ตอนที่ 2668

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,668 : ฆ่าอาวุโสฝ่ายใน

 

‘ที่แท้ก็เป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับต่ำ’

 

พอได้ยินคำอุทานของอาวุโสตระกูลหลิวรอบๆ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้ว่ามันคืออะไร

 

“ตายเสีย ไอ้หนู!!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิชาอะไร ด้านหลิวเชียนที่ตัวสูงใหญ่นับ 30 หมี่ ก็คำรามออกมาเสียงดังลั่น!

 

คลื่นเสียงที่ดังออกมาจากปากมัน ยังประหนึ่งคลื่นพลังทำลายล้างประการหนึ่ง กวาดทำลายผ่านท้องฟ้าไปทั่ว เดือดร้อนถึงผู้คนโดยรอบ!

 

แก้วหูของอาวุโสตระกูลหลิวบางคนถึงกับปริแตก เห็นเป็นสายโลหิตไหลย้อยจากหู!

 

ครืนนน!!

 

ซู่มมม!!

 

 

หลิวเชียนที่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด  พอกระโจนมาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ตบฟาดฝ่ามือทั้งคู่ในท่าประกบ ทำราวกับต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงยุงตัวหนึ่งที่มันจะตบให้แหลกเหละ!!

 

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

 

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่าจะพุ่งร่างหลบดีไหม เขาก็พบว่ารอบๆฝ่ามือมหึมาทั้ง 2 ของหลิวเชียน ปรากฏรังสีกระบี่ทอประกายระยิบระยับมากมายราวฝูงตั๊กแตนบุกไร่ ปิดกั้นหนทางโดยรอบ ไม่เผยช่องให้เขาหลบหนีไปไหนได้!

 

ครืนนน!!

 

ซู่มมม!!

 

 

ยิ่งมาฝ่ามือทั้ง 2 ยิ่งเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ!

 

อีกเสี้ยวพริบตาไม่พ้นฝ่ามือทั้งสองได้ตบร่างต้วนหลิงเทียนแหลกเละดั่งยุงตัวจ้อยแน่แท้!

 

“การลงมือของอาวุโสสูงหลิวเชียนเราไม่มีออมรั้งยั้งมือแม้แต่น้อย…ดูเหมือนท่านก็ไม่กล้าดูเบาชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น!”

 

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว เจ้าเองก็เห็นกับตาว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ สามารถระเบิดพลังสังหารอาวุโสสูงหลิวชิงได้ในพริบตา…ถึงอาวุโสสูงหลิวชิงจะไม่ใช้จินเซียนตะวันม่วง แต่ก็เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตจินเซียนตะวันคราม!”

 

“อาวุโสสูงหลิวเชียนเราพลังฝีมือนับว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือของจินเซียนตะวันม่วง…กระบวนท่าโจมตีน่ากลั่วนั่น กระทั่งจินเซียนตะวันม่วงทั่วไปก็ไม่กล้ารับ! ต่อให้เจ้าหนูนั่นจะเป็นจินเซียนตะวันม่วงก็ไม่น่ารอด!!”

 

“ใช่…คราวนี้มันไม่ตายก็ต้องสาหัส!!”

 

 

ในชั่วพริบตาดุจฟ้าแลบ อาวุโสตระกูลหลิวก็ออกความเห็นกันอย่างได้อรรถรส

 

อย่างไรก็ตามสายตาของทั้งหมดยังจับจ้องไปยังเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา ด้วยกลัวว่าจะพลาดสิ่งใดไป

 

“อยากให้ข้าตาย…ก็ต้องดูว่าเจ้าหลิวเชียนมีปัญญาสามารถมากพอไหม…”

 

ในขณะที่ฝ่ามือของหลิวเชียนกำลังจะประกบกัน ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงที่ดังเข้าหูผู้คนคราวนี้ยังเย็นชาจนผู้คนที่ลอยอยู่เหนือโถงรู้สึกหนาวจับไขสันหลัง

 

และด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น คนสกุลหลิวที่พึ่งเหินร่างขึ้นมาดูชมเรื่องราว ก็พลันชะงักค้างไปกลางหาวเพราะเสียงเย็นชาดังกล่าวเช่นกัน

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน บริเวณกึ่งกลางระหว่างฝ่ามือมหึมาของหลิวเชียนที่กำลังจะประกบกัน อยู่ๆก็ปรากฏรังสีกระบี่นับพันปะทุขึ้น! แสงกระบี่ยังส่องสว่างเจิดจ้าราวตะวันยามเที่ยง ให้เทียบกับแสงจากรังสีกระบี่ของหลิเชียนแล้ว ไม่รู้ส่องสว่างมากกว่ากันเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!!

 

เรียกว่าทันทีที่ประกายแสงจากรังสีกระบี่นับพันเหล่านี้ปรากฏ รังสีกระบี่ของหลิวเชียนก็หมองลงถนัดตา!

 

ดั่งกระเรียนขาวปรากฏกายท่ามกลางฝูงไก่!

 

โดดเด่น!

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

 

ในขณะที่แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาปานมีตะวันดวงที่สองปรากฏ จนทำให้หลายคนจำต้องหยีตาลงอย่างไม่รู้ตัวและเห็นเพียงแสงสีขาวส่องสว่างนั้น…

 

ต่างได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังสนั่นเป็นชุดเล็ดรอดแสงสว่างจ้านั้นมาให้ได้ยินถนัดหู!

 

“อ๊าคคค—!!”

 

และไม่ทันที่เหล่าผู้หยีตาจะได้ดูชมว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้นก้องฟ้าให้ได้ยิน!

 

“นั่นมัน…เสียงอาวุโสหลิวเชียน!”

 

สีหน้าผางปิงเปลี่ยนไปไม่น้อย ขณะเดียวกันลึกลงไปในแววตาของมันก็ฉายแววยินดีขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว เพราะรู้สึกว่าโชคดีนักที่มันไม่ได้ลงมือแต่แรก!

 

ก่อนที่ผางปิงบังเกิดความรู้สึกโชคดี…มันมองจ้องเรื่องราวเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ไม่ได้หยีตาหลบแสงเหมือนผู้อื่น

 

เช่นนั้นมันจึงเห็นชัดถนัดตา ว่าทันทีที่ประกายแสงจากรังสีกระบี่นับพันอุบัติขึ้น ร่างมหึมาสูงนับ 30 หมี่ของหลิวเชียนที่ตบฟาดฝ่ามือกระกบลง ก็ถูกบางพลังมหาศาลขุมหนึ่งระเบิดใส่อย่างจัง! กระแทกร่างจนปลิดปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า!!

 

กึก!

 

หลังหลิวเชียนที่ปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า สามารถขืนร่างให้หยุดค้างกลางหาวได้แล้ว สายตาคนอื่นก็กลับมามองเห็นเรื่องราวได้ชัดเจนอีกครั้ง

 

และตอนนี้สิ่งที่สะท้อนอยู่ในแววตาของทุกคน ก็คือหลิวเชียนที่ร่างหดกลับมาเหลือตัวเท่าเดิม ทว่าแขนกลับอันตรธานหายไปทั้ง 2 ข้าง!

 

สีหน้าหลิวเชียนยังซีดลงปานกระดาษ มุมปากปรากฏโลหิตไหลย้อย กระบี่อ่อนที่บางราวปีกจั๊กจั่นอันเป็นศาสตราเซียนอมตะคู่กาย ได้แต่ลอยอยู่ข้างๆอย่างหม่นแสง…

 

เรียกว่าเพียงมองก็บอกได้ทันที ไม่ว่าตัวหลิวเชียนก็ดี หรือกระบี่อ่อนก็ดี ไม่ต่างอะไรกับศรปลายเกาทัณฑ์ทั้งสิ้น!

 

“จะ…เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่! หากเจ้าเป็นคนของมณฑลจิ่วโยวจริง อย่างเจ้ามิมีทางไร้ชื่อเสียงเรียงนามไปได้! พลังของเจ้าแทบจะทัดเทียมกับต้าหลัวจินเซียนอยู่แล้ว…ในมณฑลจิ่วโยวนี้คงยากจะหาจินเซียนคนไหนต่อกรกับเจ้าได้!!”

 

ถึงแม้การปะทะจะเกิดขึ้นและจบลงในเวลาแสนสั้น แต่หลิวเชียนก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้อย่างสุดซึ้ง!

 

ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ยังเหนือกว่าผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนขอมณฑลจิ่วโยวอย่างผางปิงเสียอีก!

 

และพอเสียงกล่าวของหลิวเชียนดังจบคำ ทุกสายตากลางฟ้า ก็หันขวับไปจับจ้องผางปิงเป็นสายตาเดียวกัน!

 

เพราะสุดท้ายแล้วผางปิงก็คือผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนแห่งมณฑลจิ่วโยว!

 

หลิวเชียนกล่าวออกมาแบบนั้น ไม่ต่างอะไรกับกล่าวคำดูเบาผางปิงตรงๆ และเห็นชายหนุ่มชุดม่วงเหนือกว่า!

 

“ข้าเทียบมันไม่ได้…”

 

เผชิญกับสายตาของทุกคนที่มองจ้องมา ผางปิงได้แต่ตอบไปตามตรงอย่างทอดถอนใจ มองต้วนหลิงเทียนอีกรอบสายตาก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว!

 

“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้! ไฉนเป็นแบบนี้ไปได้!?”

 

หลิวจั่วหลินที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวหลิวเชียน พอเห็นหลิวเชียนแพ้พ่าย และเห็นผางปิงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่าพลังฝีมือไม่สู้ชายหนุ่มชุดม่วง สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงอย่างไม่อาจห้าม ซีดไปราวกับศพ!

 

สีหน้าผางหยวนข้างหลิวจั่วหลินเองก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก

 

เพราะเรื่องนี้หมายความว่าอะไรนางรู้ดี!

 

ความความว่าผู้ช่วยเหลือที่นางร้องขอมา ไม่เว้นมือดีที่สุดในตระกูลหลิว…ไม่อาจรับมือชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าที่คิดจะฆ่าลูกชายของนางได้สักคน!

 

“ท่านลุง…น้องรอง…พวกท่านรีบแจ้งท่านผู้ว่าเร็วเข้า!!”

 

ในขณะที่ผางหยวนกำลังใจเสียไปด้วยความหวาดกลัว นางก็นึกอะไรได้ออกเร่งตะโกนเตือนผางปิงกับหลิวเชียนทันที ว่าให้ทั้งคู่รีบแจ้งผู้ว่าการมณฑล!

 

ในความคิดนาง

 

หากผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวมาถึง ด้วยพลังอำนาจของขอบเขตต้าหลัวจินเซียนที่แท้จริง ต่อให้ชายหนุ่มุชดม่วงจะมีพลังใกล้เคียงต้าหลัวจินเซียนมากเท่าไหร่ และไร้คู่เปรียบในขอบเขตจินเซียนแค่ไหน ก็จำต้องดับดิ้น!

 

นั่นเพราะช่องว่างระหว่างขอบเขตจินเซียนกับต้าหลัวจินเซียนคือความต่างที่ไม่อาจข้าม!

 

“อยากรู้ว่าข้าเป็นใคร…ก็ค่อยๆเดาไประหว่างลงนรกแล้วกัน…”

 

ในขณะที่ผางหยวนพึ่งจะตะโกนแจ้งเตือนผางปิงกับหลิวเชียนได้ไม่ทันไร เสียงไร้แยแสของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น กลบเสียงตะโกนของผางหยวนลงได้อย่างประหลาด ยังทำให้ผู้คนทั้งหมดเหนือฟ้าใจสะท้านไปตามๆกัน

 

“ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้…คิดจะฆ่าอาวุโสสูงหลิวเชียนงั้นหรือ!?”

 

และในเวลาเดียวกันกับที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในใจของทุกคน

 

ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!

 

ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของทุกคน รังสีกระบี่นับพันที่ปะทุออกมารอบกายต้วนหลิงเทียน พลันร้อยเรียงก่อเกิดเป็นกระบวนกระบี่ 13 กระบวนพุ่งทะยานออกไปฉับไว ก่อนจะรวมผสานเป็น 1 ค่ายกระบี่จี้เข้าใส่หลิวเชียนด้วยสภาวะฆ่าฟันไร้ปราณี!!

 

“นี่มัน….”

 

ลูกตาของผางปิงหดเล็กลงทันใด เพราะกระบวนท่าพิฆาตที่ปะทุขึ้นในชั่วพริบตาเบื้องหน้านั้น ทำให้มันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาพิกล ราวกับเคยได้ยินจากที่ไหนสักที่…

 

“เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นเหรอ!?”

 

“หากเจ้ากล้าฆ่าข้า…ท่านผู้ว่าการมณฑลไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ มณฑลจิ่วโยวจักไม่เหลือที่ให้เจ้ายืนอีก!!”

 

หลิวเชียนตอนนี้ที่บาดเจ็บสาหัส ทั้ง 2 แขนยังระเบิดหายไปไม่เหลือ พอเห็นว่ากระบวนท่าสังหารของต้วนหลิงเทียนช่างทรงพลัง อย่างที่มันไม่อาจต้านทานรับมือได้ไหว สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน เร่งตะโกนยกอ้างผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวออกมาเป็นเกราะกำบังสุดท้าย

 

หมายให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดอาการคิดเขี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภายชนะเสียหาย!

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจฟังเสียงตะโกนยกอ้างผู้ว่ามาขู่ของมันเลย ค่ายกลกระบี่หอบพลังสังหารอำมหิต ทะลวงฟ้าไปฉับไวดั่งลำแสง ป่นร่างพิกลพิการของมันเป็นละอองโลหิต จบชีวิตของมันทันที!

 

คงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่ง ที่ร่วงตกลงมาท่ามกลางหมอกโลหิตเล็กน้อย ก่อนถูกพลังไร้สภาพของต้วนหลิงเทียนดูดไปเก็บ…

 

เงียบ…

 

ผู้คนโดยรอบกลายเป็นเงียบงันไร้เสียงใด…

 

“จะ…เจ้า เจ้ากล้าฆ่าน้องรองของข้าได้ยังไง! ผู้ว่า…ท่านผู้ว่าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”

 

หลิวตงผิง ผู้นำตระกูลหลิวได้แต่มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าดูไม่ได้ จนถึงตอนนี้มันยังไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง!

 

ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้กลับกล้าเข่นฆ่าน้องชายมันอย่างอุกอาจ!

 

ต้องทราบด้วยว่าน้องชายมันคนนี้ไม่ใช่แค่มีฐานะเป็นอาวุโสสูงของตระกูลหลิว แต่ยังเป็นถึงอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า! มีพลังของจวนผู้ว่ามณฑลจิ่วโยวคุ้มครอง!!

 

“อารอง…มัน…มันถึงกับกล้าฆ่าอารอง!?

 

สีหน้าหลิวจั่วหลินยามนี้ซีดไปแทบหาสีเลือดไม่เจอ! ร่างยังสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจับใจ!!

 

กระทั่งตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลหลิว ยังถูกผู้อื่นเข่นฆ่าลงหน้าตาเฉย…เช่นนั้นตัวมันยังจะเหลือหนทางรอดตายอีกหรือ?!

 

“ที่ข้าพูดไปก่อนหน้ายังมีผลอยู่…หากตระกูลหลิวของพวกเจ้าฆ่าหลิวจั่วหลินต่อหน้าข้า แล้วส่งมอบหินอมตะระดับสูงหนึ่งแสนก้อนมา ก็จบเรื่อง…”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองหลิวจั่วหลินเล็กน้อย ค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

“ก่อนหน้าเจ้ามิได้กล่าวเช่นนี้นี่! เจ้าบอกว่าหากตระกูลหลิวเราให้หินอมตะระดับสูงเจ้าหนึ่งแสนก้อน เจ้าจะไว้ชีวิตข้าไม่ใช่หรือไร? แล้วทำไมตอนนี้เจ้าไม่ต้องการแค่หินอมตะระดับสูงแสนก้อน แต่เจ้ายังต้องการฆ่าข้าด้วยล่ะ?”

 

หลิวจั่วหลินมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทดท้อ แผดเสียงออกมาอย่างไม่ยินยอม

 

“ก็ถ้าตอนแรกพวกเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดี ข้าก็คงไม่ต้องมาสิ้นเปลืองเวลาจนขึ้นราคาแบบนี้หรอก…แต่ปัญหาคือพวกเจ้าดันทำให้ข้าต้องมาเสียเวลาเพิ่มไง ก็เลยต้องขึ้นราคากันหน่อยเป็นธรรมดา…”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหลิวจั่วหลินค่อยเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

 

“เจ้า…”

 

จังหวะนี้หลิวจั่วหลินหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ หน้ามันซีดลงปานศพ ในดวงตานอกจากความสิ้นหวังแล้ว ก็คงเหลือแต่ความสิ้นหวังจับใจ…

 

ถึงตอนนี้ยังจะมีใครช่วยมันได้อีกบ้าง?

 

“ผู้ใดกล้าฆ่าอาวุโสฝ่ายในจวนข้า!?”

 

ครู่ต่อมา ในขณะที่คนสกุลหลิวได้แต่ชักสีหน้ามืดดำคร่ำเครียด พลันปรากฏเสียงสนั่นปานฟ้าร้องมากอำนาจทะลุทะลวงหนึ่งกึกก้องมาจากจวนผู้ว่า ดังไปทั่วเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวอย่างเกรี้ยวกราด!

 

“นี่มัน…เสียงของท่านผู้ว่า!”

 

พอได้ยินเสียงคำรามดังก้องฟ้า สองตาคนสกุลหลิวก็ฉายแสงจ้าขึ้นมาทันที!

 

แววตาอันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังราวปลาตายของหลิวจั่วหลิน ก็เริ่มฟื้นคืนประกายหลังได้ยินเสียงดังกล่าว!

 

“อาวุโสผางปิง…สุดท้ายท่านก็ไม่ฟังคำเตือนของข้า”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงคำรามของ เถียนจี้หวี่ ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองผางปิงด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยคำออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

เพราะเมื่อครู่เขาเห็นผางปิงใช้ยันต์อมตะสื่อสาร

 

เห็นได้ชัดว่าผางปิงส่งข่าวกลับไปยังจวนผู้ว่า กระทั่งสมควรส่งถึงผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวโดยตรง!

 

หาไม่แล้วผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวคงไม่อาจรู้เรื่องได้เร็วขนาดนี้!