ตอนที่ 1928 เพียงแค่นักปรุงยา

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1928 เพียงแค่นักปรุงยา

 

“พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ มีกระบวนการถือกําเนิดที่ซับซ้อน ในระหว่างขั้นตอนการกําเนิดของมัน มันถูกเปลวเพลิงที่รุนแรงแผดเผา และถูกทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ผ่าเข้าใส่” เอี๋ยนเซียนลู่กล่าว

 

“ในตอนที่พฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธสิ้นสุด มันให้กําเนิดต้นกล้าพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธออกมาอีกมากมาย ซึ่งต้นกล้าเหล่านี้จะคงสภาพอยู่ได้ในช่วงเวลาหนึ่งและเหี่ยวเฉาไป”

 

“ ต่อให้ไม่ถูกพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธเลือก แต่เพียงแค่ได้ครอบครองต้นกล้าที่เที่ยวเฉาของมัน ก็สามารถช่วยเพิ่มความเข้าใจในอํานาจแห่งกฏเกณฑ์ได้อย่างมหาศาลแล้ว”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้คนที่ตอนแรกไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรมาก ก็เกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

 

การจะได้ทําให้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพียอมรับได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยทั่วไปแล้วมีเพียงราชานิรันดร์เท่านั้นที่สามารถทําได้ เพราะงั้นเพียงแค่ต้นกล้าที่เที่ยวเฉาของพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธ ก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ยังต้องบ้าคลั่ง! 

 

“หลิงฮัน เจ้าอยากได้รึเปล่า? ” ฮูหนิวกอดแขนหลิงฮันและเอ่ยถาม “หนิวจะแย่งชิงมาให้เอง! 

 

หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เพียงแค่นึกถึงการเดินทางกับฮูหนิว เขาก็รู้สึกได้ถึงความสนุก ที่เอ่ยเป็นคําพูดออกมาไม่ได้แล้ว

 

“ข้าขอเข้าร่วมด้วย! ”

 

“ข้าเองก็เช่นกัน!”

 

ภายในพริบตา คนมากมายก็ขอเสนอตัวเข้าร่วมกลุ่มกับอู๋เซียนลู่

 

ทางด้านของซานจี้ถงและเหลาซง ถึงแม้ทั้งสองจะรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ พวกเขาถึงไม่เอ่ยขอเข้าร่วมด้วยตัวเอง แต่รอให้เอี๋ยนเซียนลู่เป็นฝ่ายเชิญชวน

 

อู๋เซียนลู่เมินเฉยทุกคนอย่างสิ้นเชิง ค่ายกลที่เขามีสามารถทําให้พลังของคนสิบคนซ้อนทับกันได้ถึงสิบเท่า ซึ่งทั้งสิบคนจะต้องแบกรับแรงกดดันอันมหาศาล หากคนที่เข้าร่วมกลุ่มไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอ เกรงว่ายังไม่ทันจะได้ต่อกรกับศัตรู คนในกลุ่มก็คงร่วงหมดแรงไปก่อนแล้ว

 

หลังจากใช้เวลาครู่หนึ่ง อู๋เซียนลู่ก็คัดเลือกคนมาได้หกคน

 

ซานจี้ถงและเหลาซงเผยสีหน้าภาคภูมิใจออกมา ที่เอี๋ยนเซียนลู่เป็นฝ่ายเชิญชวนพวกเขาก่อน

 

“แม่นาง เจ้าสนใจเข้าร่วมกับข้ารึไม่? ” เอี๋ยนเขียนลู่กล่าวชวนฮูหนิว

 

“หนิวไม่ต้องการ!” ฮูหนิวมองไปยังเอี๋ยนเซียนลู่ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “บังอาจคิดไม่ดีกับหนิวงั้นรึ หนิวจะตัดหัวสุนัขของเจ้าไปให้สุนัขกิน! ”

 

เอี๋ยนเซียนอู่ทําให้เพียงยอมรับความอัปยศ จากการถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี

 

เพียงแต่ฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีนางอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซื๋อซิวเหวินเลยด้วยซ้ำ ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาค่ายกลนางก็คงสามารถเอาชนะซื๋อซิวเหวินได้ ยิ่งกว่านั้นฮูหนิวก็ยังเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อันด้วย ต่อให้พวกเข้าร่วมกลุ่มกับเขาก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

 

“อาจารย์กล่าวเอาไว้ว่า โอกาสในครั้งคือวาสนาของทุกคนในอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน เพราะงั้นพวกเขาทุกคนจึงสามารถเข้าร่วมได้ แต่หลังจากที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแล้ว ข้าหวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เนื่องจากศัตรูของเราคือ อาณาเขตสวรรค์กว่างลัง! ” 

 

เอี๋ยนเซียนสู่กล่าวต่อทันที “หากข้าพบเจอใครที่ขัดแข้งขัดขากันเองในเขตแดนลี้ลับ ในอนาคตก็อย่าได้หาว่าข้าเสียมารยาท”

 

“อืม! ” ทุกคนพยักหน้า

 

เอี๋ยนเซียนลู่เองก็พยักหน้าตอบ เพียงแต่การที่ศูหนวปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มของเขานั้น ทําให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อยจริงๆ หากจอมยุทธที่ทรงพลังเช่นนั้นเข้าร่วมกลุ่มด้วยล่ะก็ โอกาสที่จะคว้าชัยชนะมาได้ก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาล เพียงแต่เมื่อเห็นว่าฮูหนิวนั้นตัวติดกับหลิงฮันขนาดไหน เขาจึงลองตัดสินใจเปลี่ยนแผนดู

 

“หลิงฮัน ในที่สุดเราก็ได้พบกัน” อู๋เซียนลู่กล่าวและยิ้มเล็กน้อย

 

หลิงฮันพยักหน้า “ข้าได้ยินชื่อเสียงของพี่ชายเอี๋ยนมานานแล้ว ซึ่งพี่ชายเอี๋ยนก็ไม่ทําให้ข้าผิดหวังจริงๆ ”

 

“ฮึ่ม” เมื่อได้ยินคําพูดของหลิงฮัน ทุกคนก็สูดหายใจลึกทันที “เจ้าช่างปากกล้าอะไรอย่างนี้

 

เจ้าที่เป็นคนของศาสตร์ปรุงยา กล้าพูดอะไรบ้าบินเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

เอี๋ยนเซียนลู่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ถึงแม้จ้าวซึ่งเพิ่งจะไม่ได้ถูกหลิงฮันสังหารโดยจริง แต่การตายของอีกฝ่ายก็เกี่ยวข้องกับหลิงฮัน

 

เพียงแต่ว่าหลิงขั้นนั้นยังเยาว์วัยเป็นอย่างมาก นอกจากพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยาจะน่าอัศจรรย์แล้ว ศักยภาพในศาสตร์วรยุทธก็ถือว่ายอดเยี่ยม เพราะงั้นเขาจึงต้องการเชิญชวนหลิงฮันให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกับตน

 

ในมุมมองของเขา หากถูกราชาในหมู่รุ่นเยาว์ของอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน อย่างเขาเชิญชวนล่ะก็ หลิงฮันจะต้องยอมตกลงในทันทีแน่นอน

 

“เจ้าสนใจร่วมกลุ่มกับข้ารึไม่? ” เขาพยายามสงบอารมณ์และเอ่ยถาม พร้อมกับชาเลืองมองไปยังฮูหนิว

 

หลิงฮันยิ้ม “งั้นก็มาสู้กัน หากข้าชนะ ต้องเป็นพี่ชายเอี๋ยนที่เป็นฝ่ายเข้าร่วมกับข้า! ”

 

เอี๋ยนเซียนไม่แสดงท่าที่โมโหใๆ ในความคิดของเขาตอนนี้ หลิงฮันเป็นเพียงคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้น เพราะงั้นเขาจึงไม่ต้องเก็บคําพูดของอีกฝ่ายมาใส่ใจ เขากล่าวตอบ “แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็จะปัดกันไปจากที่นี่” หลิงฮันยิ้ม

 

เอี๋ยนเซียนลู่ถลึงตามอง นี่เจ้าจะเอาแต่ใจเกินไปหน่อยรึเปล่า?

 

ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดมน และต้องการจะสั่งสอนหลิงฮัน “ตกลง งั้นก็มาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันสองกระบวนท่า”

 

หลิงฮันลูบหลังฮูหนิวเพื่อสื่อว่าให้นางขยับตัวถอยไป

 

“ไม่เอา สู้ไปทั้งๆที่ให้หนิวเกาะไปแบบนี้ก็ได้! ” ฮูหนิวรัดแขนหลิงฮันไม่ปล่อย นางไม่ต้องการแยกห่างจากหลิงฮันแม้แต่วินาทีเดียว

 

หลิงฮันครุ่นคิด ก่อนจะเดินขึ้นไปทั้งๆแบบนี้

 

เมื่อระดับพลังบรรลุมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่าว่าแต่คนเพียงคนเดียวเกาะแขนเลย ต่อให้มีคนนับหมื่นมากอดรั้งก็ไม่ได้ทําให้พลังต่อสู้ลดลงไปแม้แต่น้อย ในเมื่อฮูหนิวร้องขอแบบนี้ เขาเองก็ไม่อยากขัดคําขอเล็กๆน้อยๆของนาง

 

“เข้ามา! ” หลิงฮันกวักนิ้วไปยังเอี๋ยนเซียนลู่

 

นี่คือสภาพของคนที่กําลังท้าทาย ตัวตนระดับโลกียนิพพานอันดับหนึ่งั้นรึ? ช่างประมาทอะไรอย่างนี้

 

เอี๋ยนเซียนลู่ไม่กล้าประมาท เขารู้จักความแข็งแกร่งของฮูหนิวดี หากนางลงมือช่วยล่ะก็ โอกาสที่เขาจะกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อมมีสูงมาก