ตอนที่ 1923 ทุบตีโดยไม่ไต่ถาม

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1923 ทุบตีโดยไม่ไต่ถาม

 

ถึงแม้พลังของสตรีตรงหน้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่วาสนาที่รออยู่เบื้องหน้าพวกเขาก็ล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบเช่นกัน เพราะงั้นมีรีที่พวกเขาจะยอมยกมันให้ผู้อื่น?

 

“แม่นาง เจ้าเป็นใครกัน?” เอี๋ยนเซียนลู่ชิงลงมือก่อน ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นั้น เขาไม่เคยคิดจะมอบวาสนาของราชานิรันดร์ให้ใครอื่นอยู่แล้ว เหตุผลที่เขาเรียกเหล่าอัจฉริยะทั่วล้ามารวมตัวกัน ก็เพื่อกระตุ้นอํานาจของสวรรค์และปฐพีในสถานที่แห่งนี้

 

ครั้งนี้เจี้ยนเซียนไม่ได้ทําเพียงป้องกันอีกต่อไป และเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พลังต่อสู้ของเขาถูกรีดเค้นให้สูงขึ้นจนผมสีดํากลายสภาพเป็นโปร่งใส ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นอํานาจแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ กลิ่นอายทั่วร่างของเขาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

 

นี่คือพลังของแก่นกําเนิดนิรันดร์ กายหยาบวิถีนิรันดร์

 

ซานจี้ถงและเหลาซงตกตะลึง นี่น่ะรีพลังที่แท้จริงของอู๋เซียนลู่

 

พวกเขาจิตตกไปอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ฟื้นคืนความมั่นใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

 

อํานาจของแก่นกํานิรันดร์ที่แข็งแกร่งกว่า สามารถช่วยให้อู่เซียนได้เปรียบเพียงแค่ในช่วงระดับพลังก่อนราชานิรันดร์เท่านั้น แต่หลังจากที่พวกเขาบรรลุเป็นราชานิรันดร์แล้ว อํานาจแห่งกฏเกณฑ์ทั้งหมดจะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน และขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถใช้พวกมันได้เชี่ยวชาญกว่ากัน

 

สําหรับจักรพรรดิเช่นพวกเขา พลังบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์ต่างหาก ที่เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง

 

เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรในตอนนี้ เอี๋ยนเซียนลู่ก็ถือว่าเป็นตัวตนไร้เทียมทานอย่าง

แท้จริงเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการออกว่า ในยุทธภพนี้คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้ จะต้องเป็นสัตว์ประหลาดเช่นใด ส่วนเรื่องที่จะมีใครสามารถเอาชนะเขาได้น่ะ?

 

นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เอียนเซียนสู่ผู้นี้สมควรเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริงแล้ว

 

ตูม!

 

เพียงแต่ยังไม่ทันที่ความคิดของพวกซานจี้ถงจะสิ้นสุด ภาพที่พวกเขาเห็นก็คือสตรีที่งดงามทําการพุ่งทะยานเข้ามาใกล้ราวกับสัตว์ป่า และซัดหมัดเข้าใส่ร่างเอี๋ยนเซียนลู่จนลอยกระเด็น

 

ใช่แล้ว ลอยกระเด็น

 

แม้แต้เอี๋ยนเซียนลู่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้งั้นรึ?

 

ปากของซานจี้ถงและเหลาซงตกตะลึง และอ้าปากกว้างจนแทบจะยัดไข่เข้าไปได้ทั้งใบ สีหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร!

 

และในอีกครู่หนึ่งต่อมา ใบหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นปั้นยากทันที

 

นั่นเพราะสตรีตรงหน้าได้พุ่งทะยานต่อเข้ามายังทิศทางของพวกเขา ด้วยแววตาที่ราวกับต้องการบดขยี้ศัตรูให้สิ้นซาก “ปัง ปัง” นางปล่อยหมัดออกมาสองหมัด

 

ซานจี้ถงและเหลาซง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง สตรีผู้นี้ราวกับไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์อสูร หมัดของนางเอ่อล้นไปด้วยพลังอํานาจที่พวกเขาไม่อาจต่อต้านและต้องยอมถูกซัดจนลอยกระเด็นอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

อะไรกัน ทําไมเจ้าต้องทุบตีพวกข้าด้วย? นี่ข้าไปล่วงเกินเจ้าตอนไหนกัน?

 

สตรีลึกลับวิ่งผ่านไป โดยมีกองกําลังร่างความทรงจําไล่ตามไปติดๆ จํานวนของร่างความทรงจํานั้นมีมากมายจนทําให้แม้แต่ พวกเอี๋ยนเซียนลู่ก็ไม่กล้าไล่ตามไปแก้แค้น

หากจะแก้แค้นพวกเขาก็ต้องฝ่าฟันกองทัพร่างความทรงจําไปให้ได้เสียก่อน เพียงแต่คิดว่าจะ มีใครบ้างที่กล้ารับมือกับจอมยุทธระดับเดียวกันนับหมื่นคนพร้อมกัน?

 

ใบหน้าของพวกเอี๋ยนเซียนลู่ทั้งสามกลายเป็นหดหูสิ้นหวัง ทั้งๆ ที่พวกเขามาถึงที่นี่ได้แล้วแท้ๆ แต่วาสนาตรงหน้ากลับต้องถูกสตร์ลึกลับแย่งชิงไป

 

ช่างน่ารังเกียจนัก

 

เพียงแต่หลังจากที่สตรีลึกลับวิ่งผ่านไป นางกลับเมินเฉยต่อแผ่นหินวาสนาราชานิรันดร์ และวิ่งต่อไปจนหยุดอยู่ที่ปลายยอดเขา

 

สถานการณ์แบบนี้มันขึ้นอะไรกัน?

 

พวกเอี๋ยนเซียนลู่ชะงักอีกครั้ง สตรีผู้นี้คิดอะไรอยู่กันแน่? ทั้งๆ ที่ซัดพวกเขาทั้งสามจนลอยกระเด็นไปแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่รีบครอบครองแผ่นหินราชานิรันดร์กัน? หรือนางต้องการเหยียดหยามพวกเขา?

 

“หลิงฮั่น! หลิงฮัน!” สตรีลึกลับนํามือมาครอบริมฝีปากและตะโกนจากยอดเขา

 

สตรีลึกลับผู้นี้แน่นอนว่าคือซูหนิว เมื่อนางหยุดยืนอยู่ที่ยอดเขาเช่นนี้ ร่างความทรงจํามากมายจึงไล่ตามนางทัน และพุ่งทะยานเข้าใส่นางอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

 

พวกอู่เซียนหมิงทั้งสามคนตกตะลึงจนไร้คําพูดอีกครั้ง

 

นี่นางบ้าไปแล้วรึไง?

 

จริงอยู่ที่นางมีพลังต่อสู้แข็งแกร่ง ที่แม้แต่อู๋เซียนลู่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่หากถูกร่างความทรงจํามากมายขนาดนี้จู่โจมใส่พร้อมกัน ต่อให้เป็นอู๋เซียนลู่ก็คงถูกทุบตีจนฟกช้ำไปถึงรูก้น

 

แล้วนางจะรับมือได้อย่างไร?

 

การที่จู่ๆ ก็ยืนหยุดอยู่ที่ยอดเขาเช่นนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะกล่าวอะไรออกมาดี

 

คนที่มีสติปัญญาเช่นนี้สามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุห้านิพพานได้อย่างไรกัน?

 

ครืนน!

 

แต่ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางฝูงร่างความทรงจํา คลื่นแสงบางอย่างก็ส่องประกายออกมาทีละคลื่น สองคลื่น สามคลื่น จนกลายเป็นหลายล้านคลื่น และระเบิดพลังทําลายอันผันผวนออกมา “ตูม” ร่างความทรงจําทั้งหมดถูกบดขยี้ กลายเป็นเป็นเศษฝุ่นในพริบตา

 

ร่างของซูหนิวกลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง และปัดฝุ่นบนอย่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “แค่หาหลิงอันไม่เจอหนิวก็หงุดหงิดมากพอแล้ว เจ้าพวกนี้ยังกล้ามาหาเรื่องหนิวอีกรึ? ช่างน่ารังเกียจนัก!”

 

นางกวาดสายตามองไปทั่วพื้นที่ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด พวกเอี๋ยนเซียนลู่ทั้งสามคนที่เห็นเช่นนั้น ก็จิตใจสั่นสะท้านและเกิดความคิดอยากจะเผ่นหนี

 

ไม่จริง จักรพรรดิเช่นพวกเขาถูกทําให้สูญเสียจิตใจสู้รบเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “พวกเจ้ามองหนิวทําไม อยากมีเรื่องสั้นรึ?”

 

พวกเอี๋ยนเซียนลู่แน่นิ่งไร้คําพูด ไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าหรอกที่เป็นคนกวาดสายตามองพวกข้าก่อน?

 

เพียงแต่ทั้งสามคนก็อดคิดไม่ได้ว่า ทักษะที่สตรีลึกลับผู้นี้ใช้เมื่อครู่คือทักษะใดกันแน่ การที่สามารถกําจัดร่างความทรงจํานับหมื่นได้ในพริบตาเช่นนั้น เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่แม้แต่ตัวตนระดับตัดวิญญาณหยาง หรือตัดวิญญาณหยินก็ทําไม่ได้

 

สตรีผู้นี้มีพลังบ่มเพาะระดับห้านิพพาน แต่กลับมีพลังต่อสู้เทียบเท่าตัวตนระดับตัดวิญญาณสวรรค์งั้นรึ?

 

ไม่มีทาง

 

พวกเขายอมรับว่าฮูหนิวแข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ก็ไม่คิดว่านางจะมีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนั้น การโจมตีเมื่อครูจะต้องเป็นทักษะลับบางอย่างแน่นอน

 

“โอ้ ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นของดีนะ!” ฮูหนิวมองไปยังแผ่นหินราชานิรันดร์ ดวงตาของนางส่องประกายและรีบวิ่งไปยังแผ่นหิน “ไม่เลวๆ นําไปมอบให้หลิงฮันดีกว่า!”

 

“แม่นาง!” เอี๋ยนเซียนลู่รีบเอ่ยแทรกโดยไม่คิด “นั่นไม่ใช่ของเจ้า!”

 

“พวกเจ้าคิดจะแย่งของของหนิวงั้นรึ?” หนิวมองไปยังทั้งสามคนด้วยแววตาโหดเหี้ยม ราวกับพยัคฆ์ที่กําลังจ้องมองเหยื่อ

 

จิตใจของซานจี้ถงและเหลาซงสั่นสะท้าน เนื่องจากทั้งๆ ที่พวกเขาสองคนยังไม่ทําอะไรแท้ๆ แต่ฮูหนิวกลับมองว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันกับเอี๋ยนเซียนลู่ไปเสียแล้ว

 

ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน พวกเขาสองคนไม่ได้ขวางทางฮูหนิวเหมือนอู๋เซียนลู่แท้ๆ แต่ฮูหนิวก็ยังซัดร่างพวกเขาลอยกระเด็น โดยไม่เอ่ยปากถามอะไรแม้แต่น้อย

 

ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน