ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 124 ก็คงเป็นที่นี่แล้ว

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​นอกจาก​เปลว​อัคคี​ตะวัน​ขาว​ใน​ตำนาน​แล้ว​ ​เหล่า​เผ่า​มาร​ยัง​เป็นกังวล​เกี่ยวกับ​รถม้า​ศักดิ์สิทธิ์​และ​รถ​น้อย​คัน​นั้น

​เมื่อ​นึก​ไป​ถึงว่า​ผู้​ที่อยู่​ใน​รถ​นั้น​เป็น​ใต้เท้า​สังฆราช​และ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​เผ่า​มนุษย์​ ​แม้​จะ​เป็น​ฝ่าย​พ่ายแพ้​ ​พวกเขา​ก็​ยัง​อยากรู้อยากเห็น​และ​ตื่นเต้น​เล็กน้อย​อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้​ ​เฉิน​ฉาง​เซิง​มีชื่อเสียง​มาก​ที่​พื้นที่ราบ​หิมะ​ใน​อาณาเขต​เผ่า​มาร​ ​ในขณะที่​สวี​โหย​่ว​หร​งมี​ชื่อเสียง​มากขึ้น​เพราะ​คำสารภาพ​ของ​ราชา​มาร​ผู้​คลั่งไคล้​ ​แต่​ผู้ใด​อยู่​ใน​รถ​เล็ก​คัน​นั้น​กัน​ ​เหล่า​ราษฎร​ไม่เข้าใจ​อย่างยิ่ง​ว่า​ ​ยัง​มี​มนุษย์​ที่สามา​รถ​อยู่​นำหน้า​ใต้เท้า​สังฆราช​และ​เทพธิดา​ศักดิ์สิทธิ์​ได้​ ​การคาด​เดา​ค่อยๆ​ ​แพร่กระจาย​ออกมา​ ​เหล่า​ราษฎร​ถึง​ได้​ทราบ​ว่านั​่​นคื​ออา​จารย์​ของ​จักรพรรดิ​เผ่า​มนุษย์​และ​ใต้เท้า​สังฆราช​ ​มีชื่อ​ว่า​ซาง​สิง​โจว​ ​ว่า​กัน​ว่า​เป็น​ผู้มีชื่อเสียง​เทียบเท่า​กับ​หวัง​จือ​เช่อ

​ซาง​สิง​โจว​เพิกเฉย​ต่อ​สายตา​ที่​อยากรู้อยากเห็น​จาก​ทั้งสอง​ด้าน​ของ​ถนน​ ​สายตา​ของ​เขา​จ้องมอง​ไป​ยัง​สิ่งก่อสร้าง​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​ถนน​ ​เต็มไปด้วย​ความอยากรู้​อยาก​เห็น

​เขา​เคย​มาที​่​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​เคย​อ่าน​ระเบียน​ที่​เกี่ยวข้อง​นับไม่ถ้วน​ ​แต่​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เขา​เข้ามา​ใน​เมือง​แห่ง​นี้

​สำหรับ​เขา​แล้ว​ ​เมืองหลวง​ของ​เผ่า​มาร​แห่ง​นี้​ค่อนข้าง​แปลกใหม่​ ​แต่​ก็​คุ้นเคย​ ​เต็มไปด้วย​ความรู้สึก​ที่​น่าหลงใหล​ราวกับ​ไม่ใช่​เรื่องจริง

​เช่นเดียวกับ​อาคารบ้านเรือน​เหล่านั้น​ ​ถึงแม้​จะ​สวยงาม​มาก​จริงๆ​ ​แต่​ก็​ให้ความรู้​สึก​ไม่​สมเหตุสมผล

​ยอด​แหลม​สูงตระหง่าน​แท้จริง​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​อะไร

​เหตุใด​หน้าต่าง​ที่​สว่างไสว​เคลือบ​ด้วย​สีน้ำเงิน​เหมือน​มหาสมุทร​ ​ซึ่ง​สามารถ​ต้อนรับ​แสงแดด​ที่​เจิดจ้า​ได้​ ​แต่กลับ​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​มืดมน​ ​ราวกับ​แดน​ยมโลก​เสีย​จริง

​อาคาร​ที่​งดงาม​ที่สุด​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​สายตา​ของ​ทุกคน​ ​แม้แต่​ใน​คืน​ที่​มืดมิด​และ​ไร้​ดาว​ ​ก็​ยังคง​สะดุดตา​ราวกับ​ภูเขา​จริงๆ

​นั่น​คือ​วัง​มาร

​ประตู​หลัก​ของ​วัง​มาร​สูง​สิบ​กว่า​จั้ง​ได้​หัก​แล้ว​ ​และ​ยัง​มี​เปลวไฟ​สีฟ้า​อ่อน​อยู่​ที่​ริม​ขอบ​ ​น่าจะ​เกี่ยวข้อง​กับ​วัสดุ

​รถ​คัน​เล็ก​หยุด​อยู่​ที่​ด้านนอก​วัง​มาร​ ​ไม่ได้​เข้าไป​ ​ดังนั้น​กองกำลัง​ทั้งหมด​จึง​หยุด​เคลื่อน​ทัพ​เช่นกัน

​เวลา​ผ่าน​ไป​อย่าง​ช้าๆ​ ​รถ​เล็ก​คัน​นั้น​ไม่​เคลื่อนไหว​เลย​ ​และ​ไม่มี​เสียง​ใด​เล็ด​รอด​ออกมา​ทั้งสิ้น

​สายตา​นับไม่ถ้วน​ต่าง​จับจ้อง​มอง​ไป​ยัง​รถ​เล็ก​คัน​นั้น

​ท่าน​ปู่​ถัง​เดิน​ไป​ยัง​ด้าน​ข้าง​ของ​รถ​คัน​เล็ก

​เฉิน​ฉาง​เซิง​และ​สวี​โหย​่ว​หร​งก​็​เดิน​ไป​ข้าง​รถ​คัน​เล็ก​เช่นกัน

​ท่าน​ปู่​ถัง​ถาม​ผ่าน​ม่าน​สีน้ำเงิน​ที่​หน้าต่าง​รถ​ว่า​ ​“​เข้าไป​ไหม​”

​ม่าน​สีน้ำเงิน​ถูก​เปิด​ออก​ ​เผย​ให้​เห็น​ใบหน้า​ของ​ซาง​สิง​โจว

​เขา​พูดว่า​ ​“​ใกล้​จะ​สำเร็จ​แล้ว​สิ​?​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​มอง​ไป​ยัง​เฉิน​ฉาง​เซิง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้วจึง​พยักหน้า

​เริ่มต้น​เข้า​เมือง​ตั้งแต่​เช้า​ ​จนกระทั่ง​เวลานี้​เพิ่งจะ​ถึง​วัง​มาร​ ​นอกจาก​เหตุผล​เหล่านั้น​ที่กล่าวมาข้างต้น​ ​เหตุผล​ที่​สำคัญ​ที่สุด​คือ​เขา​สั่ง​ให้​กองกำลัง​ทั้งหมด​เดิน​รอบ​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​หนึ่ง​รอบ​ใหญ่​ ​และ​ไม่ลืม​ที่จะ​เดินผ่าน​ย่าน​ที่​มีชื่อเสียง​ทั้งหมด​ ​รวมถึง​เห็น​สิ่งปลูกสร้าง​ชื่อดัง​ทั้งหมด

​“​ใกล้​จะ​สำเร็จ​แล้ว​”

​ท่าน​ปู่​ถัง​กล่าวว่า

​“​เช่นนั้น​ก็​จะ​ดู​อยู่​ที่นี่​”

​ซาง​สิง​โจว​ถอนใจ​อย่าง​พึงพอใจ​ ​แล้ว​หลับตา​ลง

​หน้า​วัง​มาร​เงียบ​ลง​ ​เสียง​การต่อสู้​ใน​ระยะไกล​และ​แสง​ของ​ดอกไม้ไฟ​ที่​ส่องสว่าง​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ก็​แผ่​กระจาย​ไป​ทั่ว​ที่นี่​อย่างชัดเจน

​ไม่​อาจ​ทราบ​ได้​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​เท่าใด​ ​ท่าน​ปู่​ถัง​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​และ​ลด​ม่าน​ลง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดิน​ไป​ที่​หน้า​รถ​ ​และ​อุ้ม​นักพรต​น้อยลง​มา

​นักพรต​น้อย​รู้​ว่า​เขา​เป็น​ใคร​ ​แต่​มิได้​เกรงกลัว​ ​และ​กอด​เขา​ไว้​แน่น

​เฉิน​ฉาง​เซิง​สังเกตเห็น​แขน​เสื้อ​ของ​นักพรต​น้อย​พัน​แน่น​มาก​ ​และ​ยัง​มี​คราบเลือด​อยู่​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ ​รู้​ก็​ว่าน​่า​จะ​เป็น​คราบ​ที่​หลงเหลือ​มาจาก​การรักษา​เหล่า​ทหาร​ใน​หลาย​วัน​มานี​้

​“​เจ้า​มีท​่า​นลุง​ผู้​หนึ่ง​ที่​แขน​เสื้อ​ตัด​สั้น​มาก​ ​เช่นนั้น​จะ​สะดวก​มากกว่า​ ​ในอนาคต​ข้า​จะ​ทำให้​เจ้า​”

​นักพรต​น้อย​พยักหน้า​ ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ดี​”

​สวี​โหย​่ว​หร​งก​้าว​ไป​ข้างหน้า​ ​และ​ดึง​เขา​ออกมา​จาก​อ้อมแขน​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​นักพรต​น้อย​ไม่เคย​เห็น​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​แต่​เขา​ก็​ยัง​ประพฤติตน​ดี

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดิน​ไป​ยัง​วัง​มาร

​สวี​โหย​่ว​หร​งก​อด​นักพรต​น้อย​ไว้​แล้ว​เดินตาม​หลัง

​นักบวช​น้อย​มอง​ไป​ยัง​รถม้า​ ​ในที่สุด​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ร้องไห้​ออกมา​ ​“​อาจารย์​ปู่​ตาย​แล้ว​หรือ​”​

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ไม่ได้​พูด​ ​และ​ไม่ได้​หันกลับ​มา

​ท่าน​ปู่​ถัง​เอา​สอง​มือ​ไพล่หลัง​แล้ว​เดินตาม​ไป

​หวังผ​้​อมา​แล้ว​ ​เขา​เตรียมตัว​นำ​รถ​เล็ก​คัน​นั้น​ลาก​เข้าไป​ใน​วัง​มาร

​“​ข้า​ทำ​เอง​”

​เซียว​จาง​รับ​งาน​นี้​ไป​ทำ

​ทุกคน​ต่าง​รู้​ว่า​ ​คนที​่​เหมาะสม​ที่สุด​ใน​การ​ทำ​เรื่อง​นี้​คือ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​แต่​ต่าง​ก็​รู้​ว่า​ ​เหตุใด​เขา​ถึง​ไม่​หยุด​ฝีเท้า​ลง

​…..

​…..

​การต่อสู้​ใน​วัง​มารค​่อย​ๆ​ ​หยุด​ลง​ ​เปลวเพลิง​เกิดขึ้น​ที่​บางแห่ง​ใน​วัง​ ​แล้วก็​ดับ​ลง​อย่างรวดเร็ว​ ​แม้​จะ​ถูก​ยึดครอง​ ​แต่​ทุกอย่าง​ก็​ดู​เป็นระเบียบเรียบร้อย

​เช่นเดียวกับ​ฝีเท้า​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​เป็นจังหวะ​สม่ำเสมอ​และ​ชัดเจน​ ​ไม่รีบร้อน

​แต่​เขา​ไม่​สามารถ​มอง​รูปแบบ​ของ​ตำหนัก​เหล่านั้น​ใน​วัง​มาร​ได้​ชัดเจน​นัก

​ตำหนัก​เหล่านั้น​สร้าง​ด้วย​หินอ่อน​สีดำ​ที่​หายาก​มาก​ ​งดงาม​เกิน​สิ่งใด​จะ​เปรียบ​ได้​ ​และ​ตำหนัก​ต่างๆ​ ​ก็​มี​รูปแบบ​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​สีสัน​แตกต่าง​กัน​ ​กลเม็ด​ประเภท​นี้​ที่อยู่​ใน​ภาพวาด​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​สามารถ​มองเห็น​ได้​จาก​สิ่งปลูกสร้าง​เหล่านี้​ ​ที่จริง​แล้ว​สามารถ​เรียก​ได้​ว่า​อัศจรรย์​ ​มี​ความ​สวย​ชนิด​หาที่เปรียบมิได้

​แต่​ใน​สายตา​ของ​เขา​สิ่ง​เหล่านี้​เป็น​เพียง​กลุ่ม​สี​ที่​พร่ามัว

​ใน​ส่วนลึก​สุด​ของ​วัง​มาร​มีทุ​่ง​ทานตะวัน​ ​ครอบครอง​พื้นที่​ขนาดใหญ่​มาก​ ​มองดู​ราวกับ​ทะเล​สีเหลือง​ ​ใน​คืน​ฤดูใบไม้ร่วง​ที่​เงียบเหงา​เช่นนี้​ ​ยังคง​ให้ความรู้​สึก​อบอุ่น​อย่าง​หาที่เปรียบมิได้

​คน​ขบวน​หนึ่ง​เดิน​ข้าม​ทะเล​ทานตะวัน​ ​เดิน​ลึก​เข้าไป​ ​รู้สึก​ได้​ว่าความ​อบอุ่น​รอบตัว​เริ่ม​เย็น​ลง​ ​และ​ไอ​พลัง​ที่​ชั่วร้าย​ ​เย็นชา​ ​ราวกับ​กลางคืน​กำลัง​เพิ่มขึ้น

​มีบัน​ทึก​เต๋า​กล่าว​ไว้​ว่า​ ​พลัง​เช่นนี้​คือ​ไอ​พลัง​ปราณ​แห่ง​ห้วง​ลึก​ ​และ​เป็นหนึ่ง​ใน​ขุม​พลัง​ของ​เผ่า​มาร

​ตำหนัก​มาร​อยู่​บน​ขอบ​เหว​ของ​ห้วง​ลึก​ ​ดูเหมือนว่า​จะ​อยู่​ไม่​ไกล​แล้ว

​ดอกทานตะวัน​สีเหลือง​ถูก​แยกจาก​กัน​ราวกับ​กระแสน้ำ​ ​และ​พระราชวัง​สีดำ​สูงตระหง่าน​หาที่เปรียบมิได้​ ​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ต่อหน้า​ทุกคน

​ผ่าน​ขั้นบันได​หิน​ที่​มี​ความ​ยาว​ช่วง​หนึ่ง​ ​ผู้คน​ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​ตำหนัก​มาร

​จนกระทั่งบัดนี้​ ​สายตา​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ก็​ไม่​เลือนราง​อีกต่อไป​ ​แต่​ยังคง​มี​รอย​แดง​เล็กน้อย

​พื้นที่​ใน​ตำหนัก​มาร​นั้น​ใหญ่​มาก​ ​ไม่มี​เสาหิน​รองรับ​ ​และ​ทำ​มาจาก​หิน​สีดำ​ทั้งหมด​ ​ทุก​ระยะ​จะ​มองเห็น​ภาพวาด​ ​หรือ​ปูชนียบุคคล​ ​หรือ​ทิวทัศน์​ ​หรือ​ดอกไม้​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​รอย​สะบัด​พู่กัน​ธรรมดาๆ​ ​ซึ่ง​ภายใน​แฝง​ไป​ด้วย​ภูมิปัญญา​มากมาย

​เริ่ม​จาก​ประตู​วัง​มาร​ ​ผู้คน​ต่าง​ไม่​พบ​เผ่า​มาร​ตน​ใด​ ​ที่นี่​ก็​ไม่มี​ ​ดู​เงียบเหงา​พิกล

​ทันใดนั้น​ลำแสง​สีเขียว​จางๆ​ ​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ต่อหน้า​ทุกคน​ ​แทง​เข้ามา​ตรง​หว่าง​คิ้ว​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ทุกคน​สามารถ​สัมผัส​ได้​ถึง​พิษ​ใน​ระยะไกล

​เฉิน​ฉาง​เซิง​คุ้นเคย​กับ​ลำแสง​สีเขียว​นี้​มาก​ ​มัน​คือ​ขนนก​ยูง​ของ​หนาน​เค​่อ

​สวี​โหย​่ว​หรง​พูด​บางสิ่ง​กับ​นักพรต​น้อย​ใน​อ้อมแขน​ ​โดย​มิได้​เงยหน้า​ขึ้น​มอง

​กระบี่​สั้น​พุ่ง​ขึ้นไป​ใน​อากาศ​ ​ฟาด​เข้ากับ​ลำแสง​สีเขียว​อย่างแม่นยำ

​ครั้น​เมื่อ​เฉิน​ฉาง​เซิง​เตรียมพร้อม​รับมือ​กับ​การ​โจมตี​ประหลาด​ของ​หนาน​เค​่อ​ครั้ง​ถัดไป​ ​ลำแสง​สีเขียว​นั้น​ก็​สลาย​หาย​ไป​ใน​อากาศ

​ทันใดนั้น​ ​ก็​เสียง​ปะทะ​ดัง​ขึ้น​อย่าง​แน่นหนา​จาก​ด้านบน​ตำหนัก​มาร​เป็น​ชุด​ ​จากนั้น​ก็​มี​เกล็ด​หิมะ​ร่วง​ลงมา

​เกิด​เสียง​ดั่ง​สนั่น​ขึ้น​ ​ร่าง​สอง​ร่าง​ตกลง​มาบ​นพื​้​นอย​่าง​หนัก​ ​แม้แต่​หิน​สีดำ​ที่​แข็งแกร่ง​ ​ก็​ยัง​มี​รอยแตก​ปรากฏ​ขึ้น​หลาย​จุด

​ควัน​และ​ฝุ่น​ค่อยๆ​ ​สลาย​ไป​ ​สตรี​ชุด​ดำนาง​หนึ่ง​คุมตัว​หนาน​เค​่อ​เอาไว้

​“​เหตุใด​เจ้า​จึง​อ่อนแอ​มาก​เช่นนี้​”

​สตรี​ชุด​ดำ​มอง​ไป​ที่​หนาน​เค​่อ​และ​พูด​อย่าง​สับสน

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ซีดเผือด​ของ​หนาน​เค​่อ​ ​ก็​มี​ความประหลาดใจ​เล็กน้อย​ ​ไม่รู้​ว่าที่​นาง​กลับมา​ถึง​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ไม่​กี่​วัน​มานี​้​ ​นาง​จะ​ต้อง​ทน​กับ​อะไร​บ้าง

​“​ข้า​เสียใจ​นัก​ ​ข้า​น่าจะ​ฆ่า​เจ้า​เสีย​ตั้งแต่​ตอนที่​ข้า​เห็น​เจ้า​ใน​สวน​โจว​แล้ว​”

​หนาน​เค​่​อมิ​ได้​สนใจ​สตรี​ชุด​ดำ​ ​นาง​จ้อง​ไป​ที่​ใบหน้า​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ ​และ​พูด​ด้วย​ความเกลียดชัง​ไม่รู้จบ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​มิได้​รับคำ​ ​เขา​เดิน​เข้าไป​ใน​ส่วนลึก​ของ​ตำหนัก​มาร​ต่อไป

​หนาน​เค​่​อม​อง​ไป​ยัง​แผ่น​หลัง​ของ​เขา​ ​ตะโกน​ด้วย​ความรู้สึก​สิ้นหวัง​ ​“​เจ้า​ต้องการ​ให้​พวก​ข้า​ตาย​กัน​หมด​จึง​จะ​พอใจ​หรือ​ไร​”

​“​ไม่​ ​ข้า​แค่​ต้องการ​ให้​พวก​เจ้า​ยอมแพ้​เสีย​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มอง​ไป​ยัง​รถ​เล็ก​และ​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​และ​พูด​ซ้ำ​อีกครั้ง​ว่า​ ​“​ยอมแพ้​”

​……

​……