มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1259

“หลัวซิวอยู่มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 ก็สามารถฆ่าเทพมารได้แล้ว หากจะฆ่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 อย่างมัน ใช้เพียงนิ้วเดียวก็เพียงพอแล้ว!”มีคนที่อยู่ด้านล่างเวทีเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีก

“หลัวซิว? หึ! ……”ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่อยู่บนเวทีแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น“ในเมื่อหลัวซิวนั่นถูกพวกเจ้าเยินยอจนเก่งเช่นนั้น ถ้ามีความสามารถจริงก็ให้มันขึ้นมาประลองกับข้าสิ!”

“ฮ่า ๆ ตลกเป็นบ้าเลย แม้แต่เทพมารยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เจ้าที่เป็นเพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ก็บังอาจท้าประลองหลัวซิวอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าหนู กลับบ้านไปกินนมแม่เถอะ รอเจ้ากินนมจนถึงขั้นที่สามารถต่อกรกับเทพมารได้แล้ว ค่อยกลับมาท้ายประลองดีกว่า”คนฝั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์พูดหัวเราะเยาะ

“คนในเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างพวกเจ้ามีดีแค่ปากอย่างเดียวหรือ? หากมีปัญญาความสามารถจริงก็ขึ้นมาประลอง มิเช่นนั้นก็หุบปากไปซะ!”ชายหนุ่มเผ่ามารที่อยู่บนเวทียังคงจองหองมาก ๆ อยู่เช่นเคย

ในชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวเขาเป็นเพียงวัยรุ่นที่ค่อนข้างโดดเด่นเท่านั้น ยังอยู่ห่างไกลจากคำว่าอัจฉริยะมาก ๆ

ครั้งนี้เป้าหมายหลักที่ชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวมายั่วยุในโลกมารนั้น เพื่อบีบบังคับให้ชายผู้มีนามว่าหลัวซิวนั่นเผยตัวออกมา

ขอเพียงเขาปรากฏ พวกเขาก็จะมีโอกาสกำจัดเขาทิ้ง

ชายหนุ่มเผ่าปีศาจคนนี้ก็ทราบเช่นกันว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว แต่ทว่าขอเพียงหมอนั่นผู้มีนามว่าหลัวซิวปรากฏตัว เมื่อนั้นก็จะมีผู้แข็งแกร่งจากชนเผ่าอื่น ๆ ออกมาจัดการเขาเอง

“เหตุใดถึงไม่ปากดีต่อแล้วล่ะ? ให้หลัวซิวนั่นโผล่หน้าออกมา ข้าจะฆ่ามันดุจฉีกทำลายรูปวาดเอง!”ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่อยู่บนเวทียิ่งอยู่ยิ่งจองหองขึ้น

กองกำลังใหญ่ทั้งหลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในโลกมาร โดยเฉพาะแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เป็นกองกำลังชั้นยอด ไม่นับวัยรุ่นบุคคลผู้เป็นอัจฉริยะ

ผลการฝึกตนของคนจำนวนมากในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างอยู่ที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลาย วรยุทธ์และพลังอมตะที่ฝึกก็เป็นวรยุทธ์พลังอมตะระดับชั้นยอดเช่นกัน

มากกว่านั้นคือในบรรดาวัยรุ่นทั้งหมดนี้ ก็มีวัยรุ่นเทพมารส่วนหนึ่งที่มีศักยภาพและวิธีการที่สามารถเอาชนะชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่บนเวทีได้ง่าย ๆ เช่นกัน

แต่วินาทีนี้กลับไม่มีผู้ใดเดินขึ้นเวทีเลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากกองกำลังใหญ่ทั้งหลายต่างสามารถสัมผัสได้ว่า การยั่วยุของชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่กองกำลังใหญ่ทั้งหลายในโลกมารแต่อย่างใด พวกเขามาเพราะหลัวซิว!

“บังอาจฆ่าคนในชนเผ่าปีศาจงูของข้า ไม่มีผู้ใดมีความกล้าที่จะลุกขึ้นมาเลยหรือ?”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าปีศาจลุกออกมา ร่างของเขาลอยขึ้นฟ้า มองกลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างลงมาจากที่สูง

ผู้ที่เขาหมายถึงต้องเป็นหลัวซิวอยู่แล้ว

เมื่อพูดตามหลักแล้ว เทพมารขั้นปฐมภูมิที่มีสายเลือดระดับมารเขียวคนหนึ่ง ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถทำให้ชนเผ่าใหญ่ขั้นสุดยอดอย่างปีศาจงูเก้าหัวก่อเรื่องราวใหญ่โต แต่ทว่าผู้ที่ลงมือกลับเป็นอัจฉริยะผู้ไร้เทียมทานคนหนึ่งในเผ่าพันธุ์มนุษย์ ซึ่งอนาคตคนดังกล่าวอาจจะเติบโตและกลายเป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งและการมีอยู่ของเผ่าปีศาจ เรื่องนี้จึงแตกต่างโดยสิ้นเชิง

ถึงอย่างไรชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวก็เอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างได้พอดี และสามารถจัดการกับหมอนั่นผู้มีนามว่าหลัวซิวได้อย่างโอ่อ่า

ยังมีจุดที่สำคัญที่สุดอีกจุดหนึ่ง นั่นก็คือชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวได้ยินมาว่า หลัวซิวนั่นไม่ถือเป็นคนของกองกำลังใหญ่ทั้งหลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลกมาร เหมือนจู่ ๆ เขาก็ผุดขึ้นมายังไงอย่างนั้น ซึ่งเขาอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญตนอิสระที่ได้รับโอกาสใหญ่บางอย่างถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวจึงสามารถลงมือได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ แม้แต่น้อย ถึงแม้หุบเขาปีศาจเก้าและหลัวซิวจะมีเยื่อใยที่แน่นแฟ้น แต่หุบเขาปีศาจเก้าก็ไม่ถึงขั้นต้องเป็นศัตรูกับชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวเพียงเพราะมนุษย์คนหนึ่ง

เมื่อได้ยินข้อวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อาวุโสเผ่าปีศาจคนนี้ ทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุจะยังงุนงงอีกได้อย่างไร สาเหตุที่ชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวทำตัวเอริกเกริกยิ่งใหญ่เช่นนี้นั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพวกเขาจะจัดการหลัวซิว

และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเพียงเพลงโหมโรงที่ปูมาสู่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ณ ตอนนี้!

“หลัวซิวฆ่าเทพมารในเผ่าปีศาจงูของข้า โทษที่มันกระทำไว้นั้นหนักหนาสากรรจ์ยิ่งนัก ผู้ใดที่สามารถเสนอเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับมันหรือฆ่ามัน หรือจับตัวมันมา ล้วนจะได้รับรางวัลตอบแทนจากชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวของข้า!”

ผู้อาวุโสเผ่าปีศาจอมยิ้มพลางแกว่งแหวนเก็บของที่สวมอยู่บนนิ้วมือไปมา“ยาเซียนระดับ 2 สองร้อยเม็ด!”