บทที่ 1324 หอกแห่งโชคชะตา

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,324 หอกแห่งโชคชะตา

ด้านในวิหารส่วนตัวของใต้เท้าฉางมีสภาพไม่ต่างจากโลกเล็ก ๆ ใบหนึ่ง

มีพระอาทิตย์และพระจันทร์ลอยตัวอยู่ในอากาศ

มีดวงดาวส่องประกายระยิบระยับ

มีน้ำขึ้นน้ำลง

มีแม่น้ำและทะเล

มีแม้กระทั่งนกกาโบยบิน

นี่ไม่ต่างจากดินแดนในเทพนิยาย

พานตั่วชิงเดินเข้าไปสู่ห้องโถงใหญ่ที่บนพื้นปกคลุมด้วยปุยเมฆขาว ทุกฝีเท้าที่ก้าวเดินของเขาจะทิ้งรอยเท้าสีขาวไว้ทางด้านหลัง เมื่อสูดหายใจลึก ก็จะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

ห่างออกไปไม่ไกล บัลลังก์ใหญ่บัลลังก์หนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆขาว และมีบุคคลร่างใหญ่ยักษ์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นด้วยลักษณะท่าทีที่สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง

ย่อมเป็นใต้เท้าฉาง

“ผู้ต่ำต้อยขอคารวะใต้เท้าฉาง”

พานตั่วชิงไม่กล้าลังเลรีรอ รีบวิ่งเข้าไปคุกเข่ายอมรับผิดและกล่าวว่า “ผู้ต่ำต้อยละโมบโลภมากเกินไปทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวังแล้ว”

ขาดคำ

กลุ่มเมฆขาวบนพื้นห้องก็ดันตัวพานตั่วชิงให้ลุกขึ้นยืน

“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

“ข้าเป็นคนบอกเองว่าเจี๋ยนเซียวเหยาคือศัตรูตัวฉกาจของเจ้า เจ้าจึงได้คิดลอบสังหารเขา”

“เพียงแต่ข้าไม่รู้เลยว่าใต้เท้ากั้วกลับมอบถุงมือเทวฤทธิ์ให้เขา…”

“ข้าไม่ทันทราบเรื่องนี้จนกระทั่งนำหมวกเหล็กอมตะไปเป็นของรางวัลในงานเลี้ยงเบิกฟ้า และเป็นข้าเองที่พลาดท่าเสียทีให้แก่ใต้เท้ากั้วกับเจี๋ยนเซียวเหยา”

เสียงพูดของใต้เท้าฉางหนักแน่นและชัดเจน

พานตั่วชิงรับฟังมาถึงตรงนี้ก็รีบคุกเข่าลงไปอีกครั้ง “ใต้เท้าฉางช่างเมตตาผู้ต่ำต้อยเหลือเกิน หากมีสิ่งใดที่ผู้ต่ำต้อยสามารถกระทำเพื่อชดใช้ความผิดในครั้งนี้ได้ ใต้เท้าได้โปรดบอกกล่าวออกมาเถอะขอรับ”

“ลุกขึ้นมา”

ใต้เท้าฉางว่า “เจ้ายังคงมีอีกหลายคำถามอยากจะถามข้าไม่ใช่หรือ?”

พานตั่วชิงลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าน้อยไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดเจี๋ยนเซียวเหยาจึงได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็มขอรับ? เขาสามารถทำได้อย่างไร?”

“เรื่องนี้อธิบายได้ไม่ยาก”

ใต้เท้าฉางกล่าว “เหตุผลสำคัญไม่ใช่เพราะว่าเขามีถุงมือเทวฤทธิ์เท่านั้น แต่เป็นเพราะเจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเป็นเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมวกเหล็กอมตะเคยเป็นของผู้ใดมาก่อน?”

พานตั่วชิงสั่นศีรษะ ก้มหน้าลงตอบว่า “ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบ”

ใต้เท้าฉางอธิบายต่อ “เดิมทีหมวกเหล็กอมตะใบนี้เป็นของใต้เท้าหวง เขามีตำแหน่งอย่างเป็นทางการคือเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง แต่ก็เป็นที่รู้จักกันดีในนามของเทพเจ้าแห่งความอมตะ ซึ่งถุงมือเทวฤทธิ์ที่อยู่ในมือเจี๋ยนเซียวเหยาขณะนี้ ก็เคยเป็นหนึ่งในองค์ประกอบชุดเกราะของใต้เท้าหวงมาก่อน… บัดนี้ เจ้าคงเข้าใจแล้วกระมัง?”

ความสงสัยในหัวใจของพานตั่วชิงสลายหายไป

ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เอง

หมวกเหล็กอมตะเคยเป็นของเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างมาก่อน เช่นเดียวกับถุงมือเทวฤทธิ์ของเจี๋ยนเซียวเหยา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกมันจะรับใช้เจ้าเด็กนั่นเป็นอย่างดี

“ผู้ต่ำต้อยขอสอบถามใต้เท้า ไม่ทราบว่าเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างผู้นี้ ยามมีชีวิตอยู่เป็นอย่างไรบ้าง?”

พานตั่วชิงอดถามออกไปด้วยความสงสัยไม่ได้ “เหตุไฉนเขาจึงได้เรียกตนเองเป็นเทพเจ้าแห่งความอมตะ?”

“เขาไม่ได้เรียกตนเอง”

ใต้เท้าฉางเงียบงันไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวแช่มช้าว่า “เป็นผู้คนทั่วทั้งดินแดนทวยเทพสมัครใจเรียกเขาเอง”

พานตั่วชิงได้ยินดังนั้นก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง

ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

หากเป็นเช่นนั้น ทำไมปัจจุบันถึงไม่ค่อยเหลือบทบันทึกที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างผู้นี้อยู่เลยเล่า?

อย่างน้อยแม้แต่ตัวพานตั่วชิงเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

ใต้เท้าฉางตอบว่า “ได้เวลาที่ข้าจะบอกอะไรบางอย่างแก่เจ้าแล้ว…”

“ครั้งหนึ่งในดินแดนแห่งนี้ ใต้เท้าหวงเคยมีสถานะเป็นบุตรบุญธรรมของท่านมหาเทพ เขาคือคนสนิทที่ท่านมหาเทพไว้วางใจมากที่สุด กว่าสองในสามของเมืองเยี่ยเฉิงเรา ก็เป็นใต้เท้าหวงผู้นี้เองที่บุกเบิกมากับมือ…”

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าในอดีตนั้น เมืองเยี่ยเฉิงเราเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย นอกจากนั้นยังมีเถาวัลย์สังหารและพืชพิษอีกจำนวนมาก รวมไปถึงค่ายอาคมอันตรายที่ตกทอดมาจากยุคโบราณกาล กล่าวโดยสรุปก็คือ เมืองเยี่ยเฉิงในตอนนั้นคือสถานที่ที่อันตรายที่สุด…”

“ระหว่างที่สภาเทพเจ้าคอยบุกเบิกพื้นที่เหล่านี้ พวกเขาต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก”

“แต่การปรากฏตัวของใต้เท้าหวงก็เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง อาศัยเขาเพียงตัวคนเดียว ใต้เท้าหวงก็สามารถฆ่าฟันสัตว์อสูร ทำลายเถาวัลย์สังหาร ขจัดพืชพิษ สลายค่ายอาคมโบราณ… ทำให้สัตว์อสูรเหล่านั้นต้องหลบหนีกลับไปอยู่ในหุบผาอเวจี และพื้นที่อันป่าเถื่อนเหล่านั้นก็กลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของพวกเราในที่สุด…”

“และเป็นตอนนั้นเองที่ใต้เท้าหวงได้แสดงฝีมือทางการต่อสู้ออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์ เขาทำให้ดินแดนแห่งนี้ต้องสั่นสะเทือน เขาคือความหวังเดียวที่จะช่วยพลิกฟื้นและเปลี่ยนโฉมหน้าดินแดนแห่งทวยเทพของพวกเรา แต่น่าเสียดาย…”

“น่าเสียดายที่เกิดการรุกรานดินแดนทวยเทพ ใต้เท้าหวงจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้จนกระทั่งเสียชีวิตในที่สุด ท่านมหาเทพเป็นคนฝังร่างเขาด้วยตนเอง และนับจากนั้นเป็นต้นมา ท่านมหาเทพก็จำศีลหลับใหลด้วยความโศกเศร้ามาโดยตลอด…”

“นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกข้าใต้เท้าใหญ่ทั้งห้าคนต้องคอยสลับสับเปลี่ยนกันดูแลดินแดนแห่งนี้”

ใต้เท้าฉางเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับใต้เท้าหวงจบลงในอึดใจเดียว

พานตั่วชิงลำคอแห้งผาก ในหัวใจเกิดการสั่นไหวด้วยความตื่นกลัว

“หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าตำแหน่งเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างของใต้เท้าหวงย่อมมีความสูงส่งมาก และเจี๋ยนเซียวเหยาได้ครอบครองตำแหน่งนั้น…” เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจี๋ยนเซียวเหยาจะมีความแข็งแกร่งเกินกว่าที่ตนเองจะรับมือได้เสียแล้ว

“ผิดถนัด ต่อให้เป็นในตอนที่ใต้เท้าหวงมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาก็มีสถานะเป็นเพียงเทพเจ้าระดับสามัญเท่านั้น”

ใต้เท้าฉางกล่าว “จริงอยู่ที่ใต้เท้าหวงมีฝีมือเทียมฟ้า มิฉะนั้น ทุกคนคงไม่เรียกขานเขาเป็นเทพเจ้าแห่งความอมตะ หลายคนจึงเข้าใจว่าใต้เท้าหวงย่อมมีสถานะสูงส่ง แต่ใครจะรู้เลยว่า… เจ้าอย่าได้วิตกกังวลไปเลย”

พานตั่วชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและถามออกมาอีกครั้ง “เจี๋ยนเซียวเหยาได้รับตำแหน่งเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างเช่นนี้ เขาก็คงได้ครอบครองพลังของใต้เท้าหวงด้วยสินะขอรับ? มิน่าเล่า เขาถึงแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วนัก แต่ในเมื่อบัดนี้เจี๋ยนเซียวเหยามีสถานะเป็นเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง และผู้ต่ำต้อยคิดเป็นศัตรูกับเขา หากท่านมหาเทพทราบเรื่องนี้เข้า นี่ก็คงเป็นบาปที่ให้อภัยไม่ได้สำหรับผู้ต่ำต้อยแล้ว”

ใต้เท้าฉางหัวเราะในลำคอ “วางใจเถอะ เจี๋ยนเซียวเหยาได้ตำแหน่งมาอย่างไม่ถูกต้อง ใต้เท้ากั้วยังไม่ได้ทำพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เจ้ายังสามารถฆ่าเจี๋ยนเซียวเหยาและแย่งตำแหน่งนั้นมาเป็นของตนเองได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าต่างหากที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของใต้เท้าหวงที่แท้จริง”

พานตั่วชิงได้ยินดังนี้ก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

หากเขามีโอกาสได้รับตำแหน่งเทพเจ้าแห่งแดนรกร้าง ซึ่งเคยมีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่เกรียงไกร สถานะของเขาก็คงสูงส่งขึ้นอีกหลายเท่าแล้วกระมัง?

ใต้เท้าฉางกล่าวต่ออีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงเลือกเจ้า? เพราะว่าเจ้ามีความคล้ายคลึงกับใต้เท้าหวงสมัยหนุ่ม ๆ มากเลยน่ะสิ หากเจ้าไม่ได้เกิดในเผ่าเทพตะวัน ข้าก็คงคิดว่าเจ้าต้องเป็นลูกหลานของใต้เท้าหวงแน่ ๆ”

พานตั่วชิงหัวใจกระตุกวูบด้วยความเศร้าเสียใจ

เสียใจที่เหตุไฉนตนเองถึงต้องกำเนิดมาในเผ่าเทพตะวันด้วยหนอ

ขณะนี้ ข้อสงสัยทั้งหมดที่พานตั่วชิงมีอยู่ในหัวใจได้รับการคลี่คลายหมดสิ้นแล้ว

“ใต้เท้าช่วยบอกวิธีเอาชนะเจี๋ยนเซียวเหยาให้แก่ผู้ต่ำต้อยทราบด้วยขอรับ”

พานตั่วชิงคุกเข่าลงบนพื้นห้องอีกครั้งและโขกศีรษะคำนับอย่างแรง

ใต้เท้าฉางพยักหน้า

ทันใดนั้น หอกโบราณเปื้อนคราบเลือดแห้งกรังเล่มหนึ่งก็ลอยตัวขึ้นมาจากกลุ่มเมฆขาวเบื้องหน้าพานตั่วชิง

“นี่คือหอกแห่งโชคชะตา ในอดีตมันคืออาวุธที่แทงทะลวงหัวใจของใต้เท้าหวง… โลหิตที่เปื้อนอยู่บนหอกเล่มนี้คือโลหิตของใต้เท้าหวง เมื่อมีอาวุธชิ้นนี้อยู่ในมือ เจ้าก็สามารถสังหารเจี๋ยนเซียวเหยาได้อย่างง่ายดายแล้ว”

พานตั่วชิงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

เขารับหอกแห่งโชคชะตามาถือไว้ด้วยมือที่สั่นเทา

พานตั่วชิงรู้สึกได้ถึงมวลพลังทำลายล้างอันแรงกล้าที่แผ่ออกมาจากตัวหอก

ด้ามหอกมีความหนาเท่ากับไข่เป็ด ยาวสี่เซียะเศษ แปดเปื้อนคราบโลหิตเป็นด่างดวงดูน่าเศร้า อักขระโบราณที่เคยแกะสลักอยู่บนด้ามหอกเลือนรางหายไปหมดแล้ว แต่ยังคงมีจิตสังหารเทพเจ้าอยู่เปี่ยมล้น