รอบครัวสุขสันต์นับไม่ถ้วน กลับพังทลายย่อยยับลง เพราะไอ้พวกชาติชั่วค้ามนุษย์กลุ่มนี้!

ที่น่าชิงชังที่สุดคือ หลังจากคนร้ายพวกนี้เอาเด็กตัวเล็กๆ ไปเร่ขายแล้ว ถ้าคนที่ซื้อตัวเด็กไปเป็นครอบครัวปกติที่ต้องการจะมีลูกยังว่าดีหน่อย อย่างน้อยชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กก็ไม่ต้องรับแรงคุกคามมากเกินไป

แต่ถ้าไอ้พวกเดรัจฉานเดนตายพวกนี้ตั้งใจเอาเด็กๆ ไปใช้แรงงาน เอาไปขอทานหาเงินล่ะ แบบนั้นทั้งชีวิตของเด็กคนนี้ จะไม่ถูกทลายจนป่นปี้ไปหมดหรอกหรือ?!

ดังนั้น ในตอนนี้เวลานี้ ความสนใจของคนทั้งประเทศ ล้วนพะว้าพะวังอยู่กับเด็กสิบคนนี้ที่ถูกลักพาตัวไป

เย่เฉินในตอนนี้ แค่อยากจะช่วยพวกเด็กๆ กลับมาให้เร็วที่สุด! เมื่อเขาไปถึงดาดฟ้าของตึกจินเฟิง เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งก็ส่งเสียงดังพั่บๆ อยู่ห่างออกไปบนฟากฟ้าแล้ว

ในตอนนี้เอง ท่านหงห้าได้ส่งพิกัดมาให้ในWECHATของเขา บอกเขาว่า “ปรมาจารย์เย่ ตอนนี้ไอ้หลิ่วจ้าวเฉินคนนั้นออกนอกมณฑลแล้วครับ เพียงแต่พวกเขาไม่กล้าขับรถเร็วเกินไป แค่ขับตามมาตรฐาน ดังนั้นตอนนี้เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงสี่ร้อยกิโลเมตรครับ”

เย่เฉินดูพิกัดเล็กน้อย พบว่าอีกฝ่ายพาเด็กๆ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามุ่งไปยังทิศใต้ ตอนนี้กำลังอยู่ในอำเภอชิงสุ่ยมณฑลเจ้อเจียง

ในตอนนี้ เฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ร่อนลงบนดาดฟ้าของตึกจินเหิงแล้ว แต่ยังไม่ได้เลียบพื้น เฉินจื๋อข่ายก็เปิดประตูออกมาแล้ว เย่เฉินกระโดดขึ้นไป คุยกับเขาโดยตรง “ให้นักบินเอาเครื่องขึ้นเลย มุ่งหน้าไปที่อำเภอชิงสุ่ยด้วยความเร็วเต็มพิกัด ให้เฮลิคอปเตอร์ลำอื่นมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันด้วย!”

“ได้ครับคุณชาย!” เฉินจื๋อข่ายใช้เครื่องวิทยุสื่อสารที่อยู่ในรูปแบบของหูฟัง แจ้งพิกัดให้นักบินทราบ

จากนั้น เฉินจื๋อข่ายได้เอ่ยถามเย่เฉิน “คุณชาย ขออภัยที่กระผมต้องเสียมารยาท จู่ๆ คุณรีบร้อนขนาดนี้ เกิดเรื่องด่วนอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”

เย่เฉินตอบด้วยใบหน้าถมึงทึง “วันนี้ช่วงเช้ามืด มีครอบครัวหัวขโมยหกคน ลักพาตัวเด็กเล็กสิบคนไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า!”

“บัดซบ!” เฉินจื๋อข่ายสบถขึ้นมาทันที “ครอบครัวนี้เดรัจฉานอะไรกัน เรื่องต่ำทรามไร้ศีลธรรมแบบนี้ก็ยังทำได้!”

เย่เฉินเอ่ยเสียงเย็น “ฉกชิงลักลวงในสี่คำนี้ ผมเกลียดที่สุดก็คือลัก ตอนเด็กผมโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เคยเห็นเด็กๆ ที่ถูกช่วยเหลือกลับมาหลังจากโดนลักพาตัวไปขายด้วยตาตัวเองแล้ว ถึงแม้จะถูกช่วยเหลือแล้ว แต่เป็นเพราะเด็กที่ถูกคนร้ายลักพาตัวไปขายมีมากเกินไป แถมเด็กแต่ละคนยังถูกส่งต่อกันไปหลายทอด ต่อให้เด็กๆ มากมายถูกตำรวจช่วยเหลือกลับมาได้ ก็ตามหาครอบครัวของพวกเขาอีกครั้งได้ยากมาก ด้วยเหตุนี้เลยต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าทั้งที่ไม่ได้กำพร้า”

เฉินจื๋อข่ายกล่าวขึ้นทันที “คุณชาย คุณวางใจเถอะครับ ครั้งนี้ผมพากำลังคนที่ดีที่สุดมาแล้ว ทุกคนล้วนเป็นทหารกล้าขุนศึกแกร่ง หลังจากจับกุมพวกเขาได้ จะต้องสับไอ้สารเลวพวกนี้เป็นหมื่นๆ ชิ้นแน่นอน!”

เย่เฉินพูดไปว่า “ผมไม่เพียงแต่จะสับพวกเขาเป็นหมื่นชิ้นเท่านั้น ผมยังต้องการตัวเส้นสายของพวกเขา คนสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขา เพื่อนร่วมงานของพวกเขา มาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นทั้งหมด!”

พูดจบ เย่เฉินก็เอ่ยถาม “ตระกูลเย่มีอำนาจในเจ้อเจียงบ้างไหม?”

เฉินจื๋อข่ายพยักหน้า ตอบรับ “ในมณฑลเจ้อเจียงอิทธิพลของตระกูลเย่ก็แข็งแกร่งมากเช่นกันครับ เพียงแต่ทางตระกูลล้วนค่อนข้างสมถะติดดินเสมอมา ก็เหมือนตัวผมในเมืองจินหลิง ปกติแล้วไม่เข้าร่วมการพิพาทแย่งชิงระหว่างเศรษฐีผู้มั่งมี ตระกูลรวมถึงกลุ่มอำนาจในท้องถิ่นเลย อย่างไรก็ตามหากว่าคนในท้องถิ่นพวกนี้ไม่เคารพกฎเกณฑ์ขึ้นมา แบบนั้นผมก็สามารถสั่นคลอนโยกย้ายพวกเขาได้ทุกเมื่อ”

จู่ๆ เย่เฉินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถามออกไป “ฐานอำนาจของตระกูลอู๋ก็อยู่ในซูโจว ซูโจวเป็นนครเอกของมณฑลเจ้อเจียง คาดว่าพวกเขาน่าจะเป็นงูเจ้าถิ่นของเจ้อเจียงกระมัง?”

“ใช่ครับ” เฉินจื๋อข่ายตอบ “ตระกูลอู๋เป็นสกุลใหญ่อันดับหนึ่งของเจียงหนาน สร้างรากฐานอยู่ในซูโจวมาหลายปีแล้ว ดังนั้นอำนาจในเมืองซูโจวของพวกเขาจึงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ครับ”

พอพูดจบ เฉินจื๋อข่ายก็เอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “เพียงเรื่องนี้ใช้ได้กับคนทั่วไปเท่านั้นครับ สำหรับตระกูลเย่แล้ว พวกเขาก็แค่เหลือบไรเล็กๆ เท่านั้น”

เย่เฉินพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม

เฉินจื๋อข่ายนึกถึงตระกูอู๋ขึ้นได้ เอ่ยต่อไปอีกว่า “คุณชาย เมื่อก่อนตระกูลอู๋เคยมีความแค้นกับคุณ เรื่องนี้คุณต้องใส่ใจหน่อยนะครับ ในเมื่อคุณไม่ต้องการให้ตระกูลช่วยออกหน้าให้คุณ ถ้างั้นคุณต้องการให้ผมส่งบอดี้การ์ดไปให้คุณสักหน่อยไหมครับ? จะได้ดูแลความปลอดภัยของคุณตลอดเวลา”

เย่เฉินโบกมือนิดๆ ในใจเต็มไปด้วยความหยามหยันตระกูลอู๋ เฉินจื๋อข่ายไม่ทราบถึงความสามารถของตน เมื่อพิจารณาจากความสามารถในปัจจุบันของตนแล้ว ไม่มีใครที่สามารถทำร้ายตนได้

________