ตอนที่ 2666

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,666 : อาวุโสฝ่ายใน หลิวเชียน

 

ปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำของตระกูลหลิว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะปะทุพลังสังหารในฉับพลัน ที่สำคัญความเร็วในการลงมือยังรวดเร็วสุดที่มันจะตั้งตัวได้ทัน!

 

หาไม่แล้วต่อให้สุดท้ายมันจะแพ้ แต่ก็คงไม่ตายเร็วขนาดนี้

 

‘หืม?’

 

ทันใดนั้นเอง หลังจากที่อาวุโสสูงของตระกูลหลิวตกตายได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ว่า…

 

อยู่ๆเปลวเพลิงสีเทาในเศษโลหะแตกๆข้างดวงจิตของเขา มันก็ปะทุลุกโชนขึ้น!

 

ไม่เพียงแต่เปลวเพลิงจะลุกโชนจนแผ่ออกมานอกตัวเศษโลหะ มันยังพุ่งไปดั่งลำแสงสีเทายากที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ออกจากร่างกายเขาไปเข้าสู่ร่างกายของอาวุโสสูงตระกูลหลิวที่ตกตายในสภาพร่างปุพรุนทันที!!

 

‘มัน…คิดจะทำอะไรกันแน่?’

 

ด้วยความอยากรู้ต้วนหลิงเทียนจึงแผ่สำนึกเทวะตามไปดู

 

ครู่ต่อมาเขาจึงพบว่า…

 

เปลวเพลิงที่พุ่งออกจากร่างเขาไปดั่งลำแสงสีเทากมองเห็นนั้น หลังเข้าสู่ร่างอาวุโสสูงตระกูลหลิวแล้ว มันก็เริ่มกลืนกินเพลิงสีฟ้าอ่อนในร่างอีกฝ่าย ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองทันที!!

 

และในขณะที่เปลวเพลิงสีเทากำลังกลืนกินเพลิงสีฟ้านั้น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าหากปล่อยไว้ไม่ทำอะไร เพลิงสีฟ้าอ่อนนั่นก็คงจะสลายตัวไปเอง!

 

‘นั่นมัน…เพลิงอมตะงั้นเหรอ?’

 

‘อาวุโสสูงของตระกูลหลิว…ที่ข้าฆ่าทิ้งไปคนนี้…หรือจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำหนึ่งเดียวของตระกูลหลิว?’

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนเริ่มตระหนักเรื่องราวได้บ้างแล้ว

 

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาววูบ! ลอบเหงื่อตกในใจอย่างหวาดเสียว!!

 

ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะ หากจุดชนวนเพลิงอมตะระดับต่ำขึ้นมา กระทั่งต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตต้าหลัวจินเซียน ถ้าทะลึ่งมาอยู่ในระยะประชิดก็ต้องตายคาที่แน่นอน!

 

‘โชคดีจริงๆที่ข้าฆ่ามันได้ทันที…ไม่เปิดโอกาสให้มันลากทุกคนให้ร่วมกลบฝังไปด้วย’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบยินดีในใจ

 

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็พบว่า

 

เปลวเพลิงสีเทาที่พุ่งออกไปจากเศษโลหะแตกหักในร่างเขา พอกลืนกินเปลวเพลิงสีฟ้าอ่อนในร่างไร้ชีวิตของอีกฝ่ายหมดแล้ว มันก็กลับเข้าร่างเขา หดหายไปอยู่ในเศษโลหะแตกหักอีกครั้ง

 

‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’

 

‘เท่าที่รู้มา…ไม่ใช่หากปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะตายตก เพลิงในร่างจะสลายหายไปเองหรือ? และหากไม่มอบให้ผู้ใดโดยสมัครใจ ก็ไม่มีใครช่วงชิงไปได้ไม่ใช่รึไง? แต่ไฉนเพลิงอมตะในร่างข้าเหมือนมันจะกลืนกินเปลวเพลิงอื่นได้เล่า!  ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย ว่ายังมีเพลิงอมตะที่สามารถกลืนกินเพลิงอมตะผู้อื่นได้อยู่ด้วย…’

 

ต้วนหลิงเทียนสงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย

 

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลิงอมตะสีเทาในร่างเขามันคืออะไร แล้วไฉนถึงกลืนกินเพลิงอมตะผู้อื่นได้

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย

 

ว่าเปลวเพลิงสีเทาในร่างเขามันไม่ใช่เพลิงอมตะ แต่เป็นเพลิงเทพ! มันคือสิ่งที่ดำรงอยู่เหนือเพลิงอมตะทั้งมวล และยังเป็นเปลวเพลิงที่ทรงพลังที่สุดในสวรรค์และโลก เพลิงเทพโกลาหล!

 

แน่นอนว่าเพลิงเทพโกลาหลในร่างเขาตอนนี้ก็เป็นแค่รูปแบบที่ 2 ของเพลิงเทพโกลาหลเท่านั้น หากจะเทียบกับเพลิงเทพโกลาหลรูปแบบที่ 9 ซึ่งเป็นรูปแบบสมบูรณ์แล้ว…ยังห่างไกลกันอยู่หลายขุม! ไม่ใช่อะไรในระดับเดียวกันเลย!!

 

อย่างไรก็ตามลำพังแค่เพลิงเทพโกลาหลรูปแบบที่ 2 ในร่างเขานี้…ก็มีพลังอำนาจเทียบได้กับเพิงอมตะระดับกลางทั่วๆไปแล้ว!

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตกจับการกระทำของเพลิงสีเทาในร่าง เสียงสูดอากาศเข้าด้วยความหนาวเหน็บก็ดังเข้าหูเขาระงม

 

เป็นคนของตระกูลหลิวทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างตื่นตระหนกตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อเลย…ว่าอาวุโสสูงอันเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของมัน จะตกตายง่ายดายเพียงเท่านี้…

 

“อาวุโสสูงหลิวชิง…ตะ ตายแล้ว?”

 

“นอกจากเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ อาวุโสสูงหลิวชิงจะอย่างไรก็เป็นจินเซียนตะวันครามเหมือนท่านผู้นำ กระทั่งพลังฝีมือยังเหนือกว่าท่านผู้นำเสียอีก…แต่ท่านกลับถูกชายหนุ่มชุดม่วงนั่นฆ่าทิ้งในพริบตา?”

 

“แม้ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นจะลอบโจมตี…แต่พลังของมันอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุถึงจินเซียนตะวันม่วง!”

 

“จินเซียนตะวันม่วง…ตระกูลหลิวเราก็มีอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น…”

 

 

อาวุโสตระกูลหลิวทั้งหลายแตกตื่นกับการตายของอาวุโสสูงผู้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำนัก มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สีหน้าแววตาของพวกมันก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัว

 

‘มัน…มันฆ่าอาวุโสสูงหลิวชิงได้?’

 

หลิวจั่วหลินมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนก มันไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มม่วงที่ติดตามมันกลับมาตระกูลจะร้ายกาจถึงขั้นฆ่าอาวุโสสูงหลิวชิงของมันได้ราวกับผักปลา…

 

ต้องทราบด้วยว่าอาวุโสสูงหลิวชิงนั้น ไม่เพียงแจะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ ยังเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตจินเซียนตะวันครามที่ร้ายกาจกว่าบิดาของมัน!

 

‘มันฆ่าอาวุโสสูงหลิวชิงได้ง่ายๆ…หมายความว่าอย่างน้อยๆมันก็ต้องเป็นจินเซียนตะวันม่วง! แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่ามันยังอายุไม่ถึงร้อยปีหรือ?’

 

หลิวจั่วหลินย่อมได้ยินวาจาท่าอาวุโสรอบๆกล่าวได้ชัดเจน

 

จินเซียนตะวันม่วงอายุไม่ถึงร้อยปี?!

 

มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวตนเช่นนี้จะมาปรากฏในสถานที่อย่างมณฑลจิ่วโยวของพวกมันได้!

 

“เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าอาวโสสูงหลิงชิง! เจ้า…เจ้า…”

 

หลังจากผู้นำตระกูลหลิว หลิวตงผิงฟื้นสติ มันก็ชี้นิ้วไปทางต้วนหลิงเทียน ร่างมันยังสั่นระริกไปด้วยความโกรธ…

 

หลิวชิง นั้นเป็นดั่งตัวตนที่ตระกูลหลิวของพวกมันไม่อาจสูญเสียได้…

 

เนื่องเพราะหลิวชิงเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำ! ยังเป็น 1 ใน 3 ปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำของมณฑลจิ่วโยว!!

 

การตายของหลิวชิง ย่อมส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อกิจการด้านโอสถของพวกมัน!

 

“เจ้า…เป็นผู้ใดกันแน่!?”

 

อาวุโสสูงอีกคนของตระกูลหลิวอันเป็นชายชราผมสีดอกเลาหากแต่หน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยราวเฒ่าทารก ตอนนี้สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนของมัน ก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัว ไม่กล้าดูเบาต้วนหลิงเทียนเหมือนกาลก่อนสืบไป…

 

“ผู้ใดหาญกล้ามาก่อเรื่องถึงตระกูลหลิวข้า!?”

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบคำเฒ่าทารก เสียงดังอันแฝงเร้นไปด้วยความเกรี้ยวกราดหนึ่ง ก็ดังมาแต่ไกลราวฟ้าร้อง! ยังก้องไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลหลิว พาลให้ผู้คนสกุลหลิวมากมายสะดุ้งตกใจกันยกใหญ่!!

 

“เสียงนี้มัน…เสียงของอาวุโสหลิวเชียนนี่นา!?”

 

“ไม่ใช่ว่าปกติแล้วอาวุโสหลิวเชียนมิค่อยว่างแวะมาที่ตระกูลหรือ ไฉนวันนี้กลับมาได้เล่า?”

 

“แถมฟังจากน้ำเสียงของอาวุโสหลิวเชียน…ดูเหมือนจะมีใครบุกมาหาเรื่องถึงตระกูลหลิวเรานะ?”

 

“ให้ตายเถอะ เป็นใครมาหาเรื่องถึงตระกูลหลิวเรากันแน่ แถมยังร้ายกาจถึงขั้นทำให้อาวุโสหลิวเชียนต้องกลับมาช่วย!?”

 

 

หลิวเชียนนั้นเป็น 1 ใน 3 อาวุโสสูงของตระกูลหลิว และโดยปกติหลิวเชียนผู้นี้จะไม่ค่อยอยู่ที่นี่ หากแต่จะทำงานอยู่ที่จวนผู้ว่าในฐานะอาวุโสฝ่ายใน

 

และในบรรดาอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า พลังฝีมือของมันก็เป็นรองแค่ 2 คนเท่านั้น

 

“อาวุโสสูงหลิวเชียน!”

 

“ท่านผู้อาวุโสสูงหลิวเชียนกลับมาแล้ว!!”

 

 

เหนือขึ้นไปบนน่านฟ้าห้อโถงหลักตระกูลหลิว เหล่าอาวุโสทั้งหลายต่างยินดีกันยกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงหลิวเชียน สองตาแต่ละคนยังลุกวาวขึ้นมา

 

“อารอง…”

 

ลูกตาของหลิวจั่วหลินก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

 

หลิวเชียนนั้นเป็นน้องชายแท้ๆของบิดามัน เป็นอาของมันคนหนึ่ง!

 

ฟุ่บ!

 

ท่ามกลางสายตาผู้คน มีสายลมหนึ่งหอบพัดมาเร็วไว จากนั้นร่างคนผู้หนึ่งก็ค่อยๆปรากฏให้เห็นชัด

 

มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวใบหน้าเหลี่ยมปานตัวอักษรกั๋ว สองตากลมโตแลดูดิบเถื่อน อย่างไรก็ตามแววตาของมันกลับสุกใสฉายความฉลาดเฉลียวมากปัญญา ไม่คล้ายคนเถื่อนโง่งม

 

“ท่านผู้อาวุโสสูงหลิวเชียน!”

 

“ข้าน้อยขอคารววะอาวโสสูงหลิวเชียน!”

 

 

พอหลิวเชียนปรากฏตัว อาวุโสตระกูลหลิวทั้งหลายก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทันที

 

“ท่านอารอง!!”

 

หลิวจั่วหลินยังแลดูตื่นเต้นนัก

 

“น้องรอง ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

 

หลิวตงผิงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้

 

“หืม!?”

 

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมเขียว อันเป็นอาวุโสสูงของตระกูลหลิวนามหลิวเชียน ไม่ทันได้พูดอะไร หางตามันก็เหลือบไปเห็นศพหนึ่งบนหลังคาหห้องโถงด้านล่าง!

 

ลูกตาของมันหดเล็กลงทันใด

 

“หลิวชิง?”

 

พอหลิวเชียนจดจำได้ว่านั่นเป็นศพใคร สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก!

 

หลิวชิงเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำของตระกูลหลิวมัน ยังเป็นสหายในวัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน เรียกว่าสนิทสนมกลมเกลียวกับมันนัก!

 

แม้กระทั่ง…

 

ที่ตัวมันหลิวเชียนมีพลังฝีมือสูงส่งกว่าใครในตระกูลได้อย่างถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหลิวชิงทุ่มความพยายามจัดหาโอสถมาให้มันมากมาย ช่วยย่นระยะเวลาการบ่มเพาะของมันไปได้มหาศาล!

 

ด้วยเหตุนี้ฐานะของหลิวชิงในใจมัน ยังสูงยิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆอย่างหลิวตงผิง ที่เป็นผู้นำตระกูลหลิวเสียอีก…

 

“ผู้ใด! เป็นฝีมือผู้ใด!?”

 

อารามโทสะ หลิวเชียนถึงกับคำรามออกมาจากลำคอปานสัตว์ร้าย ยังเริ่มหันมองไปรอบๆ จนสุดท้ายสายตามันก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างต้วนหลิงเทียน

 

นั่นเพราะในที่นี้ ต้วนหลิงเทียน เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนเดียวในสายตามัน

 

“เป็นเจ้างั้นเหรอ?!”

 

หลิวเชียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย แววตายังแหลมคมปานมีดดาบ ราวกับคิดสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นชิ้นๆ ค่อยเผาให้ไหม้เป็นขี้เถ้า!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจคำถามของหลิวเชียนเลย

 

เพราะในขณะที่หลิวเชียนกล่าวถาม ต้วนหลิงเทียนคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาเลยหันไปมองยังพื้นด้านล่างทางทิศตะวันออก

 

ปรากฏร่าง 2 ร่างกำลังเหินทะยานขึ้นมาบนฟ้า…

 

หนึ่งในนั้นเป็นสตรีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดทั้งวิตกกังวล เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ใจนางร้อนรุ่มขนาดไหน

 

ส่วนอีกร่างเป็นชายชราแลดูกำยำหากแต่ไม่สูงสักเท่าไหร่

 

ชายชราดังกล่าวมาในชุดคลุมสีน้ำเงิน เส้นผมบนหัวเป็นสีทองประกาย หนวดเคราเฟิ้มรกหน้า ขนคิ้วหนาให้ความรู้สึกปานพยัคฆ์ เค้าโครงใบหน้าละม้ายคล้ายคิงคองดุดัน เพียงผู้คนแลเห็นก็รู้สึกเหมือนถูกขู่เข็ญแล้ว…

 

เพราะมันช่างแลดูดุร้ายเสมือนสัตว์ป่าที่ประกาศออกมาตลอดเวลาว่าแถวนี้คือถิ่นของมัน!

 

“หลินเอ๋อ! หลินเอ๋อ! ลูกเป็นไรหรือไม่!?”

 

สตรีดังกล่าวเหินมาไม่ทันถึงน่านฟ้าเหนือห้องโถงหลักสกุลหลิว นางก็ร่ำร้องหาลูกออกมาทันที

 

“ท่านแม่ข้าสบายดี…”

 

พอได้ยินเสียงมากห่วงใยและได้แลเห็นร่างสตรีผู้มาใหม่ หลิวจั่วหลินก็ตื่นเต้นยินดีนักรีบโบกมือให้สตรีนางนั้นทันที

 

ครู่ต่อมาหนึ่งสตรีหนึ่งชราก็บรรลุถึงน่านฟ้าเหนือห้องโถงหลักตระกูลหลิว

 

สตรีดังกล่าวยังเร่งมาหยุดข้างกายหลิวจั่วหลินและเริ่มมองขึ้นๆลงๆสำรวจร่างบุตรชายเบื้องหน้าอย่างกังวล จนเมื่อเห็นว่าลูกชายยังอยู่ดี ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

“หลินเอ๋อ…เป็นผู้ใดคิดฆ่าเจ้า?!”

 

หลังระบายลมหายใจออกมาอย่าโล่งอกกแล้ว สีหน้าของสตรีดังกล่าวก็แปรเปลี่ยนไปเป็นดุร้าย แววตาฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอำมหิตราวอสุราหญิง…!