ตอนที่ 1922 จักรพรรดิที่แท้จริง

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1922 จักรพรรดิที่แท้จริง

 

“อู๋เซียนลู่ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ซานจี้ถงเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด

 

ถึงแม้ชื่อเสียงของอู๋เซียนลู่จะเป็นที่โจษจัน ในฐานะนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่ง แต่เขากับเหลาซงเองก็เป็นจักรพรรดิเช่นกัน พลังของอู๋เซียนลู่กับพวกเขาจะแตกต่างกัน จนต้องร่วมมือกันได้อย่างไร?

 

อู๋เซียนลู่พาดมือไว้ที่ด้านหลังและกล่าวอย่างไม่แยแส “ข้าบ้าหรือไม่นั้น หลังจากลงมือเดี๋ยวก็

 

“ถ้างั้นก็มาสู้กัน!” ซานจี้ถงไม่คัดค้านที่จะร่วมมือกับเหลาซง และเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน ร่างของเขาแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงสีดํา ก่อนจะไปปรากฏที่ด้านหน้าเอี๋ยนเซียนในพริบตาและปล่อยหมัดโจมตี

 

ถึงแม้หมัดนี้จะดูธรรมดา แต่อํานาจของมันก็ทรงพลังจนดูราวกับ แม้แต่สวรรค์และปฐพีก็สามารถถูกบดขยี้ได้ด้วยหนึ่งหมัดนี้

 

เหลาซงเองก็ลงมือ แขนของเขายืดยาวออกมาและแปรสภาพกลายเป็นอสรพิษสีเงิน เลื้อยไปพัวพันร่างของเอี๋ยนซียนลู่

 

“หมับ” อสรพิษสีเงินรัดร่างของอู๋เซียนลู่เอาไว้แน่น ราวกับต้องการจะบีบร่างของเขาให้ แหลกเป็นเสี่ยงๆ

 

“พี่ชายเอี๋ยน ท่านประมาทเกินไปแล้ว!” ดวงตาของเหลาซงปรากฏร่องรอยความไม่พอใจเนื่องจากเอี๋ยนเซียนลู่ดูถูกพวกเขาเกินไป จนไม่ทําการตอบโต้ใดๆ อสรพิษสีเงินจึงรัดร่างของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

 

เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มโดยไม่ต่อล้อต่อเถียง โดยในขณะที่หมัดของซานจี้ถงกําลังพุ่งเข้ามาใกล้นั่นเอง เขาก็สามารถสลัดร่างหลุดออกจากอสรพิษสีเงินได้อย่างง่ายดาย และผลักฝ่ามือตอบโต้หมัดของซานจี้ถง

 

ตูม!

 

คลื่นกระแทกอันรุนแรงกระจัดกระจายออกไปทั่วทิศทาง

 

ทั้งซานจี้ถงและเหลาซงเปลี่ยนสีหน้าทันที

 

ทางด้านของซานจี้ถง เขาตกตะลึงที่เอี๋ยนเซียนลู่สามารถปัดป้องหมัดของเขาได้ด้วยการโจมตีลวกๆ จากฝ่ามือ ยิ่งกว่านั้นคือฝ่ายที่เสียเปรียบคือเขาด้วยซ้ำ แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ร่างก็ถูกส่งลอยกระเด็นออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังต่อสู้ของเขาต้อยกว่าอีกฝ่าย

 

ส่วนทางด้านของเหลาซง ตัวเขานั้นรู้อยู่แก่ใจดีว่าอสรพิษของเขามีอํานาจที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน แต่ทว่าเอี๋ยนเซียนลู่กลับสลัดตัวหลุดพ้น จากอสรพิษของเขาได้อย่างง่ายดายราวกับอสรพิษของเขาไม่ใช่อสรพิษต้นกําเนิด แต่เป็นเพียงเชื่อกธรรมดา

 

ใบหน้าของทั้งสองคนกลายเป็นอัปลักษณ์

 

พวกเขาทําใจยอมรับไม่ได้ที่เอี๋ยนเซียนลู่ สามารถเผชิญหน้ากับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แถมยังดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วย

 

พวกเขา… เป็นถึงจักรพรรดิเชียวนะ!

 

ใต้สวรรค์เหนือปฐพี จักรพรรดิคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุด เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะพ่ายแพ้?

 

“พวกเจ้าควรจะออกไปดูโลกบ้างนะ” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าวอย่างไม่แยแส “ยุทธภาพอันกว้างใหญ่นี้มีอัจฉริยะอยู่มากมายราวกับหมู่เมฆ พวกเจ้าที่อยู่แต่ด้านหลังประตูที่ปิดตาย คิดจริงๆ รึว่าแค่เป็นจักรพรรดิก็จะไร้เทียมทานในระดับเดียวกันแล้ว?”

 

“จักรพรรดิเองก็มีความต่างชั้นของพลังเหมือนกัน!”

 

เมื่อกล่าวประโยคสุดท้าย ร่างของอู๋เซียนลู่ก็ดูราวกับส่องประกายไปด้วยแสงอันโชติช่วง ที่ไม่มีอะไรมาดับได้

 

จิตใจของซานจี้ถงและเหลาซงสั่นสะท้าน ถึงแม้เมื่อครู่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันเพียงหนึ่งกระบวนท่า และยังไม่ได้ใช้ทักษะที่ทรงพลังอื่นๆ แต่ด้วยระดับพลังของพวกเขา ย่อมสามารถตระหนักได้ไม่ยากว่า ฝ่ายไหนคือฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่า

 

เอียนเซียนคือรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกอย่างแท้จริง 

 

ไม่ใช่แค่ในด้านของพลังเท่านั้น แต่ในแง่ของความน่าเกรงขาม อู๋เซียนลู่ก็สามารถทําให้พวกเขารู้สึกราวกับ ต้องการยอมศิโรราบขอเป็นผู้ติดตาม

 

ทั้งสองตกตะลึงในเรื่องนี้มาก พวกเขาที่เป็นจักรพรรดิจะยอมติดตามผู้อื่นได้อย่างไร? เพียงแต่ไม่ว่าจะทําอย่างไร ความรู้สึกนี้ก็ไม่หายไปเสียที

 

“หลิงฮัน! หลิงฮัน!”

 

ในจังหวะนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านล่างยอดเขา

 

เอี๋ยนเซียนอู่ตกตะลึง แน่นอนว่าเขารู้ว่าใครคือหลิงฮัน แต่สตรีผู้นี้ต่างหากที่เป็นใคร?

 

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยอํานาจแห่งเต๋า สายตาของเขาจึงไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และมองเห็นระยะที่หางออกไปเพียงเลือนราง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปไม่นานภาพที่เลือนรางก็ค่อยชัดขึ้น และเห็นสตรีงดงามผู้หนึ่งกําลังวิ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์

 

งดงามมาก ช่างดูบริสุทธิ์และมีเสน่ห์น่าดึงดูดอะไรเยี่ยงนี้

 

ในโลกนี้มีสตริงดงามที่ดูบริสุทธิ์ขนาดนี้อยู่ได้อย่างไร?

 

แม้แต่จิตใจที่หนักแน่นของเอี่ยนเซียนลู่ก็ยังหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ก็กลับไปสงบนิ่งในเวลาไม่นาน หากยังไม่บรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาจะไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากศาสตร์วรยุทธเด็ดขาด

 

แต่เดี๋ยวก่อน สตรีผู้นี้ เขาไม่ได้เชิญนางมาที่นี่! นอกจากนั้น เขาก็ไม่เห็นสตรีผู้นี้ที่ตีนเขาด้วย

 

อู๋เซียนลู่ตกตะลึงขึ้นมาในทันที นั่นหมายความว่าสตรีผู้นี้ต้องเริ่มไต่เขาขึ้นมา หลังจากที่พวกเขาทุกคนนําหน้าไปก่อนแล้ว ซึ่งทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้นแต่นางก็ยังไล่ตามมาทันได้ แสดงให้เห็นพลังของสตรีผู้นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง

 

แต่ก็น่าแปลก หากมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ เหตุใดเขาถึงไม่กัน?

 

ซานจี้ถงกับเหลาซงเองก็มีความคิดเดียวกัน ทั้งๆ ที่ออกตัวช้ากว่าพวกเขา แต่กลับสามารถมาถึงยอดเขาได้หลังจากพวกเขาเพียงเล็กน้อย แสดงว่าสตรีผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆ

 

อะไรกัน!

 

ยังไม่ได้ที่พวกอู๋เซียนลู่จะตั้งสติได้ ใบหน้าของพวกเขาสามคนก็แสดงท่าที่ตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด เนื่องจากภาพที่พวกเขาเห็นคือสตรีผู้นี้ไม่ได้วิ่งมาแค่คนเดียว แต่ยังพา “กองทัพ” ขนาดใหญ่ตามมาด้วย

 

กองทัพที่ว่าคือเหล่าอัจฉริยะ จากความทรงพลังของราชานิรันดร์หย่งชาน

 

พระเจ้า!

 

แม้แต่อัจฉริยะไร้เทียมทานอย่างเซียนลู่ก็แทบจะอุทานออกมา สตรีผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดนางถึงลากร่างความทรงจํามามากมายขนาดนี้?

 

ประเด็นสําคัญอยู่ที่นางสามารถวิ่งนําพวกมันมาได้ โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

 

“พรึบ! พรึบ!”

 

เมฆหมอกที่อยู่ด้านหน้ารวมตัวกันกลายเป็นร่างมนุษย์ และปล่อยหมัดเข้าใส่สตรีงดงาม เพียงแต่ทันทีที่ร่างความทรงจําทะยานร่างพุ่งเข้าใส่ มันก็ถูกสตรีเตะจนลอยกระเด็นอย่างง่ายดาย

 

“หลบไป! ไสหัวไปให้พ้น!” สตริงดงามวิ่งเข้ามาตรงๆ ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ “ใครที่ไม่หลบ หนิวจะซัดให้กระเด็นไปให้หมด!”