ตอนที่ 2,667 : ร่างทอง 10 จั้ง!
“ท่านแม่ เป็นเจ้านั่น!”
เมื่อถูกสตรีผู้มาใหม่กล่าวถาม หลิวจั่วหลินก็รีบหันไปชี้ต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวฟ้องทันที ทีท่าของมันเรียกว่าแปรเปลี่ยนจากก่อนหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากหมาหงอย กลายเป็นหมาป่าที่แทบรอขย้ำต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้วทันที!!
สตรีดังกล่าวหรือก็คือมารดาของหลิวจั่วหลิน ผางหยวน พอได้ยินคำตอบของลูกชาย นางก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนตาขวางทันที แววตาฉายเจตนาฆ่าฟันวูบวาบ!
“ท่านลุง…”
จากนั้นผางหยวนก็หันไปมองชายชราผมทองดุร้ายข้างๆ สีหน้าแววตาน่ากลัวเมื่อครู่ อยู่ๆก็แปรเปลี่ยนไปราวเด็กหญิงตัวน้อยขี้อ้อน…
“อาวุโสผางปิง”
ในขณะที่ผางหยวนหันไปมองชายชราผมทองด้วยสีหน้าร้องขอ หลิวเชียนที่อยู่ไม่ไกลก็เร่งประสานมือคารวะชายชราผมทองอย่างให้เกียรติ
ชายชราผมทองนามผางปิงผู้นี้ ก็คือหัวหน้าอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า คนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนของมณฑลจิ่วโยว…
เรียกว่าในจวนผู้ว่า ในบรรดาอาวุโสฝ่ายในนอกจากเจิ้งชิว ก็มีชายชรานามผางปิงผู้นี้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน!
และที่ไฉนอีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้หลิวเชียนก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะรู้ดีว่าผางหยวน พี่สะใภ้ของมันเป็นหลานอีกฝ่าย
“ไอ้หนู…เจ้าน่ะเหรอที่คิดฆ่าเหลนข้า?”
ผางปิงมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงเรียบ แม้ดวงตามันจะแลดูสงบ หากแต่ลึกลงไปในแววตากลับเผยเจตนาฆ่าฟันอันเฉียบคม!
“อาวุโสผางปิง…”
ต้วนหลิงเทียนมองผางปิงด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวว่า “ข้าขอแนะนำว่าท่านอย่าได้สอดมือมายุ่งเรื่องนี้จะดีกว่า…หาไม่แล้วเกรงว่าท่านจะลากตระกูลผางให้ลงปลักนี้ด้วย”
กล่าวถึงท้ายประโยค แววตาต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้าย ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
ตั้งแต่ที่ได้ยินหลิวเชียนเรียกหาอีกฝ่ายว่าอาวุโสผางปิง ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร!
ผางปิง หัวหน้าผู้อาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า!
ผางปิงผู้นี้ยังมีพลังฝีมือกล้าแข็งเหนือกว่าอาวุโสเจิ้งชิวที่เขารู้จักเสียอีก
นอกจากนั้นผางปิงยังได้รับการยอมรับจากผู้คน ว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียน!
“ช่างคุยโวโอ้อวดนัก!”
แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ผางปิงที่หายตกใจก็เริ่มมีโมโหขึ้นมา สีผิวของมันแดงขึ้นพิกล คนคล้ายกลายเป็นพยัคฆ์พิโรธในฉับพลัน สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนทวีความดุร้ายน่ากลัวนัก!
แรงกดดันพลังอันน่าร้ายกาจ เริ่มปะทุออกจากร่างของมัน กวาดทับไปทางต้วนหลงเทียน!
“เจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?”
ในขณะที่ผางปิงกำลังถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุดัน หลิวเชียนที่เป็นอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าเหมือนผางปิงก็มองจ้องต้วนหลิงเทียน ถามออกเสียงหนัก
เมื่อครู่มันได้สนทนาผ่านพลังกับพี่ชายอย่างหลิวตงผิงเรียบร้อย จึงได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด
ยังได้รู้ด้วยว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าร้ายกาจมิใช่ชั่ว ถึงขั้นเข่นฆ่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ หลิวชิง ได้ในชั่วพริบตา…
จวบจนตายหลิวชิงไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้ทัน
เพียงมันได้ฟังก็ยืนยันได้แทบจะทันที
ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจินเซียนตะวันม่วง!
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญหรอก…”
ได้ยินคำถามของหลิวเชียน ต้วนหลิงเทียนก็เพียงกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “วันนี้ตราบใดที่ตระกูลหลิวของพวกเจ้าฆ่าหลิวจั่วหลินต่อหน้าข้า และมอบหินอมตะระดับสูงให้ข้าหนึ่งแสนก้อน เรื่องราวความบาดหมางระหว่างตระกูลหลิวกับข้าเป็นอันจบกัน…ข้าเชื่อว่าอาวุโสหลิวเชียนเป็นคนฉลาด”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องหลิวเชียนอย่างลึกล้ำ
วาจากล่าวคำของต้วนหลิงเทียน ทำให้ผู้ฟังโดยรอบถึงกับเงียบไปไร้คำจะกล่าวอยู่พักหนึ่ง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าอาวุโสทั่วไปของตระกูลหลิว ถึงกับเบิกตากว้างมองต้วนหลิงเทียนอย่างเหลือเชื่อ สีหน้าแลดูอึ้งทึ่งตะลึงงันนัก…
“เจ้าหนุ่มคนนี้…วาจามันช่างโอหังนัก!”
“มันไม่เพียงต้องการให้ตระกูลหลิววเราประหารนายน้อยหลิน ยังจะให้ตระกูลหลิวเรามอบหินอมตะระดับสูงให้มันแสนก้อนอีก!”
“เหอๆ หินอมตะระดับสูงแสนก้อนหรือ…ให้รวบรวมหินอมตะระดับสูงทั้งหมดในตระกูลหลิวเราตอนนี้ เกรงว่ายังมีไม่ถึงเลยไม่ใช่รึไง?”
“แม้หินอมตะระดับสูงแสนก้อนจะไม่มากเกินกว่าตระกูลหลิวเราจะจ่าย แต่คิดจะหยิบจ่ายออกมาคราวเดียว…อย่างน้อยๆพวกเราก็จำต้องขายกิจการบางส่วน!”
“มันเป็นผู้ใดกันแน่ กระทั่งอาวุโสสูงหลิวเชียนกับอาวุโสผางปิงที่เป็นถึงอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าอยู่ที่นี่แท้ๆ…แต่มันยังกล้าเรียกร้องขู่เข็ญตระกูลหลิวเราขนาดนี้ หรือมันมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้ว่า จึงไม่เกรงกลัวผู้ใด?”
…
เหล่าคนในตระกูลหลิวที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ ว่าไฉนภายใต้สถานการณ์แบบนี้แต่ชายหนุ่มชุดม่วงยังกล้าเรียกร้องเงื่อนไขเช่นนั้นกับตระกูลหลิวของพวกมันอยู่อีก!
“เจ้า…เจ้า…”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หลิวเชียนก็มีโมโหจนปอดแทบระเบิด! พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลุกโชนขึ้นมาทั่วร่างดั่งเพลิงไฟปะทุ! กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวเริ่มแผ่ออกจากร่างหลิวเชียน คลื่นพลังยังก่อให้เกิดเสียง เวิงๆ ปานภูตผีโหยหวนหมาป่าคร่ำครวญ!
“อาวุโสผางปิง”
ในขณะที่ผางปิงพึ่งจะดึงสติกลับมาจากวาจาของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ และคิดพูดอะไรนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็หันมามองมันด้วยสายตาไม่แยแส กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายก่อนว่า “วันนี้หากท่านอยากสอดมือก็เชิญ…แต่ขอให้รู้เรื่องหนึ่ง…ว่าทันทีที่ท่านสอดมือ ตระกูลผางท่านก็จำต้องจ่ายหินอมตะระดับสูงแสนก้อนออกมาด้วย…”
“อาวุโสผางปิง…ท่านคิดทบทวนให้ดี”
กล่าวถึงประโยคท้าย ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องผางปิง
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล้าแม้แต่จะขู่มันในสถานการณ์แบบนี้ ผางปิงไม่เพียงไม่โกรธแต่เริ่มใจเย็นลงแทน สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็นถึงความลังเลประการหนึ่ง
“เทียบกับอาวุโสผางปิงแล้ว…ข้าก็เหมือนคนไร้ชื่อเสียง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรผางปิงอีก หันไปมองหลิวจั่วหลินอีกรอบ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หลิวจั่วหลิน…เจ้าคิดว่ามีอาวุโสผางปิงกับหลิวเชียนคุ้มกะลาหัว แล้วเจ้าจะรอดพ้นมือข้าไปได้งั้นเหรอ?”
หน้าหลิวจั่วหลินจมลงทันใด แววตายังเริ่มสั่นไหวไม่น้อย!
มันไม่คิดเลยว่าถึงขนาดนี้แล้วชายหนุ่มชุดม่วงยังจะฆ่ามันให้ได้!
หรือพื้นเพของผู้อื่นยิ่งใหญ่คับสวรรค์แล้วจริงๆ?
“ท่านลุงไอ้หนูนี่ไม่พ้นเสแสร้งวางมาดลึกลับเป็นแน่…มันจงใจหลอกให้ท่านไขว้เขว!”
ผางหยวนที่อยู่ข้างๆหลิวจั่วหลินถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย ค่อยหันไปมองกล่าวกับผางปิง
“เรื่องนั้นก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ได้ยินคำของผางหยวนผางปิงพยักหน้ารับคำเบาๆ จากนั้นมันก็มองพินิจต้วนหลิงเทียนอีกครั้งค่อยกล่าว “แต่หยวนเอ๋อ…นี่ถือเป็นเรื่องภายในตระกูลหลิว ทุกประการข้าล้วนต้องดูท่าทีของประมุขตระกูลหลิวก่อน…มิอาจลงมือจัดการเรื่องราวภายในข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่นให้เป็นที่ครหาได้…”
ฟังจากที่ผางปิงพูด ก็เข้าใจได้ง่ายๆว่า
ก่อนที่ตระกูลหลิวจะลงมือนั้น ตัวมันจะไม่ลงมือเคลื่อนไหวอย่างผลีผลาม!
“ที่เขาว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งผิด นับว่าใช่เลยจริงๆ…”
แทบจะพร้อมกันกับที่ผางปิงกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนได้แต่ทอดถอนในใจอย่างอดไม่ได้
ผางปิงคิดอะไรอยู่ ทำไมเขาจะไม่รู้!
อีกฝ่ายแค่อยากรอดูว่าตระกูลหลิวจะจัดการเขาได้ไหม
เพราะสุดท้ายแล้วพลังฝีมือของหลิวเชียนตระกูลหลิว ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามันมากมาย หากหลิวเชียนจัดการเขาได้ ผางปิงก็ไม่ต้องลงมือให้วุ่นวาย
แต่ถ้าหากหลิวเชียนจัดการเขาไม่ได้ ผางปิงที่จับตาดูอยู่ก็สามารถประเมินได้ว่าจะจัดการเขาได้หรือไม่…
ถึงตอนนั้นหากดูแล้วว่าจัดการเขาไม่ได้ อย่างน้อยๆมันก็ยังเหลือหนทางถอยสายหนึ่ง…
ด้วยวิธีนี้มันก็จะไม่ชักนำเภทภัย ลากตระกูลผางของมันลงปลักโคลน…
ได้ยินคำของผางปิง ผางหยวนคิดพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นว่าผางปิงหันมามองพลางส่ายหัวไปมาเบาๆ นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
อย่างไรก็ตามสายตาที่นางใช้มองต้วนหลิงเทียนนั้นยิ่งมายิ่งเยียบเย็นปานจะแช่แข็งผู้คน!
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็คิดจะเอาชีวิตลูกชายของนาง!
เรื่องที่ไฉนต้วนหลิงเทียนต้องการชีวิตลูกชายนางนั้น ตัวนางไม่แยแส! เพราะในสายตาของนางแล้ว ชีวิตของลูกชายนางสำคัญที่สุด! ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียมได้ ตราบใดที่ลูกนางสามารถรอดชีวิต ต่อให้ต้องสังเวยผู้คนนับหมื่นนับแสนนางก็ไม่สน!
“ดี…ดี…ดีมาก!!”
หลิวเชียนมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวออกเสียงหนัก “ในเมื่อคุณชายท่านนี้มั่นใจนัก ข้าหลิวเชียนขอรับทราบพลังฝีมือเลิศล้ำท่านสักครา…หวังว่าจะสมราคาคุย!”
พอกล่าวจบคำ ร่างหลิวเชียนภายใต้สายตาของทุกคนก็ปะทุพลังลงมือทันที!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
แรกลงมือหิวเชียนก็ชักศาสตราเซียนอมตะคู่กาย เป็นกระบี่อ่อนที่บางประหนึ่งปีกจั๊กจั่น ยามเมื่อถ่ายทอดพลังลงไป ก็ส่งเสียงกู่ร้องกรีดฟ้าออกมาไม่หยุด!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
จากนั้นท่ามกลางสายตาจับจ้องของผู้คน หลิวเชียนที่โจนทะยานเข้าหาต้วนหลิงเทียนไม่ต่างพายุหอบหนึ่ง มันกับกระบี่ในมือก็ปะทุคลื่นพลังลี้ลับขุมหนุ่ง จนอุบัติเป็นเงาร่างมหึมาถือกระบี่ครอบคลุมตัวมันเอาไว้!
และพริบตานั้นเอง
ฟู่มมม!!
ครืนนน!!
…
เสียงพลังระเบิดดังสะเทือนสะท้านไปในบรรยากาศ ทั่วร่างหลิวเชียนที่มีเงาเลือนมหึมาครอบคลุม อยู่ๆก็ลุกท่วมไปด้วยเพลิงพลังจนมองเห็นตัวคนไม่ชัด! แถมเพลิงพลังดังกล่าวยิ่งมาก็ยิ่งขยายใหญ่โตจนสูงนับหลายสิบหมี่ กลิ่นอายพลังน่าครั่นคร้ามเริ่มเคี่ยวกรำไปในบรรยากาศ!!
“หืม?!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่าทักษะของหลิวเชียนก็เพียงเท่านี้ ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจก็พลันอุบัตจิขึ้น!
เมื่อเพลิงพลังดังกล่าวซ้อนทับเงาร่างมหึมาถือกระบี่นั่นสมบูรณ์ ร่างของหลิวเชียนที่เปล่งพลังอยู่ดีๆก็ยืดขยายใหญ่ขึ้นราวกับยักษาคืนร่างเดิม!!
พริบตาคนทั้งคนก็คล้ายจะกลับกลายเป็นยักษ์ตัวเขื่อง!!
ที่สำคัญทั่วร่างหลิวเชียนยังแลดูท่วมท้นไปด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลัง!
และสุดท้ายในสายตาเขา หลิวเชียนที่แต่เดิมสูงราวๆ หนึ่งหมี่แปด ก็กลายเป็นยักษ์ตัวเขื่องสูงราว 30 หมี่! มองมันที่กระโจนเข้ามา แทบปิดฟ้าบังตะวัน!!
‘ไม่ใช่ภาพลวงตาจากพลัง…แต่ร่างมันกลับขยายใหญ่โตขึ้นจริงๆ!’
สำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งออกไปตรวจสอบเรื่องราวทันใด จากนั้นเขาก็พบได้ไม่ยากว่าร่างหลิวเชียนนั้นดูท่าจะขยายใหญ่โตขึ้นจริงๆ ไม่ภาพลวงตาของพลังแต่อย่างใด
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดี
ที่เหมือนกับว่าร่างกายมันขยายใหญ่ขึ้นนั้น ที่แท้ตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นจริงๆ!
“พิสดารจริงๆ!”
ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าหากนี่ไม่ใช่วรยุทธ์อมตะก็ต้องเป็นเวทย์พลังอะไรสักอย่างของหลิวเชียนแน่ ถึงทำให้ร่างกายอีกฝ่ายกลายเป็นยักษ์ตัวเขื่อง จนแลเห็นศัตรูมีขนาดกระจ้อยร่อยไม่ต่างใดจากมดแบบนี้…
“ที่อาวุโสหลิวเชียนสำแดงอยู่…คือร่างทอง 10 จั้งใช่หรือไม่?”
“ร่างทอง 10 จั้งนับว่าเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับต่ำที่ฝึกปรือได้ยากเย็นยิ่ง…แต่หากบรรลุแล้วสามารถขยายร่างผู้ใช้ให้ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมนับสิบๆเท่า!!”
…
ตอนนี้เองเสียงของอาวุโสตระกูลหลิว ก็เริ่มแว่วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน!