ตอนที่ 1927 พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1927 พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ

 

หลิงฮันเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พลังของเอี๋ยนเซียนลู่นั้นไม่ได้เป็นที่กังขาเลย แต่กลับถูกใครบางคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอันดับเก้าโค่นลงได้งั้นรึ?

 

อย่างที่รู้กันว่าอู๋เซียนลู่เป็นที่รู้จักกันในนามของตัวตนระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่งมาตลอด ต่อให้เขาทะลวงผ่านเป็นระดับแบ่งแยกวิญญาณก็คงจะอีกไม่นานที่เขาจะถูกเรียกว่าตัวตนอันดับหนึ่งภายใต้ระดับตําหนักอมตะ

 

“พี่ชายเอี๋ยน อาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งในปัจจุบันนี้ แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวรึ?” เหลาซงอดไม่ได้ที่จะเปิดปากเอ่ยถาม

 

ดินแดนแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป เพียงแค่อาณาเขตสวรรค์ไม่อันก็ต้องใช้เวลาพันล้านปีในการออกเดินทางสํารวจแล้ว ซึ่งอัจฉริยะทุกคนที่ถูกเรียกตัวมาในที่แห่งนี้ ใครบ้างที่มีอายุเกินกว่าพันล้านปี?

 

สําหรับอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งนั้น พวกเขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้น

 

เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้า “เป็นความจริง”

 

“พี่ชายเอี๋ยน หรือที่ท่านเรียกพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อต้องการต่อกรกับอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง? ” ใครบางคนเอ่ยถาม เมื่อได้ยินเรื่องที่เอี๋ยนเซียนลู่เล่าทุกคนก็พอคาดเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้

 

เอี๋ยนเซียนลู่ส่ายหัว ก่อนจะพยักหน้า “ทั้งใช่และไม่ใช่”

 

เขากล่าวต่อ “เมื่อราวๆ หนึ่งร้อยล้านปีก่อน อาจารย์ของข้าได้ค้นพบเขตแดนลี้ลับแห่งหนึ่งที่อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพี่กําลังก่อตัวอยู่ ซึ่งพร้อมกันนั้น แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเช่นกัน แถมยังใกล้จะเติบโตเต็มที่แล้วด้วย”

 

อู๋เซียนลู่หยุดพูดไปครู่หนึ่ง และหันมองใบหน้าของทุกคนที่กําลังสูดหายใจลึก

 

แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่นั้น กล่าวได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากสวรรค์และปฐพี ที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ต้องหวั่นไหว เนื่องจากมันสมบัติประเภทนี้สามารถช่วยย่นระยะเวลา การฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างมหาศาล

 

ยิ่งกว่านั้นอํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีก็ยังสามารถช่วยยกระดับพลังต่อสู้ได้ด้วย เพียงแต่พลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเท่าไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนา เนื่องจากแม้อํานาจแก่นกําเนิดจะมีพลังระดับราชานิรันดร์ แต่พลังของมันก็อาจจะเป็นเพียงราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น หรือโชคดีก็อาจจะเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเก้า

 

จากที่กล่าวมาจึงเป็นเหตุผลว่า ทําไมการได้รับอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ในระดับโลกียนิพพานจึงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มาก

 

“เนื่องจากแก่นกําเนิดนิรันดร์นี้กําลังอยู่ในกระบวนการก่อตัว อาจารย์จึงไม่ได้เก็บเกี่ยวในทันที นอกจากนั้นอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ก็ยังน่าสะพรึงกลัว มากด้วย นอกจากราชานิรันดร์ระดับเก้าแล้ว ตัวตนระดับราชานิรันดร์ระดับแปดลงไป จะถูกอํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีกดขี่อย่างรุนแรง”

 

“ไม่ใช่แค่ราชานิรันดร์เท่านั้น แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ ระดับตําหนักอมตะ หรือระดับแบ่งแยกวิญญาณก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกัน ราวกับว่าสวรรค์และปฐพี ยินยอมมอบวาสนานี้ให้กับจอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น”

 

เมื่อเอี๋ยนเซียนลู่กล่าวประโยคนี้ออกไป สีหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด แม้แต่เหลาซงกับซานจี้ถงเองก็ยากจะปกปิดสีหน้าของตนเอง

 

“พี่ชายเอี๋ยน เรื่องราวมันคงไม่ง่ายแบบนั้นหรอกสินะ? ” หลิงฮันกล่าว หากแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ตรงหน้าเพียงเอื้อมล่ะก็เอี๋ยนเซียนลู่จะนําเรื่องนี้มาเล่าให้พวกเขาฟังทําไม

 

ยิ่งกว่านั้น เหตุใดเขาถึงต้องเอ่ยถึงอาณาเขตสวรรค์กว่างลงด้วย?

 

เหล่าอัจฉริยะในที่นี้ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าทุกคนย่อมตระหนักถึงเรื่องนี้

 

เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้าช้าๆ “ถูกแล้ว อาณาเขตสวรรค์กว่างลังเองก็พบเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพีแห่งนี้เหมือนกัน เพราะงั้นเมื่อใดที่เขตแดนลี้ลับเปิดออก อาณาเขตสวรรค์กว่างลงจะกลายเป็นศัตรูของพวกเรา”

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป

 

ก่อนหน้านี้เอี๋ยนเซียนลู่เพิ่งบอกไปเองว่า แม้แต่จอมยุทธระดับโลกียนิพพานที่แข็งแกร่งเป็นอันดับเก้าของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งก็สามารถโค่นล้มเขาได้ ต่อให้อู๋เซียนลู่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับที่สิบ อาณาเขตสวรรค์กว่างลังก็ยังมีสัตว์ประหลาด ที่แข็งแกร่งกว่าอยู่อีกหลายคนอยู่ดี

 

การจะเอาชนะพวกเขาคือภารกิจที่ไม่มีทางเป็นไปได้!

 

“เพราะเหตุนั้นพวกเราจึงต้องร่วมมือกัน” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว “ข้าได้ศึกษาค่ายกลสําหรับสิบคนเอาไว้แล้ว ภายใต้อํานาจของค่ายกล พลังต่อสู้ของทุกคนจะซ้อนทับกัน จน แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงสิบเท่า! ”

 

ซ้อนทับกันถึงสิบเท่า!

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นทันที ต่อให้ซื๋อซิวเหวินผู้นั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีทางเด็ดขาดที่จะแข็งแกร่งกว่าอู๋เซียนลู่ถึงสิบเท่า แม้แต่อัจฉริยะที่ทรงพลังที่สุดของอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋งก็เช่นกัน

 

“พี่ชายเอี๋ยน หลังจากได้รับแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาแล้ว พวกเราจะแบ่งกันอย่างไร? ” ใครบางคนเอ่ยถาม เนื่องจากอู๋เซียนลู่ ซานจี้ถง และเหลาซงนั้นเป็นถึงจักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานของพวกเขา ใครจะแย่งชิงวาสนากับทั้งสามได้?

 

เอี๋ยนเซียนลู่ยิ้มเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าการจะได้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาครอบครองจ้องทําอย่างไร? มันจะเป็นผู้เลือกนายด้วยตัวเอง หากไม่มีใครเลยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมันก็หนีหาย ไป ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่พวกเราจะใช้กําลังฝืนกําราบมันได้”

 

“เพราะงั้นพวกเราแค่แย่งชิงโอกาส ในการครอบครองอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีมาก็พอ ส่วนวาสนาจะตกเป็นของใครนั้น ก็ให้อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเลือกเอง”

 

หลิงฉันกล่าวแทรก “พี่ชายเอี๋ยน จากที่เล่ามานานสองนาน แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีที่ว่าเป็นอํานาจแก่นกําเนิดแบบใดงั้นรึ? ”

 

ตัวเขานั้นมีอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี คือแก่นกําเนิดพลังธาตุเพลิงและธาตุวารอยู่แล้ว ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดที่อู๋เซียนลู่เล่ามาเป็นแก่นกําเนิดพลังธาตุเดียวกัน ถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็คงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่

 

หอคอยน้อยเคยกล่าวเอาไว้ว่า ให้เขาพยายามรวบรวมแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีให้ได้มากที่สุดก่อนระดับราชานิรันดร์ เพื่อที่หลังจากทะลวงผ่านระดับราชานิรันดร์ไปแล้ว ขั้นพลังที่เขาจะบรรลุได้สูงสุดก็จะเพิ่มมากขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีที่ว่า เป็นธาตุอื่นนอกจากวารีและเพลิงล่ะก็ เขาจะพยายามแย่งชิงมันมาให้ได้แน่นอน แต่าหากไม่ใช่ความกระตือรือร้นของเขาก็คงจะลดลงมากทีเดียว

 

นอกจากนั้นก็อย่างที่อู๋เซียนลู่ว่า อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีไม่ใช่สิ่งที่ใครจะครอบครองก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่ามันต้องการติดตามมาด้วยตัวเองหรือไม่

 

ในร่างของหลิงฮันมีอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสองแล้ว ถ้าหากอํานาจแก่นกําเนิดที่สามยังเป็นธาตุเพลิงหรือวารีอีก โอกาสที่มันจะเลือกหลิงฮันเป็นนายก็แทบจะเท่ากับศูนย์

 

เอี๋ยนเซียนลู่มองไปยังหลิงฮัน เขาไม่แยแสในพลังของหลิงฮันเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เขาหวาดกลัวคือฮูหนิวที่หลงใหลในตัวหลิงฮันจนโงหัวไม่ขึ้นต่างหาก

 

ความแข็งแกร่งของฮูหนิว ทําให้เขานึกว่าสัตว์ประหลาดที่ท้าทายสวรรค์เหล่านั้น

 

อู๋เขียนลู่กล่าวตอบ “อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีนี้คืออํานาจแก่นกําเนิดธาตุพฤกษา ที่เรียกว่า พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ”

 

น่าแปลกนัก ในเมื่อมันเป็นอํานาจแก่นกําเนิดธาตุไม้ แต่เหตุใดมันถึงเรียกว่า อสนีบาตเพลิงพิโรธกัน?