บทที่ 2080 ดาวล้อมเดือน

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

“แสดงไมตรีต่อข้า?” อวิ๋นจือชิวถามอย่างลังเล สายตาชำเลืองมองทิศทางที่มู่หรงซิงหัวเดินออกไป

พอจะเข้าใจความหมายที่ซูอวิ้นอธิบายแล้ว บางอย่างไม่สะดวกจะพูดต่อหน้ามู่หรงซิงหัว ต้องรอให้มู่หรงซิงหัวออกไปก่อน นางถึงอธิบายออกมา

ในขณะนี้เอง เฟยหงก็กลับมาแล้วเช่นกัน หลังจากมาคำนับอวิ๋นจือชิวแล้ว อวิ๋นจือชิวก็ถามในรอยยิ้มว่า “ได้พบกับท่านแม่บุญธรรมของเจ้าแล้วเหรอ?”

“พบแล้วค่ะ” เฟยหงฝืนยิ้ม จากนั้นก็หาข้ออ้างขอตัวไป กลับมาพักผ่อนในห้องตัวเอง

อวิ๋นจือชิวกับซูอวิ้นมองหน้ากันเลิกลั่ก ต่างก็มองออกแล้วว่าเฟยหงมีอารมณ์หดหู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไปแล้ว

ผ่านไปสักครู่เดียว อวิ๋นจือชิวก็กลับเข้ามาในเรือนชั้นในเช่นกัน มาที่เขตลานบ้านของเฟยหง เคาะประตูห้องเฟยหงแล้ว

พอเปิดประตูมาแล้วเห็นว่าเป็นอวิ๋นจือชิว เฟยหงก็รีบให้นางเข้ามา “เหนียงเหนียงมาแล้วหรือคะ”

อวิ๋นจือชิวเข้ามาในห้องแล้วมองไปรอบๆ ด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง “น้องสาว เราพอใจกับการตกแต่งห้องนี้ไหม? ถ้าไม่พอใจข้าจะเรียกให้คนมาตกแต่งให้ใหม่”

“พอใจแล้วค่ะ ไม่ต้องยุ่งยากแล้วค่ะ” เฟยหงตอบ

อวิ๋นจือชิวเดินวนรอบห้อง ไม่มีท่าทีว่าจะออกไป เดินมานั่งลงบนเก้าอี้โดยตรง จ้องเฟยหงครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เจอมารดาเจ้าแล้วเหรอ?”

เฟยหงพยักหน้า

“อารมณ์เจ้าดูไม่ปกติ เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่ไหม?” อวิ๋นจือชิวถาม

สำหรับคำพูดของแม่เฒ่าลวี่ นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ในใจรู้อย่างชัดเจน ว่าอารมณ์ของตัวเองได้รับผลกระทบมาจากคำพูดของแม่เฒ่าลวี่ ถึงอย่างไรแม่เฒ่าลวี่ก็ไม่ได้พูดซี้ซั้ว ที่อีกฝ่ายพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง อวิ๋นจือชิวก็เข้าใจแล้ว สงสัยจะมีเรื่องจริงๆ จึงยื่นมือไปที่เก้าอี้ข้างโต๊ะชา “น้องสาว มานั่งตรงนี้สิ มีอะไรก็คุยกับข้าได้ เราไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย ไม่ต้องกังวลอะไร”

เฟยหงเดินเข้ามา นั่งลงช้าๆ หนังไม่รู้จะเอ่ยปากพูดอย่างไร ได้แต่ก้มหน้า

“เกิดเรื่องขึ้นกับแม่เจ้าเหรอ?” อวิ๋นจือชิวถาม

เฟยหงส่ายหน้า แต่กลับไม่บอกเหตุผล

อวิ๋นจือชิวเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้บีบบังคับนางเช่นกัน ใช้สองมือจับกระโปรง ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง เอนกายพิงเก้าอี้รอต่อไป

ในห้องตกสู่ความเงียบ ทนรอต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ  หลังจากผ่านไปนาน เฟยหงเองก็ทนไม่ไหวแล้ว บอกด้วยเสียงต่ำเบาที่สุดว่า “แม่เฒ่าลวี่อาจจะมองออกตั้งนานแล้วว่าข้ามาอยู่ฝ่ายท่านอ๋อง”

เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ อวิ๋นจือชิวก็ตกใจทันที โน้มตัวไปด้านข้างโต๊ะชา แล้วถามด้วยสีหน้าจริง “เรื่องเป็นยังไงกันแน่?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่านางมองออกได้ยังไง…” เฟยหงค่อยๆ เล่าเรื่องที่แม่เฒ่าลวี่แอบบอกใบ้นางที่สวนกลางเขียวขจี

อวิ๋นจือชิวฟังจบแล้วโล่งใจ แม่เฒ่าลวี่มองออกแล้วจริงๆ แต่น่าจะยังไม่เปิดเผยต่อภายนอก ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น นั่งถอนหายใจแล้วบอกว่า “ดูท่าแล้ว ท่านแม่บุญธรรมที่เจ้าเรียกมาหลายปีนี้จะไม่สูญเปล่า นางจริงใจต่อเจ้านั้นไม่ผิด ไม่อาจปฏิเสธได้ สิ่งที่น้องพูดก็มีเหตุผล และหวังดีต่อเจ้าจริงๆ” ขณะที่พูดอยู่นั้น จู่ๆ ก็ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเฟยหง “แต่นางหนูเอ๋ย เจ้านี่มันจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงหมาป่า ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว!”

เฟยหงที่โดนนิ้วจิ้มมองนางด้วยความงุนงง

อวิ๋นจือชิวถลึงตา “พอเห็นท่าทางเหม่อลอยของเจ้าแล้ว ข้าอยากจะตบเรียกสติเจ้าสักฉาดจริงๆ เลอะเลือน! แม่เฒ่าลวี่พูดไม่ผิดหรอก คนที่อยู่ในตำแหน่งแบบท่านอ๋อง เป็นไปได้ว่าจะกลายเป็นคนทำการใหญ่ที่ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ต้องดูด้วยว่าปฏิบัติต่อใคร สำหรับเจ้าแล้ว ท่านอ๋องเป็นคนประเภทนั้นเหรอ? เจ้าอยู่กับท่านอ๋องมาหลายปีขนาดนี้ ยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าท่านอ๋องดีกับเจ้าจากใจจริงหรือเปล่า? ตราบใดที่เจ้าไม่ทรยศท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะทรยศเจ้าได้ยังไง? เจ้ารู้หรือเปล่าว่าท่านอ๋องทนรับความกดดันขนาดไหน ต้องเสียสละมากขนาดไหนเพื่อจะช่วยแม่เจ้าออกมา? เดิมทีข้าก็ไม่อยากจะบอกเจ้าเลย กลัวว่าเจ้าจะกังวล แต่ในเมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะบอกเจ้าก็ได้ ว่าก่อนที่ท่านอ๋องจะลงมือกับทัพใต้ เพื่อที่จะช่วยแม่เจ้าออกมาน่ะ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าท่านอ๋องต้องจ่ายเยอะขนาดไหน? ท่านอ๋องยอมแอบทำข้อตกลงลับกับพระปีศาจหนานโป ให้พระปีศาจใช้พลังอภินิหารของตัวเองช่วยหาที่อยู่ของแม่เจ้า เจ้ารู้หรือเปล่าว่าหมายความว่าอะไร? หมายความว่าเจรจากับเสือเพื่อเอาหนังเสือไง หมายความว่าท่านอ๋องเป็นฝ่ายส่งจุดอ่อนของตัวเองไปไว้ในมือพระปีศาจ เท่านี้ยังไม่พอนะ ท่านอ๋องยังเตรียมแผนสำรองอีกอย่างไว้ด้วย ว่าทางฝั่งพระปีศาจทำไม่สำเร็จ ท่านอ๋องก็ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะจับตัวโอรสสวรรค์ชิงหยวนจุนหรือไม่ก็แม่ทัพคนสำคัญของกองทัพองครักษ์มาเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับแม่เจ้า”

เฟยหงเบิกตากว้างมองอวิ๋นจือชิว ดวงตาแดงก่ำแล้ว รู้สึกตกตะลึงมาก ก่อนหน้านี้เหมียวอี้เคยบอกนางว่า ก่อนจะลงมือกับทัพใต้ก็ได้วางแผนช่วยแม่นางเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะยอมทำข้อตกลงกับพระปีศาจหนานโปที่น่ากลัวเพื่อช่วยมารดานาง ทั้งยังเตรียมจะจับโอรสสวรรค์มาเป็นตัวประกัน นี่คือเรื่องที่นางจินตนาการได้ยากจริงๆ

อวิ๋นจือชิวตำหนิไม่หยุด “ในปีแรกๆ ท่านอ๋องไม่ทำอย่างนี้ ก็เพราะทัพใหญ่แดนรัตติกาลไม่มีความสามารถที่จะไปเสี่ยงอันตราย ตอนนี้ท่านอ๋องเพิ่งจะได้อาณาเขตทัพใต้ พอจะมีความสามารถในการเสี่ยงอันตรายบ้างแล้ว ตอนที่อาณาเขตยังไม่มีเสถียรภาพเต็มที่ เขาก็ยังจะทำเรื่องนี้เพื่อเจ้าแล้ว เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเขาต้องแบกรับอันตรายมากขนาดไหน? นางเด็กโง่เอ๊ย เจ้ามีสมองหน่อยได้ไหม? ถ้าท่านอ๋องไม่เห็นความสำคัญกับพวกเจ้าสองแม่ลูกจริงๆ ยังจำเป็นต้องคิดหาทางให้เจ้าถ่วงเวลาอยู่ไหม? แค่หลอกใช้เจ้าให้วางกับดักล่อมือสังหารมากำจัดพร้อมกันก็สิ้นเรื่องแล้ว จำเป็นต้องปล่อยให้เวลายืดเยื้อจนเสี่ยงโดนลอบสังหารได้ตลอดเวลาแบบนี้ไหม? ยังมีอีกนะ ที่ข้ามาครั้งนี้ ท่านอ๋องก็มอบภารกิจให้ข้าเหมือนกัน พระปีศาจให้เบาะแสบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแม่เจ้า หนึ่งในจุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ ก็เพื่อตรวจสอบความจริงจากเบาะแสที่พระปีศาจให้มา ฝั่งนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยแม่เจ้า แต่ดูเจ้าสิ พอมีคนพูดด้วยนิดเดียวก็หวั่นไหวแล้ว เจ้ารู้ถึงจิตใจทุ่มเทของท่านอ๋องหรือเปล่า?”

เฟยหงไหล่งามสั่นเทิ้ม น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า ลุกขึ้นคุกเข่าตรงหน้าอวิ๋นจือชิว “พี่สาว ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วค่ะ”

อวิ๋นจือชิวใช้สองมือประคองใบหน้านาง พร้อมกล่าวอย่างเวทนา “จะบอกว่าเจ้าผิดก็ไม่ได้ เจ้าก็แค่อยากจะช่วยแม่ของเจ้ามาก เพื่อที่จะช่วยแม่เจ้า เจ้าก็กล้าทิ้งแม้แต่โอกาสรอดชีวิตที่แม่เฒ่าลวี่มอบให้เจ้า ใครกล้าบอกว่าความกตัญญูของเจ้าเป็นเรื่องผิดล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็พูดเรื่องนี้ออกมาแล้ว แสดงว่าใจของเจ้าเอนเอียงไปทางท่านอ๋อง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้เลย แต่เจ้าไม่ควรสงสัยความจริงใจของท่านอ๋อง ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนดีกับเจ้าได้เท่านี้อีกแล้ว นี่คือวาสนาของเจ้า เจ้าต้องเห็นค่านะ! น้องสาว เจ้าฟังให้ดี ท่านอ๋องไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าจะทิ้งเจ้ากับแม่เจ้า ถ้าฝั่งพระปีศาจทำไม่สำเร็จ ท่านอ๋องก็จะจับตัวประกันที่มีน้ำหนักมากพอมาแลกกับแม่เจ้า เอาเป็นว่าท่านอ๋องจะช่วยแม่เจ้าออกมาแน่นอน เจ้าต้องเชื่อใจท่านอ๋อง ให้เวลาท่านอ๋องอีกสักหน่อย ดีไหม?”

เฟยหงหมอบบนตักนาง กล่าวเสียงสะอื้น แล้วสุดท้ายก็ร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา

อวิ๋นจือชิวแอบถอนหายใจขณะเอามือลูบศีรษะนาง พอในบ้านมีคนเยอะแล้ว เรื่องในบ้านก็มากขึ้นด้วย ถ้าอยากจะดูแลให้ทั่วถึงทุกด้านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คิดไปคิดมาก็อดไม่ได้ที่จะแอบด่าเหมียวอี้ สร้างปัญหาเรื่องผู้หญิงมากมาย แต่ยังต้องให้นางมาปลอบใจ มาช่วยเช็ดก้น เห็นนางเป็นอะไรไปแล้ว…

งานเลี้ยงอุทยานวันต่อมา แม่ทัพทุกคนของทัพใต้ที่มีสิทธิ์มาที่นี่ล้วนมาคำนับหวังเฟยที่เรือนพัก สวีถังหรานกับภรรยาก็มาแล้วเช่นกัน สวีถังหรานสุขสมหวังจริงๆ เสวี่ยหลิงหลงก็ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

สำหรับเสวี่ยหลิงหลงแล้ว นี่คือเรื่องที่เมื่อก่อนนางไม่เคยนึกถึงเลย ในปีนั้นตอนที่อยู่หอกลิ่นสวรรค์ นางเคยคิดเสียที่ไหนว่าจะมีวันที่ได้เป็นฮูหยินท่านโหวและมาเข้าร่วมงานเลี้ยงอุทยานหลวงอย่างสง่าผ่าเผย เพียงแต่เสียดายที่พวกท่านแม่สวีของหอกลิ่นสวรรค์ไม่มีโอกาสได้เห็นชีวิตอันมีเกียรติมีหน้ามีตาของนางอีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะนึกเสียดาย

เสวี่ยหลิงหลงอยากจะตามหาผู้ร้ายที่ลงมือสังหารพวกท่านแม่สวีมาตลอด ไม่รู้ว่ากำชับสวีถังหรานไปตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่สวีถังหรานมักจะบอกว่าพยายามสุดความสามารถแล้วแต่สืบไม่เจอ

สุดท้ายกลุ่มผู้ชายก็ไปที่พระตำหนักอุทยานก่อน ส่วนพวกผู้หญิงก็อยู่ต่อเป็นเพื่อนอวิ๋นจือชิว ฝั่งนี้ต่างก็รู้ว่าราชินีสวรรค์กับท่านอ๋องมีความขัดแย้งกัน กังวลว่าราชินีสวรรค์ใจเย็นชากับหวังเฟย ย่อมต้องเหลือผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเอาไว้ช่วยหวังเฟยรักษาภาพพจน์อยู่แล้ว

จากนั้น ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็เหมือนดาวล้อมเดือน เดินออตามอวิ๋นจือชิวไปถึงพระตำหนักอุทยาน

พวกผู้หญิงที่เข้าร่วมงานเข้าไปที่อุทยานด้านหลังโดยตรง ยอดหญิงงามที่อยู่ในอุทยานมีเยอะจนนับไม่ถ้วน ในตอนนี้ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่หญิงงามระดับบนๆของ ใต้หล้ามารวมตัวกัน แม้แต่เสวี่ยหลิงหลงที่มาเป็นครั้งแรกก็ยังมองจนตาลาย พบว่าผู้หญิงที่งดงามกว่านางมีนับไม่ถ้วน เป็นมวลหมู่บุปผาแข่งกันอวดความงามอย่างแท้จริง กลับเป็นอวิ๋นจือชิวพี่แต่งตัวข้างๆเรียบร้อย มีเพียงมงกุฎบนศีรษะที่ค่อนข้างสะดุดตา

ไม่เหมือนตอนแรกที่มาด้วยฐานะของลูกสาวบุญธรรมตระกูลโค่ว ครั้งนี้บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎหวังเฟย มีสาวงามจากจวนต่างๆ ในอุทยานทยอยกันมาทักทายคำนับแล้วไม่น้อย

ในจำนวนนั้นมีไม่น้อยที่หลายปีก่อนอวิ๋นจือชิวต้องคำนับพวกนาง อวิ๋นจือชิวในวันนี้ไม่เหมือนในอดีตแล้วจริงๆ ไม่ว่าคนที่มาคำนับจะรู้สึกเหยียดหยามในใจหรือไม่ แต่ภายนอกกลับต้องทำตัวเกรงอกเกรงใจ ก็ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ผู้ชายของนางเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ มีอำนาจทั้งอาณาเขต

ในงานนี้คนที่มีฐานะหวังเฟยจริงๆ มีเพียงอวิ๋นจือชิวกับเม่ยเหนียง

และสุดท้ายอวิ๋นจือชิวกับเม่ยเหนียงก็มาเจอกัน ต่างคนต่างพูดประจบสอพลอใส่กันตามมารยาท ก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ปนกัน

ที่จริงเม่ยเหนียงก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน พอเห็นอวิ๋นจือชิวมีคนรายล้อมเหมือนดาวล้อมเดือนก็ปวดใจ ถ้าพูดถึงความงดงามของลูกสาวตัวเอง มีหรือที่อวิ๋นจือชิวจะเทียบติด ถ้าไม่ใช่เพราะปีนั้นตัวเองคัดค้านไม่ให้ลูกสาวแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ ไม่แน่ว่าตอนนี้พวกนางสองแม่ลูกอาจจะโดดเด่นไม่มีใครเกินไปแล้วก็ได้ กลายเป็นตำนานตลอดกาล เป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งใต้หล้า แล้วดูตอนนี้สิ ลูกสาวของตัวเองถูกถ่วงเวลา กลายเป็นสาวแก่ที่มีอยู่ไม่กี่คนในยุคนี้ บางทีอาจจะกลายเป็นที่น่าขบขันในสายตาคนอื่นแล้วด้วย

ผู้หญิงของฝั่งตระกูลโค่วก็มาเรียกอวิ๋นจือชิวว่าน้องสาวหวังเฟยก็มี เรียกว่าท่านอาหญิงก็มี

สรุปสถานการณ์ตรงนี้ก็คือ อวิ๋นจือชิวที่เมื่อก่อนทำได้เพียงเป็นฝ่ายไปเข้าหาคนอื่นก่อน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวแล้ว ก็แค่ต้องยืนอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องอาศัยคนที่มีฐานะสูงกว่า ก็สามารถกลายเป็นจุดศูนย์รวมให้คนมาสรรเสริญเยินยอได้อย่างเป็นธรรมชาติ ข้างกายมีคนมากมายล้อมประจบเอาใจ ชมว่านางสวย ชมว่าเครื่องประดับของนางดูดี ชมว่าเสื้อผ้าของนางงดงาม ไม่รู้ว่าทำให้ผู้หญิงมากมายเท่าไหร่แอบอิจฉา

ขณะที่อวิ๋นจือชิวรับมือกับกลุ่มคน ดวงตางามก็ชำเลืองถงเหลียนซีที่ยืนอยู่ฝั่งตระกูลก่วงเป็นระยะ พบว่าผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างสงบเสงี่ยม เนื่องจากสถานะในปัจจุบัน ทำให้นางไม่สะดวกจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน

“หวังเฟยเหนียงเหนียง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ยิ่งงดงามมีเสน่ห์มากขึ้นทุกวันเลยนะ” จูโยวเหม่ย อนุภรรยาคนโปรดของเถิงเฟยเข้ามาทักทายข้างหลัง เป็นยอดหญิงงามที่หาพบได้ยากในใต้หล้าเช่นกัน

จากที่ซูอวิ้นเตือนไว้ อวิ๋นจือชิวจึงสังเกตผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่อาจเป็นเพราะคนเยอะเกินไป หลังจากทักทายกันสองสามประโยค จูโยวเหม่ยก็ถอยออกไปแล้ว แต่สายตายังมองอวิ๋นจือชิวเป็นระยะ

ผ่านไปไม่นาน ก็มีเทพธิดาเดินเข้ามา เชิญให้อวิ๋นจือชิวกับเม่ยเหนียงเข้าไปนั่งในศาลาหลัก ที่ว่างตรงกลางระหว่างทั้งสองก็ไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นของใคร เป็นของราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แน่นอน ตามเสียงระฆังที่ดังก้องของพระตำหนักอุทยาน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่เดินเข้ามาอย่างสง่าน่าเกรงขาม ผู้หญิงทั้งอุทยานกล่าวคำนับพร้อมกัน

………………