ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 122 ทางเลือกของจงซานอ๋อง

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​เช่นเดียวกับ​ถนน​อื่นๆ​ ​ถนน​ไท่​ผิง​ก็​เงียบสงัด​มาก​เช่นกัน

​ยอด​ฝีมือ​ตระกูล​เทียน​ไห่​และ​ใน​จวน​อ๋อง​เหล่านั้น​ได้​ออกจาก​เมือง​ไป​เพื่อ​พบ​พวก​กบฏ​แล้ว​ ​กำลัง​อยู่​ที่​ด้านนอก​วัง​

​เวลานี้​ ​จง​ซาน​อ๋อง​กลับ​แยกจาก​ทัพ​กบฏ​ ​กลับ​ไป​ยัง​จวน​อ๋อง​ที่​ถนน​ไท่​ผิง

​ท่าน​อ๋อง​ตระกูล​เฉิน​ผู้มีเกียรติ​ศักดิ์​ที่สุด​ใน​กองทัพ​คือ​เซียง​อ๋อง​และ​จง​ซาน​อ๋อง

​การ​จากไป​ของ​เขา​เป็น​เหตุการณ์​ที่​น่า​ตกใจ​มาก​สำหรับ​ทัพ​กบฏ​ ​กระทั่ง​อาจ​ทำให้​จิตใจ​ของ​ทหาร​สั่นคลอน

​ฉิน​ฉือ​เป็น​หัวหน้า​ที่ปรึกษา​ของ​จวน​อ๋อง​ ​เขา​ไม่ได้​ไป​ทางเหนือ​พร้อมกับ​กองทัพ​ ​แต่​อยู่​ใน​จิง​ตู​อย่าง​ลับ​ๆ​ ​และ​คอย​ประสานงาน​อยู่​ตรงกลาง

​หลังจาก​ได้รับ​ข่าว​ ​เขา​ก็​รีบร้อน​กลับ​ไป​ที่​จวน​อ๋อง​ ​และ​เห็นท่า​นอ​๋​อง​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้​มีพ​นัก​พิง​ ​ก็​ราวกับว่า​เขามอง​เห็น​ผี​เลย​ทีเดียว

​จง​ซาน​อ๋อง​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​อยู่​ที่​ด่าน​ยง​หลาน​มาโดยตลอด​ ​วันนี้​เพิ่งจะ​มาถึง​จิง​ตู​ ​และ​ได้​พบ​กับ​เซียง​อ๋อง​ใน​ทัพ​กบฏ​ ​สนทนา​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็​เดินทาง​กลับ​ค่ายทหาร​รักษา​พระองค์​ของ​ตน​ ​ไม่มี​ผู้ใด​คาดคิด​ว่า​ตัว​เขา​เอง​จะ​เดินทาง​กลับ​เมือง​จิง​ตู​ ​หลังจาก​กลับ​ถึง​จวน​ก็​อาบน้ำ​รอบ​หนึ่ง​ ​นอนหลับ​ตื่น​หนึ่ง​ ​เปลี่ยน​อาภรณ์​เป็น​ชุด​ผ้าไหม​เนื้อนุ่ม​ ​เวลานี้​เขา​กำลัง​ยก​ชาม​บะหมี่​ผัด​เครื่องปรุง​ขึ้น​มากิน​ส่งเสียง​มูมมาม

​“​ท่าน​อ๋อง​คนดี​ของ​ข้า​ขอรับ​…​นี่​ท่าน​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​อยู่​หรือ​ขอรับ​ ​ท่าน​รู้​หรือไม่​ ​พวกเรา​กำลัง​สมคบคิด​กับ​กบฏ​อยู่​หรือ​ ​กำลังจะ​ก่อ​กบฏ​หรือ​”

​ฉิน​ฉือ​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​โง่งม​ไป​ทั้ง​ใบ​ ​“​ท่าน​จะ​ติดตาม​กบฏ​ ​หรือ​จะ​รีบ​ตัดสินใจ​ให้​แน่ชัด​ ​จะ​กลับบ้าน​มานอน​หลับ​ได้​อย่างไรเล่า​ ​บะหมี่​ชาม​นี้​อร่อย​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

​จง​ซาน​อ๋อง​วาง​ชาม​บะหมี่​ลง​ ​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไร้ความรู้สึก​ว่า​ ​“​น่ารำคาญ​นัก​ ​เจ้า​ก็​พูด​มา​เสียว​่า​ที่แท้​แล้ว​เจ้า​ต้องการ​อย่างไร​!​”

​แววตา​ของ​ฉิน​ฉือ​เปลี่ยนไป​เล็กน้อย​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ดู​จาก​สถานการณ์​ฝั่ง​นอก​เขต​พระราชฐาน​แล้ว​ ​เซียง​อ๋อง​ดู​มี​ความมั่นใจ​มาก​นัก​”

​จง​ซาน​อ๋อง​ยิ้ม​หยัน​กล่าวว่า​ ​“​เจ้า​คิด​ว่า​เสด็จ​พี่​จะ​ยอมให้​ข้า​ได้​เป็น​จักรพรรดิ​หรือ​”

​ฉิน​ฉือ​ตกใจ​เบา​ๆ​ ​พูดว่า​ ​“​มาคิด​ดูแล​้​ว.​..​ก็​คงจะ​ไม่​”

​จง​ซาน​อ๋อง​กล่าวว่า​ ​“​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​เขา​จะ​สามารถ​ทำ​สิ่ง​ต่างๆ​ ​ได้​หรือไม่​ ​ข้า​กับ​ใน​ตอนนี้​มียั​งมี​ความแตกต่าง​อัน​ใด​อีก​เล่า​”

​ฉิน​ฉือ​ยิ้มแหย​พลาง​ว่า​ ​“​ปัญหา​คือ​ ​หาก​ท่าน​ไม่​ทำตาม​เซียง​อ๋อง​ ​หาก​เขา​กระทำการ​แล้วเสร็จ​ ​เขา​จะ​ต้อง​สังหาร​ท่าน​เป็นแน่​”

​จง​ซาน​อ๋อง​กล่าวว่า​ ​“​มีเหตุผล​ ​ในเมื่อ​ฝ่า​บาท​ไม่​สังหาร​ข้า​ ​คงจะ​เป็นการ​ดีกว่า​หาก​ข้า​จะ​สนับสนุน​ฝ่า​บาท​”

​ฉิน​ฉือ​ตกตะลึง​อีกครั้ง​ ​คิดในใจ​ว่าวา​จานี​้​เกิดขึ้น​มา​ได้​จาก​ที่ใด​อีก

​ยัง​ไม่ทัน​รอ​ให้​เขา​ได้​เกลี้ยกล่อม​สิ่งใด​ต่อไป​ ​มือ​ของ​จง​ซาน​อ๋อง​ก็​ลงมา​อยู่​ที่​คอ​ของ​เขา​เสีย​แล้ว

​…​นิ้วมือ​ของ​ท่าน​อ๋อง​ราวกับ​เหล็กกล้า​ ​เมื่อ​ครู่​ตน​ไม่น่า​เกลี้ยกล่อม​ให้​เขา​วาง​ชาม​บะหมี่​ผัด​เครื่องปรุง​ลง​จริงๆ​

​นี่​เป็น​สอง​ความคิด​สุดท้าย​ใน​ชีวิต​ของ​ฉิน​ฉือ

​จนกระทั่ง​เสียง​บีบ​แตก​ กร​๊​อบ​ ดัง​ขึ้น​ ​เขา​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ว่า​ ​เหตุใด​ท่าน​อ๋อง​รู้เรื่อง​ความสัมพันธ์​ส่วนตัว​ของ​เขา​กับ​เซียง​อ๋อง​ ​และ​เหตุใด​จึง​ทำ​เช่นนี้

​ร่าง​ของ​ฉิน​ฉือ​ถูก​ลาก​ออก​ไป​ ​จง​ซาน​อ๋อง​ยังคง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​อย่างยิ่ง​ ​เขา​ปลด​เสื้อ​ ​แล้ว​ออกแรง​สะบัด​พัด

​นางสนม​โฉมงาม​ผู้​หนึ่ง​เดิน​เข้ามา​ ​เมื่อ​เห็น​สถานการณ์​ก็​รีบ​หยิบ​พัด​เล็ก​ๆ​ ​ขึ้น​มา​พัด​ให้​เขา

​เรื่อง​ที่​ที่ปรึกษา​คน​นี้​ไม่เข้าใจ​จนตาย​ ​นางสนม​ผู้​นี้​กลับ​มองเห็น​ทะลุปรุโปร่ง

​แม้ว่า​ท่าน​อ๋อง​จะ​ไม่ทราบ​ว่าที่​ปรึกษา​คน​นี้​มี​ความสัมพันธ์​ส่วนตัว​กับ​เซียง​อ๋อง​ ​ก็​ไม่มีทาง​ฟัง​ความคิดเห็น​ของ​เขา​ ​เพราะ​ท่าน​อ๋อง​ก็​ไม่เคย​มอง​เซียง​อ๋อง​ในแง่​ดี​เลย

​แม้ว่า​สถานการณ์​ของ​ทัพ​กบฏ​ตอนนี้​จะ​ดีมาก​ ​แม้ว่า​เฉิน​หลิว​อ๋อง​เป็นตัว​ประกัน​มา​แล้ว​สิบ​ปีก​็​ตาม​ ​เขา​ยัง​สามารถ​เกลี้ยกล่อม​ข้าราชบริพาร​หลาย​คน​ได้​สำเร็จ​ ​เป็น​บุคคล​ที่​น่าทึ่ง​จริงๆ​

​“​ได้ยิน​มา​ว่า​…​บางคน​ใน​วัง​ก็​ถูก​เฉิน​หลิว​อ๋อง​เกลี้ยกล่อม​แล้ว​”

​นางสนม​เหลือบมอง​จง​ซาน​อ๋อง​ปราด​หนึ่ง​อย่าง​ลังเล​เล็กน้อย

​จง​ซาน​อ๋อง​พูดว่า​ ​“​ลิ้น​ก็​เหมือน​ดาบ​ ​แต่​ที่สุด​แล้วก็​มิใช่​ดาบ​จริง​ ​มีประโยชน์​อะไร​”

​นางสนม​ถอนใจ​ ​และ​นำ​จอก​สุรา​ของ​เขา​มา​เติม​ให้​เต็ม

​เซียง​อ๋อง​มองดู​ท้องฟ้า​ของ​ฤดูใบไม้ร่วง​นอก​หน้าต่าง​ ​ใน​มือถือ​จอก​สุรา​ใบ​เล็ก​อยู่​ ​อารมณ์​ของ​เขา​ไม่ได้​สบาย​และ​ผ่อนคลาย​ดังเช่น​ที่​แสดงออก

​ทัพ​กบฏ​เข้ายึดครอง​จิง​ตู​แล้ว​ ​แต่​ยัง​มี​เวลา​อีก​สัก​ระยะ​ก่อนที่​วัง​ของ​จักรพรรดิ​จะ​ถูก​ยึดครอง

​ความมั่นใจ​ของ​เซียง​อ๋อง​มาจาก​ที่ใด​ ​เหตุใด​เขา​จึง​ไม่สน​ใจ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​จู่ๆ​ ​จง​ซาน​อ๋อง​นึกถึง​ไป​ถึง​เรื่อง​หนึ่ง​ ​เขา​ขว้าง​จอก​เหล้า​ลง​บน​โต๊ะ​อย่างแรง​ ​และ​ตะโกน​เสียงดัง​ว่า​ ​“​ค่าย​ผิง​เป่ย​!​”

​……

​……

​ดังที่​เห็น​ได้​จาก​ชื่อ​ ​ค่าย​ผิง​เป่ย​คือ​กองทัพ​ที่​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ของ​เผ่า​ปีศาจ

​ค่าย​ผิง​เป่ย​ควรจะ​รีบ​ไป​ช่วยเหลือ​กองทัพ​มนุษย์​และ​โจมตี​เหล่า​ปีศาจ​ ​แต่​หลังจาก​ผ่าน​ทัพ​ชง​โจว​ได้​ไม่นาน​ ​ค่าย​ก็​หยุด​เดิน​ไป​ทางเหนือ​และ​เดิน​วน​เป็น​วงกลม​อยู่​ใน​ถิ่นทุรกันดาร

​ใน​ตอนแรก​เริ่ม​ ​มี​หลาย​คน​คิด​ว่า​เป็นการ​ทรยศ​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ ​ต่อมา​เมื่อ​กองกำลัง​เสริม​ของ​เผ่า​ปีศาจ​สอง​กอง​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​หลาย​คน​คิด​ว่า​เหตุผล​ที่​ค่าย​ผิง​เป่ย​ทำ​เช่นนี้​ทั้งหมด​เพื่อ​ปกปิด​กำลัง​เสริม​ทั้งสอง​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ ​อย่างไรก็ตาม​ปรากฏ​ว่าการ​คาดเดา​ทั้งหมด​นั้น​ล้วน​ไม่​ถูกต้อง​ ​หรือ​สามารถ​พูด​ได้​ว่า​ไม่สมบูรณ์

​ก่อนที่​กองกำลัง​เสริม​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ทั้งสอง​จะ​ผ่าน​สันเขา​ข้าง​ทุ่งหญ้า​ของ​เผ่า​จิตวิญญาณ​พรสวรรค์​ไป​ยัง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​ค่าย​ผิง​เป่ย​ก็ได้​เคลื่อนไหว​แล้ว​ ​กลุ่ม​นักรบ​เผ่า​ปีศาจ​สอง​หมื่น​คน​ผ่าน​ที่ราบสูง​ชง​ซีด​้วย​ความเร็ว​สูง​ ​ภายใต้​การปล่อยตัว​เหล่า​ผู้พิทักษ์​ของ​ด่าน​ยง​เสวี​่ย​โดยเจตนา​ ​กวาดล้าง​ด้าน​ซ้าย​ของ​เมือง​เทียน​เหลียง​อย่างเงียบเชียบ​ ​ในที่สุด​ก็​มาถึง​ชานเมือง​จิง​ตู

​เขาห​มัว​ซาน​พังทลาย​ลงมา​เป็น​สิบ​ปี​แล้ว​ ​และ​กลายเป็น​เนินเขา​เตี้ย​ๆ​ ​มากกว่า​สิบ​แห่ง​ ​มีด​อก​ไม้​ป่านา​นา​ชนิด​เติบโต​อยู่​บน​นั้น

​เมื่อ​ผ่าน​เนินเขา​ ​บน​คอเสื้อ​ของ​นักรบ​เผ่า​ปีศาจ​มากมาย​จะ​มีด​อก​ไม้​ป่า​เพิ่มขึ้น​มา​หนึ่ง​ดอก

​ระหว่างทาง​มี​ชาวนา​มากมาย​สังเกตเห็น​การ​มีอยู่​ของกอง​ทัพ​เผ่า​ปีศาจ​ ​ผู้คน​ใน​ราชวงศ์​ต้า​โจว​มักจะ​ได้​พบเห็น​เผ่า​ปีศาจ​อยู่​บ่อยๆ​ ​แต่​น้อยมาก​ที่จะ​ได้​พบ​กับ​เผ่า​ปีศาจ​ที่​แข็งแรง​กำยำ​จำนวนมาก​พร้อม​ๆ​ ​กัน​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​กระวนกระวายใจ​เล็กน้อย​ ​เพียง​คิด​ว่า​เผ่า​ปีศาจ​เป็น​พันธมิตร​ของ​เผ่า​มนุษย์​ ​จึง​ไม่ได้​ร้องไห้​ตื่นตระหนก

​ค่าย​ผิง​เป่ย​เป็นกอง​กำลัง​ชั้นยอด​สุด​ของ​เผ่า​ปีศาจ​ ​เหล่า​ทหาร​เผ่า​ปีศาจ​นั้น​เป็นอิสระ​และ​เสรี​โดย​เนื้อแท้​ ​แต่​ใน​ระหว่าง​การ​เดินขบวน​อัน​ยาวนาน​เช่นนี้​พวกเขา​ยังคง​มีวินัย​ทางการทหาร​ที่​ดีมาก​ ​จนกระทั่ง​รวมตัว​กับ​ทัพ​กบฏ​ที่​ชานเมือง​จิง​ตู​อย่างเป็นทางการ​ ​ก็​ยัง​ไม่มีปัญหา​เกิดขึ้น​ ​และ​ไม่มี​ความวุ่นวาย​ทางทหาร​ที่​หลาย​คน​กังวล

​นักรบ​เผ่า​ปีศาจ​ทรงพลัง​สอง​หมื่น​คน​เข้าร่วม​การกบฏ​ ​ทำให้​อำนาจ​ระหว่าง​สอง​ฝ่าย​ขาด​ความ​สมดุล​โดยสิ้นเชิง​ ​ที่​สำคัญ​ไป​กว่านั​้น​ ​การปรากฏ​ตัว​ของ​ค่าย​ผิง​เป่ย​ใน​เมือง​จิง​ตู​แสดงถึง​ท่าที​ของ​จักรพรรดิ​ขาว​ ​จนถึง​ขณะนี้​ ​ทุกคน​ต่าง​เพิ่งจะ​รู้​ว่าที่​แท้​จักรพรรดิ​ขาว​กับ​เซียง​อ๋อง​ได้​มีพันธ​สัญญา​ต่อกัน​มานาน​แล้ว

​หลังจาก​สงคราม​สำรวจ​ทางเหนือ​ของ​เผ่า​มาร​สิ้นสุดลง​ ​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​จำเป็นต้อง​ใช้เวลา​ใน​การ​พักฟื้น​นาน​มาก​ ​ซาง​สิง​โจว​อายุ​มาก​แล้ว​ ​หวัง​จือ​เช่อ​จะ​ไม่​เข้าร่วม​ใน​กิจการ​ฆราวาส​ ​เซียง​อ๋อง​และ​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​ศักดิ์สิทธิ์​ทั้งสอง​ ​และ​ยัง​มีนั​กป​ราชญ​์​อย่าง​จักรพรรดิ​ขาว​ ​ย่อม​มีคุณ​สมบัติ​เพียงพอ​ที่จะ​กำหนด​สถานการณ์​ทั่วทั้ง​ดินแดน​ต้า​ลู่​ได้​อย่างแท้จริง

​ขวัญ​และ​กำลังใจ​ของ​ทัพ​กบฏ​ก็​เพิ่มขึ้น​ ​แต่​ถึงอย่างไร​แนวหน้า​ก็​กำลัง​ต่อสู้​กับ​เผ่า​มาร​อย่างเด็ดขาด​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​ท่าน​อ๋อง​เหล่านั้น​หรือ​จะ​เป็น​นายพล​และ​ทหาร​เหล่านั้น​ไม่มีทาง​ที่จะ​มั่นใจ​ได้​จริง​ ​ดังนั้น​จนถึง​ขณะนี้​จึง​ยัง​ไม่มี​อาวุธ​ปิดล้อม​ขนาดใหญ่​อย่างเช่น​เครื่อง​ดีด​หิน​ ​แต่​ถ้า​สถานการณ์​ยังคง​จนมุม​ต่อไป​เช่นนี้​ ​เหตุการณ์​การนองเลือด​ก็​คงจะ​เกิดขึ้น​อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

​ประตู​เขต​พระราชฐาน​ถูก​ปิด​อย่าง​แน่นหนา​ ​ทัพ​กบฏ​และ​ทัพ​อารักขา​ยังคง​ด่า​กัน​ไม่​หยุด​ ​ทัพ​กบฏ​มิได้​ใช้​อาวุธ​ปิดล้อม​ ​หรือ​ด้วย​เพราะเหตุนี้​ ​เขต​พระราชฐาน​ตั้งแต่​ต้น​จน​จบ​จึง​ไม่เคย​ยิง​หน้าไม้​เทพ​ ​มี​เพียง​คำ​ผรุสวาท​เหล่านั้น​ที่​เข้าหู​มา​ ​และ​มัน​ไม่ได้​ดี​ไป​กว่า​ลูกศร​ที่​บิน​ระบำ​แหวก​อากาศ​เหล่านั้น​เลย

​มหาราช​ครู​ไป๋​อิง​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​ขุนนาง​หลาย​คน​ ​เดิน​ตัวสั่น​ไป​ที่​กำแพงเมือง​ ​มอง​ไป​ยัง​ทัพ​กบฏ​ด้านล่าง​ ​พูด​ผ่าน​เครื่องขยายเสียง​อยู่​ครู่ใหญ่​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​พวก​กบฏ​ไม่​เคลื่อนไหว​ใดๆ​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​โกรธ​เกรี้ยว​ ​เขา​เริ่ม​ตะโกน​ตรง​ไป​ที่​เซียง​อ๋อง​โดยตรง​ ​และ​วาจา​ก็​ไม่ได้​หนี​ไป​จาก​การ​พูดถึง​ความอัปยศ​ของ​ผู้​ทรยศ​เลย

​ฝ่าย​กบฏ​แยก​ออกจาก​กัน​ราวกับ​กระแสน้ำ​ ​ก่อนที่​เซียง​อ๋อง​จะ​ขี่ม้า​มายัง​เขต​พระราชฐาน​ ​เขา​พูด​กับ​มหาราช​ครู​ไป๋​อิง​ว่า​ ​“​คน​หลาย​พัน​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ ​และ​ตาย​ไป​โดย​ไร้​โรค​ภัย​ ​นั่น​คือ​ผู้อ่อนแอ​ ​ไม่ใช่​ข้า​”

​มหาราช​ครู​ไป๋​อิง​ได้ยิน​คำพูด​นั้น​ก็​รู้สึก​ผิดหวัง​ ​มือ​กุม​หน้าอก​ตนเอง​ ​และ​ได้​เหล่า​ขุนนาง​ช่วย​เขา​ลงมา