ส่วนที่ 7 ภาคกล้าให้อาทิตย์ดวงจันทร์ผันเปลี่ยน ตอนที่ 125 เจ้าคือผู้ใด

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

​สตรี​ชุด​ดำ​ส่าย​หัว​ ​ปล่อย​หนาน​เค​่อ​ ​และ​เดิน​ไป​ที่​ข้าง​กาย​ของ​เฉิน​ฉาง​เซิง

​ใน​กองกำลัง​มี​ผู้​แข็งแกร่ง​ขั้น​อาณาเขต​เทพศักดิ์​สิทธิ์​หลาย​คน​ ​แม้​จะ​ได้รับบาดเจ็บ​ไม่เบา​ ​แต่​ก็​ยัง​ต่อสู้​ได้​ ​ดู​จาก​สภาพ​ของ​หนาน​เค​่อ​แล้ว​ ​คง​ไม่มี​อำนาจ​คุกคาม​ใดๆ​ ​ได้

​ใบหน้า​ของ​หน่าน​เค​่อ​ซีดเผือด​ลง​ยิ่งกว่า​เดิม​ ​ลุกขึ้น​จาก​พื้น​อย่างไร​้​เรี่ยวแรง​อยู่​บ้าง​ ​แล้ว​เดินตาม​ไป

​ไม่มีใคร​เหลือบมอง​นาง​แม้​ปราด​หนึ่ง​ ​แต่​มีบา​งคน​สงสัย​เกี่ยวกับ​สตรี​ชุด​ดำ​อย่างมาก

​ลมหนาว​พัดมา​ต้อนรับ​เล็กน้อย​ ​เดินผ่าน​หิน​สีดำ​ที่​ปกคลุม​ไป​ด้วย​น้ำค้างแข็ง​บาง​ๆ​ ​หลาย​คน​ต่าง​ก็​คาดเดา​ได้​ถึง​ตัวตน​ของ​สตรี​ชุด​ดำ​แล้ว

​ที่แท้​นาง​ไม่ได้​อยู่​บน​เกาะ​อบอุ่น​ทางใต้​ ​แต่​อยู่​ที่นี่​มาโดยตลอด​ ​และ​นาง​ยัง​เป็น​ผู้พิทักษ์​ของ​ใต้เท้า​สังฆราช​อย่างแท้จริง

​เฉิน​ฉาง​เซิง​เดา​ได้​นาน​แล้ว​ว่านา​งอยู​่​ใน​กองทัพ

​ใน​ช่วงเวลา​วิกฤต​ของ​การต่อสู้​ระยะ​ที่สอง​ ​กองพัน​ที่สาม​ทางเหนือ​กองทัพ​เส้นทาง​ตะวันออก​พบ​ตัว​ประหลาด​เผ่า​มาร​ผู้​หนึ่ง​ ​นก​อินทรี​ดำ​หลาย​พัน​ตัว​รีบ​ไป​ที่​ค่าย​พร้อม​ดินปืน​ ​แต่​สุดท้าย​พวก​มัน​ก็​ร่วง​ลงมา​อย่าง​ลึกลับ​ ​บน​ที่ราบ​ทุ่งหญ้า​เกิด​น้ำตก​ไฟ​ที่​ถูกจุด​ขึ้น​นับไม่ถ้วน​ ​หลาย​คน​มิ​อาจ​เข้าใจ​ได้​ว่า​เพราะเหตุใด​ ​นั่น​คือ​อำนาจ​แรงกดดัน​ของ​นางใน​ฐานะ​สิ่งมีชีวิต​ศักดิ์สิทธิ์​ระดับสูง

​ใน​สงคราม​ที่​ติดตาม​มา​ภายหลัง​ ​จี๊ด​จี๊ด​ยัง​ประสบความสำเร็จ​มากมาย​หลายครั้ง​ ​โดยเฉพาะ​ครั้งนั้น​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​หน้า​นี้

​ภายใต้​การกำ​บัง​ของ​เผ่า​มาร​ทั้งหมด​ใน​เมือง​เสวี​่ย​เหล่า​ ​เกา​ฮวน​ได้​นำพล​หมาป่า​มากกว่า​หนึ่ง​พัน​นาย​ลง​ไป​ที่นั​่​วรื​่อ​หลั่ง​ ​และ​โจมตี​กอง​เสบียง​ของ​เผ่า​มนุษย์​ ​สุดท้าย​โดน​ท่าน​ปู่​ถัง​สังหาร​ทั้งหมด​ ​แต่​เกวียน​ขน​เสบียง​ก็​โดน​จุดไฟ​เผา​ไปมาก​เช่นกัน​ ​ก่อน​จะ​สิ้นใจ​ ​เกา​ฮวน​เห็น​ว่า​เปลวเพลิง​ที่​เผา​เกวียน​ขน​เสบียง​เหล่านั้น​ได้​ดับ​ลง​แล้ว​ ​เขา​ไม่เข้าใจ​เป็นอย่างมาก​ ​สามารถ​เรียก​ได้​ว่า​เป็นเรื่อง​ที่​พบเห็น​ได้​ยาก​ยิ่ง​ ​นี่​ก็​เป็นฝี​มือ​ของ​นาง​เช่นกัน​ ​เปลวเพลิง​ประหลาด​ที่​ยาก​จะ​ดับ​ด้วย​น้ำ​และ​ทราย​ ​สำหรับ​มังกร​ยักษ์​น้ำค้างแข็ง​แล้ว​ ​ไม่​นับว่า​เป็นเรื่อง​ยาก​อัน​ใด​เลย

​เฉิน​ฉาง​เซิง​ถาม​ว่า​ ​“​ไม่​โกรธ​แล้ว​รึ​”

​จี๊ด​จี๊ด​พูดตาม​ที่​คาดการณ์​ไว้​ ​“​เจ้า​ไม่​ไป​สู่ขอ​ข้า​ ​ข้า​ควรจะ​โกรธ​เจ้า​แน่นอน​”

​เฉิน​ฉาง​เซิง​พูดว่า​ ​“​เช่นนั้น​เหตุใด​เจ้า​ยัง​มาช​่วย​ข้า​อีก​”

​จี๊ด​จี๊ด​พูดว่า​ ​“​หาก​เผ่า​มนุษย์​พ่าย​แล้ว​ ​เจ้า​จะ​ต้องตาย​แน่​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​แต่งงาน​กับ​ใคร​เล่า​”

​นี่​เป็น​อีก​หนึ่ง​ปัญหา​จริงๆ

​เฉิน​ฉาง​เซิง​มิ​อาจ​ให้​คำตอบ​ได้

​สวี​โหย​่ว​หรง​ถาม​ขึ้น​ทันใด​ว่า​ ​“​เจ้า​รู้​หรือยัง​ว่า​เหตุใด​เจ้า​จึง​ยัง​ไม่​เป็นผู้ใหญ่​เสียที​”

​จี๊ด​จี๊ด​มึนงง​เล็กน้อย​ ​ใน​ใจคิด​ว่านั​่น​เป็น​เพราะเหตุใด

​สวี​โหย​่ว​หรง​พูดว่า​ ​“​ไม่ใช่​เพราะ​ค่าย​กล​ที่​ใต้​สะพาน​อุดร​ใหม่​สร้าง​ความเสียหาย​ให้​กับ​จิตใจ​ของ​เจ้า​ ​แต่​เป็น​เพราะ​ตลอดมา​เจ้า​ต้องการ​จะ​จับคู่​กับ​มนุษย์​ ​ทำให้​เจ้า​ฝึก​บำเพ็ญ​ได้​ล่าช้า​”

​จี๊ด​จี๊ด​ได้​ฟัง​แล้วก็​โกรธ​มาก​ ​อยาก​จะ​ย้อน​นาง​กลับ​แต่​ก็​ไม่รู้​จะ​เริ่ม​จาก​ที่ใด​ ​นาง​ตะโกน​กลับ​ไป​ทั้ง​หน้าแดง​ก่ำ​ว่า​ ​“​หรือ​เจ้า​ไม่​คิด​”

​นักพรต​น้อย​เงยหน้า​ขึ้น​มาจาก​อ้อมแขน​ของ​สวี​โหย​่ว​หรง​ ​สงสัย​อย่างยิ่ง​ว่า​พวกเขา​กำลัง​โต้เถียง​กัน​ด้วย​เรื่อง​อัน​ใด

​สวี​โหย​่ว​หรง​เหยียด​นิ้ว​ออก​แล้ว​เขย่า​ ​ความหมาย​ชัดเจน​มาก​ ​แต่​ก็​มี​จุด​ที่​ไม่ชัด​เจน​เช่นกัน

​ช่วงเวลา​ที่​ทะเลาะ​กัน​ราวกับ​เด็กน้อย​เช่นนี้​ ​แท้จริง​แล้ว​เหตุผล​นั้น​ง่าย​นิดเดียว​ ​พวก​นาง​ประหม่า​เล็กน้อย

​ทุกคน​มาถึง​ส่วน​ที่​ลึก​ที่สุด​ของ​ตำหนัก​มาร​แล้ว​ ​มองเห็น​เปลวเพลิง​มาร​สีดำ​ ​และ​รู้สึก​ถึง​ไอ​พลัง​ปราณ​แห่ง​ห้วง​ลึก​ที่มา​จาก​ด้านหลัง​ของ​เปลวเพลิง​มาร

​เปลวเพลิง​มาร​สีดำ​เปรียบเสมือน​สี​แห่ง​ค่ำคืน​ที่​เปลี่ยนแปลง​รูปร่าง​ไม่หยุดหย่อน​ ​ไม่​สงบเงียบ​ ​แฝง​ไป​ด้วย​พลังงาน​อัน​ไร้​สิ้นสุด​ ​และ​น่ากลัว​มาก

​ชายหนุ่ม​ผู้​หนึ่ง​ยืน​อยู่​หน้า​เปลวเพลิง​มาร​ ​เขา​แต่งกาย​ด้วย​ชุด​คลุม​ยาว​สีขาว​ ​ผมเผ้า​กระเซิง​ ​ราวกับ​กวี​ผู้​สูญเสีย​บ้านเกิด​ ​และ​เหมือนกับ​นัก​ขับ​ลำนำ​ผู้​โศกเศร้า

​ที่​ผู้คน​ประหม่า​มิใช่​เพราะ​ความกลัว​ ​กลับเป็น​เพราะ​ประวัติศาสตร์​ที่​กำลังจะ​เกิดขึ้น​ ​ตอนนี้​มา​อยู่​ต่อหน้าต่อตา​พวกเขา​แล้ว

​ราชา​มาร​หมุนตัว​กลับมา​ ​ใช้​นิ้วมือ​ม้วน​ผม​เล่น​อย่าง​สบาย​ๆ​ ​พูด​กับ​เฉิน​ฉาง​เซิง​ว่า​ ​“​สิ่ง​เดียว​ที่​ข้า​ไม่เข้าใจ​ก็​คือ​ ​เวลานี้​เซียง​อ๋อง​และ​เฉา​อวิ​๋น​ผิง​อยู่​ที่​จิง​ตู​ ​กระทั่ง​จักรพรรดิ​ขาว​ก็​อาจจะ​ไป​แล้วด้วย​ซ้ำ​ ​เพราะ​พวกเขา​ไม่ได้​อยาก​ให้​ข้า​ตาย​ ​เจ้า​ไม่สน​ใจ​ขนาด​นี้​ได้​อย่างไร​กัน​นะ​”

​สายตา​ของ​เขามอง​ไป​ยัง​รถ​เล็ก​คัน​นั้น​ ​และ​พบ​ว่า​ใน​รถ​ไม่มี​เสียง​ลมหายใจ​แล้ว​ ​อารมณ์​ค่อนข้าง​สับสน​เล็กน้อย​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ถึงแม้​เจ้า​จะ​นับว่า​เป็น​ลูกศิษย์​ที่​สมอง​ตาย​ไป​แล้ว​ ​แต่​เหตุใด​เจ้า​จึง​ไม่สน​ใจ​เล่า​”

​……

​……

​ทันใดนั้น​ฝน​ก็​ตก​ที่​จิง​ตู

​หยาดฝน​ตกลง​ผ่าน​ลำแสง​จาก​คบเพลิง​ ​ตกลง​บน​ไม้เลื้อย​นอก​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​ทำให้เกิด​เสียงซ่า​ๆ

​เฉิน​หลิว​อ๋อง​มองดู​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่ย​ ​รอยยิ้ม​ที่​มุม​ปาก​ค่อยๆ​ ​จาง​ลง

​สิบ​ปี​มานี​้​ ​ท่าที​ของ​สมเด็จ​พระจักรพรรดิ​ที่​มีต​่อ​ตระกูล​เทียน​ไห่​นั้น​ธรรมดา​มาก​ ​และ​ท่าที​ต่อ​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่​ยก​็​ไม่​แย่​ ​เมื่อปีก่อน​ ​ยัง​เลือก​ให้​เขา​รับ​ตำแหน่ง​สำคัญ​ใน​กองทัพ

​เมื่อ​ต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่ย​เกิด​ป่วยหนัก​ ​ทำให้​ไม่​สามารถ​ตาม​เข้าร่วม​แนวหน้า​ของกอง​ทัพ​ได้

​ใน​ช่วง​ปลาย​ฤดูร้อน​ ​เขา​ได้​ติดต่อ​กับ​ม่อ​อวี​่​อย่าง​ลับ​ๆ​ ​และ​ได้​ออกหน้า​เชิญ​ใต้เท้า​สอง​สาม​คน​จาก​พระราชวัง​หลี​ ​และ​อาการป่วย​ก็​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​ ​เหตุการณ์​นี้​มีมลทิน​ใด​ซ่อน​อยู่​ ​เขา​ไม่​อยาก​สนใจ​อีกต่อไป​แล้ว​ ​แต่​ในเวลานี้​เมื่อม​อง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ที่​คุ้นเคย​ใน​กองทัพ​กบฏ​เหล่านั้น​ ​เขา​กลับ​ยังคง​รู้สึก​เจ็บ​ที่​หน้าอก​เล็กน้อย

​“​ใน​ตอนนั้น​ท่าน​ป้า​เคย​บอกว่า​เจ้า​เป็น​แค่​เศษ​ขยะ​ก้อน​หนึ่ง​ ​มองดู​ตอนนี้​มัน​ก็​สมเหตุสมผล​แล้ว​”

​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่​ยม​อง​ไป​ยัง​ลูกพี่ลูกน้อง​เหล่านั้น​ ​และ​พูด​อย่าง​เย้ยหยัน​ว่า​ ​“​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​ไม่มี​แม้แต่​ความกล้า​”

​เทียน​ไห่​เฉิง​อู่​ขี่ม้า​ออกมา​จาก​ฝูงชน​ ​มองหน้า​เขา​และ​พูด​ด้วย​ใบหน้า​บึ้งตึง​ว่า​ ​“​เจ้า​รู้ตัว​หรือไม่​ว่า​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​อยู่​”

​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่​ยพูด​ว่า​ ​“​ท่าน​พ่อ​ท่าน​รู้ตัว​หรือไม่​ว่า​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​อยู่​ ​ผู้คน​กำลัง​ทำสงคราม​กับ​เผ่า​มาร​ ​แต่​ท่าน​กลับ​จะ​ก่อ​กบฏ​ ​ท่าน​ยัง​มียา​งอา​ยอยู​่​ไหม​”

​เสียง​ของ​เขา​แผ่​กระจาย​อย่างชัดเจน​ท่ามกลาง​สายฝน​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​และ​การแสดงออก​ของ​พวก​กองทัพ​กบฏ​ก็​ผิดแผก​ไป​เล็กน้อย

​ใน​ตรอก​ไป่ฮ​วา​พลัน​เงียบสงัด​ ​และ​เสียง​ฝน​ที่​ตกลง​มาบน​เถาวัลย์​สีเขียว​ก็​กวนใจ​เล็กน้อย

​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ปาด​ฝน​ที่อยู่​บน​หน้า​ออก​ ​เขามอง​หน้า​ของ​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่ย​ขณะที่​ขี่​อยู่​บน​หลัง​ม้า​ ​เขา​หลุบ​ตาม​อง​ต่ำ​ ​แสดง​สีหน้า​เย็นชา

​“​ข้า​รู้​เพียง​ว่า​ข้า​คือ​จักรพรรดิ​องค์​ต่อไป​ ​แล้ว​เจ้า​เป็น​ผู้ใด​เล่า​”

​หลังจาก​พูด​ประโยค​นี้​จบ​ ​เขา​ก็​ยกมือ​ขวา​ขึ้น​ ​เตรียม​ส่งสัญญาณ​ให้​กองกำลัง​ทหารม้า​ฝ่าย​กบฏ​พุ่ง​เข้าใส่

​เช่นเดียวกับ​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​หน้า​นี้​ ​ใน​สายฝน​ฤดูใบไม้ร่วง​ที่​คล้าย​กัน​ ​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่​ยก​็​เคย​ทำ​เช่นเดียวกัน

​สีหน้า​ของ​เทียน​ไห่​เซิ​่ง​เสวี​่ย​ซีด​ลง​ไป​เล็กน้อย​ ​เขา​รู้ดี​ว่า​ลำพัง​ตัว​เขา​คนเดียว​คง​ไม่​สามารถ​ทัดทาน​กองทัพ​กบฏ​มากมาย​เช่นนี้​ได้

​ซูม​่​ออ​วี​๋​ ​เฉิน​ฟู่​กุ้ย​ ​ชู​เหวิน​ปิน​ ​และ​ยอด​ฝีมือ​ท่าน​อื่นๆ​ ​ของ​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​ตอนนี้​ล้วน​ไป​อยู่​ที่​แนวหน้า​กัน​หมด​แล้ว​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เจ๋อ​ซิ่ว​ ​ถัง​ซาน​สือ​ลิ่ว​ ​และ​คนอื่นๆ

​ไม่นาน​หลังจากนี้​จะ​มี​อาจารย์​และ​ศิษย์​กี่​คนที​่​จะ​ต้อง​ตก​อยู่​ใน​สระ​โลหิต​แห่ง​นี้​ ​สำนัก​ฝึก​หลวง​จะ​กลายเป็น​ซากปรักหักพัง​หรือไม่

​โดยที่​ไม่มี​สัญญาณ​ใดๆ​ ​มือขวา​ของ​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ก็​ทิ้งตัว​ลงมา​อย่างหนัก​ ​ราวกับว่า​เขา​กำลังจะ​ตัด​ต้นไม้​ใหญ่​ ​เรียบง่าย​และ​ทรงพลัง

ณ​ ​เวลานี้​ ​ภาพ​ฉาก​อัศจรรย์​ฉาก​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น

​ทันใดนั้น​ต้น​ไหว​ที่​ค่อนข้าง​หนามา​กต​้น​หนึ่ง​ก็​แตก​ออก

​เกิด​เสียงตึงดังสนั่น​!

​ท่อนไม้​ของ​ต้น​ไหว​ที่​หักออก​นั้น​ก็​ฟาด​ใส่​เฉิน​หลิว​อ๋อง

​ท่ามกลาง​เสียงสะอื้น​ ​ม้า​ศึก​ถูก​กระแทก​เข้า​โดยตรง​จนตาย​ ​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ร่วง​ลง​ไป​ท่ามกลาง​สายฝน​ ​ทั้งตัว​เต็มไปด้วย​เลือด

​โลก​ทั้ง​ใบ​ตก​อยู่​ใน​ความ​เงียบงัน

​ผู้คน​มองเห็น​เงา​ของ​ร่าง​กำยำ​ท่ามกลาง​สายฝน​ ​ต่าง​ตกตะลึง​และ​พูดไม่ออก

​เงา​ของ​ร่าง​กำยำ​นั้น​คือ​ผู้ใด​กัน​ ​สามารถ​ใช้​มือ​ข้างเดียว​ถือ​ท่อน​ต้นไม้​ยักษ์​เป็น​อาวุธ​ได้​ ​และ​สามารถ​ล้ม​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ได้​อย่างง่ายดาย

​เฉิน​หลิว​อ๋อง​เป็นยอด​ฝีมือ​ที่แท้​จริง​ของ​ขั้น​รวบรวม​ดวงดาว​ ​แม้ว่า​จะ​เป็นการ​ลอบ​โจมตี​ ​แต่​เหตุใด​เขา​จึง​ทำไม​่​ได้​แม้กระทั่ง​ต่อสู้​กลับ​เช่นนี้

​ไม่ต้อง​พูดถึง​ว่า​เทียน​ไห่​เฉิง​อู่​ขั้น​หยั่งรู้​ก็​อยู่​ข้าง​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ ​เหตุใด​จึง​ไม่​แม้แต่​มี​การ​ตอบสนอง

​ฝน​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​ยิ่ง​มายิ​่ง​หนัก​ ​ตกกระ​ทบ​ลง​บน​กิ่ง​และ​ใบ​ของ​ต้นไม้​ที่​หัก​ลง​ ​แล้ว​หยด​ลงมา​เรื่อยๆ​ ​ไม่หยุดหย่อน

​เทียน​ไห่​เฉิง​อู่​พ่นลม​เย็น​ออกมา​หนึ่ง​ครั้ง​ ​และ​ฟาด​มือขวา​ใส่​คนกลาง​สายฝน​ผู้​นั้น

​เฉิน​หลิว​อ๋อง​ได้รับบาดเจ็บ​สาหัส​จาก​การ​ลอบ​โจมตี​ต่อหน้า​เขา​ ​เป็นการ​ยาก​ต่อ​เขา​ที่จะ​สารภาพ​ต่อ​เซียง​อ๋อง​ใน​ภายหลัง​ ​และ​เขา​ก็​ตกตะลึง​กับ​ฝีมือ​ของ​อีก​ฝ่าย​ ​ดังนั้น​เขา​จึง​ใช้กำลัง​ที่​มีทั​้ง​หมด​ ​ไม่ได้​ออม​พลัง​เอาไว้​เลย

​ฝ่ามือ​ของ​เขา​เปล่งประกาย​ด้วย​แสงดาว​ระยิบระยับ​ ​ราวกับ​เป็น​ศาสตรา​เหล็กกล้า​ของจริง​ ​ตัดผ่าน​อากาศ​และ​สายฝน​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​ ​ทำให้เกิด​เสียง​หวีด​รุนแรง

​บุรุษ​ร่าง​กำยำ​ผู้​นั้น​ไม่ได้ตั้งใจ​จะ​ถอย​ ​กลับ​ยก​กำปั้น​ขวา​ขึ้น​รับมือ

เปรี้ยง​!​ สายฟ้า​แลบ​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ท้องฟ้า​ยามค่ำคืน​ ​ฟาด​ลงมา​หน้า​ประตู​สำนัก​ฝึก​หลวง​โดยตรง​ ​แล้ว​กลาย​สภาพ​เป็น​เส้น​อัสนี​เป็น​สาย​ๆ​ ​พัวพัน​อยู่​บน​แขน​ที่​แข็งแรง​ของ​เขา​

​เคล็ด​วิชา​เหนี่ยว​นำ​อัสนี​!

​ทันทีที่​กำปั้น​กระทบ​ฝ่ามือ​ ​หยาดฝน​ที่​ตก​อยู่​ทั่ว​ฟ้า​ก็​ดูรา​วกับ​จะ​หยุด​อยู่​กลางอากาศ

​เทียน​ไห่​เฉิง​อู่​กระเด็น​ห่าง​ออก​ไป​หลาย​สิบ​จั้ง​ ​จนกระทั่ง​ชน​เข้ากับ​โรง​เตี​๊​ยม​แห่งหนึ​่ง​ ​จึง​จะ​หยุด​ลง​ได้​ ​และ​มี​เลือด​ไหล​ออกมา​จาก​มุม​ปาก

​บุรุษ​ร่าง​กำยำ​ผู้​นั้น​ยังคง​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ ​สีหน้า​ของ​เขา​มิได้​เปลี่ยนแปลง

​เวลานี้​หลาย​คน​เพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​ ​เขา​ไม่ได้​วาง​ต้นไม้​หัก​ที่​เขา​ถือ​อยู่​ใน​มือซ้าย​ลง​ด้วยซ้ำ​!

​บุรุษ​ร่าง​กำยำ​นี้​คือ​ผู้ใด​ ​หรือว่า​เขา​บรรลุ​สู่​ขั้น​เทพศักดิ์​สิทธิ์​ไป​แล้ว​ครึ่ง​ก้าว

​แม้ว่า​ใบหน้า​ของ​เขา​จะ​เต็มไปด้วย​หนวดเครา​ ​แต่​คิ้ว​และ​ตาของ​เขา​ยัง​ดู​อ่อนเยาว์​อย่างมาก​ ​จะ​เป็นไปได้​อย่างไร​กัน

​เฉิน​หลิว​อ๋อง​มอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ของ​ชาย​ร่าง​กำยำ​ ​รู้สึก​มี​ความคุ้นเคย​ไม่น้อย​ ​แต่​นึก​เท่าไร​ก็​นึกไม่ออก​ ​ถาม​ว่า​ ​“​เจ้า​คือ​ผู้ใด​”

​ชาย​ร่าง​กำยำ​นั้น​พูดว่า​ ​“​ข้า​คือ​เซ​วี​ยน​หยวนผ​้อ​แห่ง​สำนัก​ฝึก​หลวง​ ​แล้ว​เจ้า​เล่า​คือ​ผู้ใด​”