บทที่ 911

ในเวลานี้ บนรถไอวีโก้สวมทะเบียนคันนั้น ผู้ใหญ่ทั้งเจ็ดคนที่อยู่ภายในรถ ยังไม่รู้เลยสักนิดว่า ตาข่ายสวรรค์ผืนหนึ่งได้ครอบคลุมพวกเขาไว้แล้ว

นอกจากผู้ใหญ่ทั้งเจ็ดคนนี้แล้ว ในรถยังมีเด็กๆ ที่กำลังหลับใหลอยู่สิบคน เด็กๆ พวกนี้ถูกรมยาสลบตั้งแต่ช่วงเช้ามืด จนตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย

ตำแหน่งข้างคนขับ มีชายหนุ่มที่ไม่มีมือขวาคนหนึ่งนั่งอยู่ ชายหนุ่มคนนี้ ก็คือหลิ่วจ้าวเฉิน

ตอนนี้หลิ่วจ้าวเฉินมีสีหน้าปรีดา พูดคุยกับพี่ชายที่ขับรถอยู่ “นี่พี่ ถ้าการค้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะได้กำไรเป็นล้านเลยนะ!”

พี่ชายของเขาถามอย่างประหลาดใจ “เดี๋ยวนี้เด็กเล็กๆ มีราคาขนาดนี้เชียว? ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนคนหนึ่งก็ได้แค่ไม่กี่หมื่นหยวนหรอกเหรอ?”

หลิ่วจ้าวเฉินตอบกลับ “เมื่อก่อนไม่เกิดคลื่นลมขึ้นไง ตอนนี้สำนักขอทานในเจ้อเจียงขาดแคลนเด็กๆ ดังนั้นราคาก็เลยสูงขึ้นมา”

พี่ชายของเขายิ้มจนตาหยีแล้วเอ่ยว่า “ถ้างั้นครั้งนี้พวกเราก็กำไรแล้ว!”

หลิ่วจ้าวเฉินพยักหน้า เอ่ยอย่างเบิกบาน “รอให้การค้าครั้งนี้เสร็จสิ้นลง พวกเราทั้งครอบครัวก็ไปหาที่พักผ่อนกันเถอะ”

ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง แม่ของหลิ่วจ้าวเฉินเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไอ้หยา ถ้าปิดจ็อบนี้ได้แล้ว ฉันอยากไปเที่ยวต่างประเทศสักรอบ เมียของเหล่าจ้าวข้างบ้านน่ะ ช่วงก่อนไปเที่ยวเมืองไทยมาด้วย ตอนไปก็ฟลัดข้อความเข้ากรุ๊ปแชททั้งวันทั้งคืน พอกลับมาแล้วยังมาคุยโม้โอ้อวดใส่ฉันอีกสารพัด ครั้งนี้รอให้พวกเราได้เงินแล้ว พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ!”

หลิ่วจ้าวเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เมืองไทยมีอะไรน่าสนุกกัน เมืองไทยเป็นที่ที่คนจนๆ ไปกันทั้งนั้น ไปกับกรุ๊ปทัวร์จ่ายเงินสองสามพันหยวนก็ได้เที่ยวแล้ว ถ้าพวกเราจะไปก็ต้องไปสถานที่ที่มีระดับกันหน่อยสิ”

“สถานที่ที่มีระดับ?” แม่ของหลิ่วจ้าวเฉินถามอย่างสนอกสนใจ “ลูกรัก แกรีบพูดมาสิว่าที่ไหนบ้างที่ค่อนข้างมีระดับ แม่ไม่เคยได้เปิดหูเปิดตาเลย คิดไม่ออกไปชั่วขณะ”

หลิ่วจ้าวเฉินโพล่งออกไป “แน่นอนว่าต้องเป็นเกาะมัลดีฟส์ นั่นสิถึงจะเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับคนมีเงินจริงๆ!”

พี่สาวของหลิ่วจ้าวเฉินปรบมืออย่างดีอกดีใจ “มัลดีฟส์เหรอ? เยี่ยมไปเลย ฉันก็อยากไปมัลดีฟส์เหมือนกัน อยากไปมาตั้งนานแล้ว!”

พูดจบแล้ว เธอก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไปมัลดีฟส์ฉันจะพักในวิลล่าริมน้ำพวกนั้น หรูหราจะตายชัก! พักแล้วจะต้องชื่นมื่นเป็นพิเศษแน่ๆ!”

หลิ่วจ้าวเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ รอให้ได้เงินมาแล้ว พวกเราจะซื้อตั๋วเครื่องบินทันทีเลย!”

ครอบครัวทั้งหกคนต่างตั้งตารอคอยทริปมัลดีฟส์ที่กำลังจะมาถึง

หลิ่วจ้าวเฉินหันกลับไป มองผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่แถวหลังสุด

ผู้ชายคนนี้ เป็นผู้ใหญ่คนที่เจ็ดที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของหลิ่วจ้าวเฉิน

หลิ่วจ้าวเฉินมองดูคนที่เจ็ด เอ่ยยิ้มๆ “นี่ เจี่ยงหมิง ครั้งนี้ถ้าได้เงินมาจะแบ่งให้นายสี่แสนนะ คิดไว้หรือยังล่ะว่าหลังจบการค้านี้แล้วจะเอาไปทำอะไร?”

เจี่ยงหมิงไม่ได้สนใจเขา เนื่องจากตอนนี้อารมณ์ของตัวเจี่ยงหมิงเองหดหู่อย่างยิ่ง

ช่วงเย็นของเมื่อวาน หลังจากเขาออกจากหอพักของบริษัทจ้าวโจ๋วเยว่กลับไปที่บ้าน ก็มีนักเลงสามสี่คนถือมีดมาเยือนถึงประตูบ้านเขา

นักเลงพวกนั้นเคาะประตูบ้านเขา เอามีดทาบลำคอของเขา เตือนให้เขารีบส่งเงินชดเชยสำหรับรถแฟตันของหม่าจงเหลียงซะ ถ้าเบี้ยวล่ะก็ จะฆ่าเขาให้ตายทันที

เจี่ยงหมิงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

เขาไปหาเพื่อนที่ทำธุรกิจรถมือสองคนหนึ่ง ให้ประเมินราคารถของตนกับรถแฟตันคันนั้น พบว่าต่อให้นำเงินค่าประกันทั้งหมดของตนมาใช้แล้ว ก็ยังมีช่วงโหว่อยู่กว่าหนึ่งล้าน

ส่วนรถเบนซ์คันนั้นของเขา เนื่องจากเกิดเคยเกิดอุบัติเหตุแล้ว ถ้าขายจริงก็ได้ราคาแค่ราวๆ สามแสน

ต่อให้ตนขายรถเบนซ์คันนั้นทิ้ง ก็ยังมีช่องว่างส่วนต่างอยู่กว่าเก้าแสน

จ้าวโจ๋วเยว่ออกให้เขาแล้วหกแสนสอง เขายังขาดไปอีกสามแสน

________