ตอนที่ 1929 นักปรุงยาจะทรงพลังขนาด นี้ได้อย่างไร?

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1929 นักปรุงยาจะทรงพลังขนาด นี้ได้อย่างไร?

 

เอี๋ยนเซียนลู่ก้าวเดินออกมา เสื้อคลุมของเขาสยายตามสายลมอย่างองอาจ แม้ใบหน้าของเขาจะไม่ได้หล่อเหลาจนน่าหลงใหล แต่กลิ่นอายรอบตัวเขาก็น่ายําเกรงจนผู้คนโดยรอบต้องเกิดความรู้สึกเคารพ

 

ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ แต่คนที่เป็นคู่ต่อสู้กับเอี๋ยนเซียนลู่ กลับแบกเด็กสาวผู้หนึ่งเอาไว้บนร่างกายอย่างน่าขบขัน

 

นี่เจ้าตั้งใจจะสู้จริงๆ รึเปล่า?

 

ใบหน้าของอู๋เซียนลู่มืดมนอย่างมาก แต่เดิมแผนการของเขาถูกวางเอาไว้ดีอยู่แล้วแท้ๆ การที่เขารวบรวมเหล่าอัจฉริยะมากมายมาก็เพื่อเปิดวาสนาราชานิรันดร์ ตามแผนแล้ว เมื่อเขาเป็นคนแรกที่ได้รับวาสนาจากแผ่นหินราชานิรันดร์ กายหยาบของเขาก็จะถูกยกระดับขึ้นและสามารถไปแย่งชิง แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีในเขตแดนลี้ลับได้

 

หากได้ครอบครองแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ในระดับพลังเดียวกันเขาจะจําเป็นต้องหวาดกลัวใครอีก?

 

เพียงแต่แผนการที่วางเอาไว้กลับฟังตั้งแต่เริ่ม แผ่นหินราชานิรันดร์ถูกฮูหนิวแย่งไปครอบครอง ซึ่งหากไม่ใช่เพราะหลิงฮันล่ะก็ มีรีที่นางจะมาปรากฏตัวที่นี่?

 

ความแค้นเดิม เมื่อผสานรวมกับความแค้นใหม่ ได้ส่งผลให้เอี๋ยนเซียนลู่เกลียดชัง “คนถ่อยอย่างหลิงฮันมากยิ่งขึ้น

 

อู๋เซียนลู่ยื่นมือขวาออกไปด้านหน้าและเค้นเสียงในลําคอ ครืนน คลื่นอากาศโดยรอบสั่นสะเทือนและก่อตัวรวมกับเป็นดาบยาวมาปรากฏในมือของเขา ด้วยการหักเหของแสง ดาบที่สร้างจากคลื่นอากาศเล่มนี้จึงสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

 

หลิงฮันยิ้ม เนื่องจากแขนข้างหนึ่งของเขาแบกฮูหนิวเอาไว้อยู่ เขาจึงใช้แขนอีกข้างยื่นไปด้านหน้าและรวบนิ้วทั้งสี่เข้าหากัน เหลือไว้เพียงนิ้วโป้งนิ้วเดียวที่ชี้เข้าหาอู๋เซียนลู่

 

“เข้ามา!” เขียนลูกวัดแกว่งดาบ “พรึบ” ทันใดนั้นเองท้องฟ้าก็ส่องแสงเจิดจ้า ราวกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากําลังสั่นสะเทือน

 

หลิงฮันยังคงยืนนิ้วค้างเอาไว้ คลื่นดวงดาราหลายร้อยล้านดวงภายในร่างกายของเขาส่องประกายพร้อมกัน และรวมตัวกันเป็นอํานาจแห่งเต๋อยู่บนปลายนิ้ว เมื่อเขาดันนิ้วออกไป อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีก็สั่นสะท้านตอบรับ แปรเปลี่ยนกลายเป็นมังกรและนกวิหคเพลิง

 

มังกรและวิหคเพลิงเต้นรําและพุ่งทะยานเข้าปะทะกับคลื่นดาบ

 

ตูม!

 

ทันทีที่คลื่นดาบกับมังกรและวิหคเพลิงเข้าปะทะกัน คลื่นพลังอันสว่างไสวก็ระเบิดออกมาราวกับดวงตะวัน ที่กําลังส่องสว่างไปทั่วพิภพ

 

เมื่อคลื่นพลังสลายไป หลิงฉันกับเอี๋ยนเซียนลู่ก็ยังคงยืนตรงข้ามกันเช่นเดิม โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครล่าถอยหรือได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

อะไรกัน!

 

ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึง

 

หลิงอันมีพลังต่อสู้ที่เทียบเคียงอู๋เซียนลู่ได้งั้นรึ?

 

เหลือเชื่อ อู๋เซียนลู่เป็นถึงจักรพรรดิเชียวนะ!

 

ระดับห้านิพพานคือขั้นพลังที่ยากจะบรรลุได้ ทั่วทั้งอาณาเขตสวรรค์ไท่อันที่มีขุมอํานาจราชานิรันดร์อยู่นับร้อย ขุมอํานาจที่เป็นราชานิรันดร์ระดับห้าขึ้นไปนั้นมีเพียงราวๆ ยี่สิบขุมอํานาจเท่านั้น ซึ่งภายในขุมอํานาจอันน้อยนิดนั่น จะมีอัจฉริยะสักกี่คนที่มีศักยภาพระดับจักรพรรดิ?

 

หากนับเพียงแคในหมู่จอมยุทธระดับโลกียนิพพาน อัจฉริยะที่มีศักยภาพเช่นนั้นมีเพียงสามคนเท่านั้น

 

ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทําไมหลิงยันถึงกล้าทําตัวโอหัง เมื่อเป็นถึงจักรพรรดิแล้วแน่นอนว่าเขาย่อมไม่จําเป็นต้องยําเกรงใคร

 

แต่ประเด็นก็คือเจ้าเป็นนักปรุงยาไม่ใช่รึไง นักปรุงยาจะเป็นจักรพรรดิที่ทรงพลังได้อย่างไร? 

 

บ้าชัดๆ!

 

สายตาของอู่เซียนสู่ส่องประกาย เขาไม่ได้รู้สึกริษยาหรือรังเกียจหลิงอันที่เป็นจักรพรรดิเหมือนกันแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้ามเลยจิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชนยิ่งกว่าเดิม แถมยังเกิดความรู้สึกโล่งใจ

 

อาณาเขตสวรรค์ไท่อันนั้นอ่อนแอเกินไป จึงจําเป็นต้องมีอัจฉริยะศักยภาพระดับจักรพรรดิเพิ่มขึ้นอีกจํานวนมาก ไม่ใช่นั้นหากในอนาคต ดินแดนแห่งเซียนมีสงครามที่รุนแรงเกิดขึ้น อาณาเขตสวรรค์ไท่อันที่อ่อนแออาจจะถูกขุมอํานาจจากอาณาเขตอื่นรุกรานได้

 

“ยอดเยี่ยม!” เซียนสู่คํารามเสียงเบา “ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเพียงพวกหยิ่งทะนงเท่านั้น แต่ดูเหมือนข้าจะคิดผิดสินะ ต้องขออภัยด้วย”

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าวตอบ “ตอนแรกข้าก็คิดว่าพี่ชายเอี๋ยนเป็นพวกอวดดีเช่นกัน แต่ตอนนี้ข้าคงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อท่านใหม่แล้ว”

 

ทั้งสองมองหน้ากันและเผยรอยยิ้ม

 

จํานวนของจักรพรรดินั้นมีอยู่น้อยนิด เพราะงั้นแต่ละคนนอกจากจะเป็นคู่ต่อสู้กันแล้ว ยังสามารถเป็นสหายต่อกันด้วย

 

“หลิงฮัน ไม่ต้องไปเสียเวลาพูดคุย รีบๆ ทุบตีเขาได้เสร็จเร็วเข้า หนิวอยากจูบเจ้าจะแย่แล้ว!” ฮูหนิวคล้องแขนที่คอหลิงฮันและกล่าวออกมาอย่างไม่มีความเขินอาย

 

หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “พี่ชายเอี๋ยน มาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันสิบกระบวนท่า”

 

มุมมองที่เขามีต่อเอี๋ยนเซียนลู่เปลี่ยนไปมาก เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดจะโค่นอีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นหินรองเท้าอีกต่อไป

 

“ตกลง สิบกระบวนท่าตามที่เจ้าว่า” เอี๋ยนเซียนลู่พยักหน้า

 

เขาเป็นคนที่ยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีก็จริง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ด้วย หากเป็นราชาในหมู่ราชาหรือราชาทั่วไปมีรึจะทําให้เขายอมรับได้? มีแค่อัจฉริยะในระดับจักรพรรดิเหมือนกันเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติพอจะยืนหยัดทัดเทียมกับเขา

 

หลิงฮันลงมือ เขาพุ่งทะยานร่างปลดปล่อยการโจมตีราวกับคลื่นแสง ทางด้านของเอี๋ยนเซียนลู่ก็ไม่อ่อนข้อ และทําการโจมตีตอบโต้หลิงชั้น

 

“ตูม ตูม ตูม ปัง ปัง ปัง”

 

ทั้งคู่ไม่มีใครออมมือ ต่างฝ่ายต่างปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกมา เพื่อแสดงจุดยืนที่แข็งแกร่งที่สุด

 

สิบกระบวนท่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนหยุดมือพร้อมกันและเผยรอยยิ้ม

 

นี่คือการแสดงสายสัมพันธ์ระหว่างบุรุษ

 

“ลงเขากันเถอะ!”

 

ทุกคนเดินเคียงบ่ากันลงจากยอดเขา เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งกีดขวางอีกแล้ว ความเร็วของพวกเขาจึงไม่เชื่องช้า เพียงแค่ระยะเวลาสิบวันพวกเขาก็มาถึงตีนเขา

 

“กะ กะ กะ เจ้าหนู เจ้าคิดว่าจะหนีจากเงื้อมมือของข้าได้?” ท่ามกลางเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาด ชายผู้นี้ได้ปรากฏตัว “ครืนนน” แรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ขยายไปทั่วสวรรค์สามสิบสามชั้น

 

ร่างของเหล่าอัจฉริยะทุกคนสั่นสะท้าน ถึงแม้พวกเขาจะเป็นราชาในหมู่ราชา หรือจักรพรรดิ แต่พลังของพวกเขาก็ถูกจํากัดอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น ต่อให้จักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานจะสามารถต่อกรกับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณได้ ชายชราผู้นี้ก็ไม่ใช่ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่ตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้

 

ถึงแม้ทุกคนจะตกตะลึง แต่ก็ไม่มีใครเลยที่รู้สึกหวาดกลัว

 

สถานที่แห่งนี้คืองานรวมตัวที่จัดขึ้นโดยเอี๋ยนเซียนลู่ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเอี๋ยนเซียนลู่ก็คือราชานิรันดร์ระดับแปด

 

หากชายชราผู้นี้ลงมือจริง ราชานิรันดร์จะต้องปรากฏตัวและบดขยี้เขากลายเป็นเศษเนื้อในพริบตา

 

หลิงฮันหรี่ตาและกล่าว “อสูรเฒ่าเงาโลหิต!”

 

“เจ้าหนู ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ ข้าคิดว่ากว่าเจ้าจะนํายันต์ไม้ทอผูกชะตามาให้ข้าได้ คงใช้เวลานับสิบล้านปี ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เจ้าก็ทําภารกิจของข้าสําเร็จแล้ว เอาล่ะ รีบๆ ส่งของมาให้ข้าได้แล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

ทุกคนล้วนแต่หวาดกลัวความตาย โดยเฉพาะกับคนที่ยืนอยู่ในจุดที่สูงส่ง

 

อสูรเฒ่าเงาโลหิตได้รับผลกระทบจากบาปเคราะห์แห่งสวรรค์มาแล้ว หากเขาต้องรับบาปเคราะห์แห่งสวรรค์อีกครั้ง ชีวิตของเขาจะต้องดับสูญเป็นแน่ เพราะงั้นเขาจึงโหยหายันต์ไม้ท้อผูกชะตาเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันยักไหล “ขอโทษด้วย แต่ข้าใช้มันไปแล้ว”

 

“ชะ ใช้ไปแล้ว!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตชะงัก ปฏิกิริยาแรกของเขาหลังจากที่ได้ยินคือ การปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง

 

ศีรษะของเขาสั่นสะท้าน ก่อนจะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าหนู เจ้ากล้าหลอกลวงขาเช่นนี้ หรือว่าเจ้าอยากตายงั้นรึ?”

 

ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหารอันรุนแรง

 

“พรึบ เพียงแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวอย่างไม่ให้ลุ้มให้เสียง และผลักฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน คลื่นอํานาจแห่งอัสนีอันไร้ที่สิ้นสุด ระเบิดพลังทําลายล้างน่าสะพรึงกลัวออกมา

 

ป้าเยา!

 

เขารอคอยหลิงขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะงั้นเมื่อเห็นหลิงขั้นปรากฏตัวจึงรีบลงมือทันที เขาไม่ได้ต้องการยันต์ไม้ท้อผูกชะตาจากหลิงฮันเหมือนกับอสูรเฒ่าเงาโลหิต เขาจึงคิดสังหารหลิงฮันและแย่งชิงสมบัติมาโดยตรง