ตอนที่ 1349: การตีกระบี่ (4)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1349: การตีกระบี่ (4)

คงเทียนตะลึงกับคำถามของเจี้ยนเฉิน เขาแปลกใจกับตัวเองว่าเซียนจักรพรรดิมาที่ตระกูลคงของเขาเพื่อถามคำถามเช่นนี้

แม้ว่าเขาจะสงสัยเอามาก ๆ แต่คงเทียนก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินเซียนจักรพรรดิ เขาคิดเกี่ยวกับคำถามอย่างจริงจังก่อนที่จะตอบไป “ผู้อาวุโส เท่าที่ข้านึกขึ้นได้ สถานที่ ๆ ร้อนที่สุดในทวีปเทียนหยวนจะเป็นฝั่งตะวันตกของทวีป มีภูเขาไฟขนาดใหญ่มากมายที่อยู่ใกล้กับทะเลฝั่งตะวันตก ซึ่งครอบคลุมรัศมีกว่า 2 แสนกิโลเมตร ที่นั่นมันร้อนจนทนไม่ได้และการปะทุก็เกิดขึ้นในทุก ๆ ปี คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้แม้แต่นิดเดียว”

“ตะวันตก” เจี้ยนเฉินพึมพำและจดเขตที่นั่นไว้ หลังจากนั้น เขาถามบางคำถามเพิ่ม “คงเทียน จักรพรรดิผู้นี้ได้ฝึกฝนเก็บตัวมาหลายปีและเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา ข้าต้องการรู้ว่ามีเรื่องใหญ่หลวงเกิดขึ้นในทวีปแห่งนี้หรือไม่ ? ”

“ผู้อาวุโส ที่จริงแล้วมีเรื่องที่น่าตกใจมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องแรก อดีตหัวหน้านิกายดาบโลหิต ฮุสตันได้กลายเป็นเซียนจักรพรรดิ ส่วน 2 เรื่องที่เหลือเทียบกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย อยู่ในส่วนลึกของเมืองทหารรับจ้าง” คงเทียนบอกเล่าทุกเรื่องที่เขารู้ให้กับเจี้ยนเฉิน เขาบอกเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ปิดบังความจริงหรือรายละเอียดแม้แต่นิดเดียว เขาเน้นย้ำเกี่ยวกับเรื่องเมืองทหารรับจ้างในตอนที่เขาอธิบายทุกอย่างไป

เจี้ยนเฉินเครียดหนัก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของเขาในอาณาจักรทะเลเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในทวีปเทียนหยวน เขาไม่เคยคิดว่าผนึกของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะแตกหักเร็วขนาดนี้และพวกเขาก็ส่งหน่วยลาดตระเวนมาที่ทวีปเทียนหยวน

“โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งทรงพลังอย่างมาก ตามที่ข้าได้รู้ในเมืองทหารรับจ้าง พวกเขามีเซียนจักรพรรดิมากกว่าเซียนระดับราชาในทวีปเทียนหยวน” คงเทียนพูดเสริมอย่างหนักแน่น หน้าตาของเขาน่ากลัวมาก โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งครอบครองพลังที่มากมาย เซียนราชามากมายยังคิดว่าพวกเขากำลังดูนิมิตของวันสิ้นโลก

“เนื่องจากเซียนราชาของทวีปเทียนหยวนทั้งหมดได้รวมตัวกันในเมืองทหารรับจ้าง ทำไมเจ้าถึงยังซ่อนตัวอยู่ที่นี่อยู่ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

สีหน้าของคงเทียนเปลี่ยนไป เขากลัวจะถูกทำโทษโดยเซียนจักรพรรดิเพราะเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่ศัตรูของเซียนจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายออกไปด้วยความกลัว “ผู้อาวุโส ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจที่จะใช้ทุกอย่างที่ข้ามีเพื่อป้องกับทวีปเทียนหยวนที่อยู่เมืองทหารรับจ้างหรอกนะ แต่ข้าพึ่งมาถึงขั้นสูงสุดของชั้นสวรรค์ที่ 8 จากผลที่เกิดขึ้น ข้าต้องใช้ช่วงเวลานี้เพื่อเก็บตัวและก้าวขึ้นเป็นชั้นสวรรค์ที่ 9 ก่อนที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะรุกราน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ข้าจะได้มีประโยชน์มากขึ้นระหว่างการต่อสู้”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเงียบ ๆ ด้วยการโบกมือของเขา เขาโยนผลึกอสูรหยานหวงระดับ 8 ไปที่คงเทียนและพูดว่า “นี่เป็นผลึกอสูรของสัตว์อสูรต่างถิ่น ใช้มันเพื่อฝึกฝน ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถไปถึงชั้นสวรรค์ที่ 9 ได้โดยเร็วและปกป้องทวีปเทียนหยวนแห่งนี้ได้”

“ข้าขอขอบคุณสำหรับของขวัญของท่านผู้อาวุโส” คงเทียนรับไว้และขอบคุณอย่างซาบซึ้ง แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนราชา แต่แกนอสูรระดับ 8 นั้นสำคัญต่อเขามาก ๆ อย่างไรก็ตามแกนอสูรระดับ 7 เป็นของที่หาได้ในบางโอกาสเท่านั้น แกนอสูรระดับ 8 ยิ่งมีค่ามากยิ่งกว่าและแม้แต่เซียนราชาก็จะพยายามเพื่อให้ได้มันมา

ด้วยการเคลื่อนที่เพียงครั้งเดียว เจี้ยนเฉินได้หายไปในทันที เขาเร็วเหมือนกับสายฟ้า และเขาเหมือนกับเคลื่อนย้ายภายในพริบตา

เจี้ยนเฉินรีบออกไปด้วยทักษามายาพริบตา เขาเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเร็วขึ้นก่อนที่เขาจะหายไปในที่สุด เขารีบไปที่เขตตะวันตกที่คงเทียนได้อธิบายเอาไว้

เขาไม่ได้ใช้ประตูมิติ แต่เนื่องจากความเข้าใจของทักษะมายาพริบตาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิ

1 วันผ่านไป เจี้ยนเฉินปรากฏตัวห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตร ระหว่างการเดินทางเขาได้ผ่านเมืองทหารรับจ้างรับจ้าง เขาใช้วิญญาณเพื่อกวาดที่บริเวณทั่ว ๆ จากหลายร้อยกิโลเมตรเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

นี่เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าเขาไม่สามารถจัดหากำลังเสริมก่อนที่เขาจะตีกระบี่ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเทียบเคียงกับเซียนจักรพรรดิตอนนี้ เขาจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิธรรมดาทันทีเมื่อกองกำลังเซียนจักรพรรดิจากโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเริ่มโจมตี

“ข้าจำเป็นต้องฟื้นคืนชีพให้กับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้ว่าเซียนจักรพรรดิในทวีปเทียนหยวนจะเพิ่มเป็น 10 เท่า แต่เราก็ยังเทียบไม่ได้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้” เจี้ยนเฉินคิด

ฝั่งตะวันตกได้ครอบครองบริเวณภูเขาไฟมากมายในทวีปเทียนหยวน พวกมันมีรัศมีกว่า 2 แสนกิโลเมตรและใกล้กับฝั่งทะเลตะวันตก มันไม่สามารถทนได้กับความร้อนเลยในรอบปี และแทบจะไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นเพราะว่ามีการปะทุของภูเขาไฟทุกวัน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญเซียนสวรรค์ก็ไม่น่าจะออกมาได้เป็นหลังจากพวกเขาเข้าไปที่เขตนั้น

มันไม่มีแผ่นดินเช่นกัน พื้นผิวของมันขยายไปด้วยลาวาที่ไม่มีสิ้นสุดพร้อมกับพายุที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้มีลาวาปะปนอยู่บนอากาศ ลาวาที่อยู่บนอากาศจะเปลี่ยนท้องฟ้าทั้งหมดเป็นสีแดงและมันอันตรายยิ่งกว่าพายุที่อยู่ในทะเลอีกด้วย

เขตภูเขาไฟที่เขตต้องห้ามของทวีปเทียนหยวน ถ้าไม่ใช้เพราะว่ามันมีชื่อเสียงที่หุบเขามรณะเนื่องจากก่อนหน้านี้มีเซียนราชาและเซียนจักรพรรดิตกลงไปที่นั่นมาก่อน มีเพียงเซียนสวรรค์เท่านั้นที่กลัวกับเขตภูเขาไฟนี้ ในขณะที่บรรดาผู้ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎจะสามารถป้องกันตัวพวกเขาเองได้

ในขณะเดียวกัน นี่เป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ฝึกพลังเซียนธาตุไฟ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งจำเป็นต้องฝึกฝนในเขตนี้และมันมากมาย ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้

เจี้ยนเฉินเข้าไปที่เขตนั้นด้วยความเร็วแสง ทันทีที่เข้าไปถึงที่นั่น เขาชนเข้ากับคลื่นของความร้อน เขารู้สึกเหมือนกับตกลงไปในทะเลแห่งเปลวไฟ เสื้อผ้าของเขาลุกไหม้และกลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา

เจี้ยนเฉินใช้พลังบรรพกาลเพื่อป้องกันตัวเขาเองขณะที่เขาดึงเสื้อตัวใหม่ออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นเขาบินไปที่ส่วนลึกของเขตนั้น มีภูเขาไฟขนาดใหญ่กว่าและร้อนกว่าแมกม่าในความลึกนั้น ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อการตีกระบี่ของเขา

เจี้ยนเฉินพบเจอกับเหล่าเซียนผู้คุมกฎมากมายในแต่ละถ้ำตามทางที่เขาไป ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 มันไม่มีเซียนราชาให้เห็นเลยในนั้น

เจี้ยนเฉินไปถึงศูนย์กลางของภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว ภูเขาไฟที่ใหญ่มาก ๆ ตั้งอยู่ต่อหน้าเขาและปล่องของมันก็กว้างกว่า 1000 เมตร แมกม่าข้างในได้พุ่งออกมา ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า พลังงานไฟนั้นไม่คงที่เอามาก ๆ

เจี้ยนเฉินสามารถบอกได้เพียงการมองครั้งเดียวว่าเมื่อไหร่ภูเขาไฟกำลังจะระเบิด ขณะที่มันยังคงอยู่ในอากาศ เขาคิดไตร่ตรองว่าจะใช้มันหรือไม่ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปที่แมกม่าเหมือนกับลูกศร

แมกม่าร้อนอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลย เจี้ยนเฉินคิดว่าแม้แต่เหล็กก็จะถูกหลอมกลายเป็นของเหลวในเวลาอันสั้น เจี้ยนเฉินใช้พลังบรรพกาลเพื่อป้องกันตัวเองและดันแมกม่าทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขาออกไป เพื่อที่ว่ามันจะไม่ได้สัมผัสกับตัวเขา เขารีบมุ่งหน้าไปที่ส่วนลึกทันที

เจี้ยนเฉินดำไปกว่าหลายพันเมตรก่อนที่ในที่สุดเขาจะชนเข้ากับพื้นแข็ง พื้นผิวไม่นุ่มเหมือนกับดิน แต่มันร้อนกว่าแมกม่าหลายเท่า

เจี้ยนเฉินนั่งลงและเพ่งความสนใจ เขาเริ่มฝึกฝนทักษะลับที่เขาเรียนรู้จากจิตวิญญาณกระบี่ พยายามทำให้พลังบรรพกาลของเขาเผาไหม้และสร้างเปลวไฟบรรพกาล

ทักษะลับไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ในโลกอมตะที่ ๆ จิตวิญญาณกระบี่มา ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ เพียงแค่ 3 วัน เจี้ยนเฉินก็เข้าใจพื้นฐาน เปลวไฟสีเทาพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขาเหมือนกับวิญญาณ

เปลวไฟดูเป็นสีเทาที่ผิว แต่ถ้าสังเกตเข้าไปลึก ๆ มันจะดูเหมือนจะมีสีทั้งหมดในโลก มันแปลกประหลาดมาก ๆ

ทันทีที่เปลวไฟบรรพกาลปรากฏ อุณหภูมิรอบ ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แมกม่าสีแดงกลายเป็นสีขาว

ทันใดนั้นแมกม่าก็เริ่มปั่นป่วน การปรากฏของเปลวไฟบรรพกาลได้ก่อให้ภูเขาไฟปะทุก่อนกำหนด เปลวไฟได้ยิงขึ้นไปบนอากาศจากปล่องภูเขาไฟ แต่การปะทุครั้งนี้แตกต่างกันออกไป เปลวไฟที่มันปะทุไม่ใช่สีแดง แต่เป็นสีแดงอมขาว