเสียดาย

คืนนี้เขาจำเป็นต้องปล่อยให้พวกมันทั้งสองคนรอดชีวิตต่อไป

เพราะใต้เท้าฉางกับใต้เท้ากั้วได้ทำข้อตกลงสงบศึกเอาไว้แล้ว

“มอบคัมภีร์มาให้กับข้า”

หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกไปหาใต้เท้าหมิงรั่ว แววตาดุดัน