ตอนที่ 2669

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,669 : ผู้ว่ามาถึง!

 

“คุณชายท่านนี้…ข้าเพียงเห็นว่าผู้อาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่าเราอย่างอาวุโสหลิวเชียนตกตาย จึงรายงานท่านผู้ว่าไปตามหน้าที่…เรื่องนี้สมควรไม่ใช่ข้าสอดมือเข้ามายุ่งระหว่างท่านกับตระกูลหลิวมิใช่หรือ?”

 

พอเห็นต้วนหลิงเทียนมองมาด้วยสายตาเย็นชา ผางปิงก็เผยความกลัวให้เห็นในแววตา อย่างไรก็ตามมันกล่าวตอบออกมาอย่างไม่อวดดีหรืออ่อนน้อม แลดูสงบเยือกเย็น

 

“เอาสั้นๆ…หลังจากนี้อีก 3 วัน ตระกูลผางเพียงรวบรวมหินอมตะระดับสูงแสนก้อนมาให้ข้าก็พอ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

ในวาจาได้ตัดสินไปแล้ว ว่าการแจ้งข่าวเมื่อครู่ของผางปิงคือการสอดมือมายุ่งเรื่องระหว่างเขากับตระกูลหลิว! และการกระทำดังกล่าวก็มีราคาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวน 100,000 หินอมตะระดับสูง!!

 

“ภายในเวลา 3 วัน หินอมตะระดับสูงแสนก้อน!?”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หน้าผางปิงก็ขึ้นสีดำคร่ำเครียดทันที กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “คุณชาย…ท่านจะไม่เกินไปหน่อยหรือ! หากตระกูลผางข้าไม่มอบหินอมตะให้ท่านแล้วจะอย่างไร?”

 

“เช่นนั้นข้าก็แค่ไปเอามันเอง”

 

ต้วนหลิงเทียนจะคงตอบเสียงเรียบ

 

“หึ!”

 

ผางปิงสบถเสียงเย็น มันหันไปเหลือบมองฟ้าทิศทางหนึ่งค่อยกล่าวออกเสียงเหี้ยมว่า “หากคุณชายต้องการให้ตระกูลผางข้ามอบหินอมตะระดับสูง 100,000 ก้อนให้ ก็ต้องดูก่อน…ว่าวันนี้ท่านจะรอดตัวไปได้หรือไม่!”

 

ตอนนี้ผางปิงย่อมสัมผัสได้ชัดเจน ถึงกลิ่นอายพลังมหาศาลที่กำลังมุ่งหน้ามาจากทิศทางที่ตั้งจวนผู้ว่าด้วยความเร็วสูง! ยังเร็วสุดที่มันจะเทียบได้!!

 

มันรู้ดีว่าที่กำลังมาคือผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว!

 

ถึงแม้มันจะรู้ตัวว่าพลังฝีมือไม่สู้ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า แต่มันก็กระจ่างเรื่องหนึ่ง

 

พลังของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าต่อให้ใกล้เคียงขอบเขตต้าหลัวจินเซียนมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ร้ายกาจเท่าต้าหลัวจินเซียนจริงๆ

 

แถมขอบเขตต้าหลัวจินเซียนเองก็ยังมีสูงมีต่ำ

 

ในบรรดาตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียน ผู้ที่เป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลือง ย่อมอ่อนด้อยที่สุด…

 

ทว่าผู้ว่าการมณฑจิ่วโยวของมันนั้น เป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับซึ่งอยู่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลืองไปหนึ่งขั้นพลัง กระทั่งผู้ว่าของมันยังเป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับที่ติดจุดรอคอยเพื่อทะลวงไปยังต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพีมานาน…เช่นนั้นหากไม่ใช่ต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพีมาเอง คิดเอาชนะผู้ว่าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย…

 

ในสายตาของผางปิง

 

ตราบใดที่ผู้ว่าของมันมาถึง ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าก็ต้องสูญสิ้นฤทธิ์เดช ไม่อาจก่อมรสุมใดๆได้อีก!

 

“เรื่องนั้นไม่รบกวนให้อาวุโสผางปิงต้องเป็นห่วงหรอก..”

 

หลังกล่าวตอบผางปิงไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองแหล่งกำเนิดพลังมหาศาลที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยท่าทางไม่อีนังขังขอบ

 

นั่นเพราะกลิ่นอายพลังที่สัมผัสได้เป็นอะไรที่เขาคุ้นเคยดี..

 

“ท่านผู้ว่า!”

 

เหล่าคนของตระกูลหลิวที่อยู่ข้างๆหลิวตงผิง ก็เร่งหันมองไปทิศทางที่ตั้งจวนผู้ว่าทันที สีหน้ายังแลดูเคารพราวกับผู้ว่าของมันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหิ้งที่พวกมันบูชา…

 

อย่างไรเสียผู้ว่าของพวกมัน ก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในมณฑลจิ่วโยว!

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก

 

ฟุ่บ!

 

ดั่งสายลมแรงหอบหน่งกรรโชกผ่าน ชุดคลุมของผู้คนบนน่านฟ้าเหนือห้องโถงสุลหลิว กระพือสะบัดพั่บๆ

 

และพร้อมกับกับที่สายลมแรงดังกล่าวพัดผ่าน ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น!

 

ร่างที่ทำราวกับผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่านี้ คือชายวัยกลางคนมาในชุดคลุมยาวปักลายมังกรสีเงิน ใบหน้าเหลี่ยมนัก คิ้วหนาตาโต ทั่วร่างเปล่งกลิ่นอายน่าเกรงขาม บอกให้รู้ว่าอยู่ในตำแหน่งสูงมานาน

 

“ท่านผู้ว่า”

 

“ใต้เท้าผู้ว่า!!”

 

 

ผู้มาใหม่ปรากฏตัวได้ไม่ทันไร คนสกุลหลิวก็เร่งโค้งคารวะทักทายออกไปอย่างสุภาพมากเคารพ

 

กระทั่งผางปิงเองก็ยังโค้งคำนับเช่นกัน

 

“ผู้ว่า”

 

หลังจากที่ทุกคนคารวะทักทายผู้ว่าแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปพยักหน้าเบาๆทักอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆ

 

ทีท่าต้วนหลิงเทียนทำราวกับทักทายคนที่คุ้นเคยกันดี

 

“มันรู้จักใต้เท้าผู้ว่า?”

 

เห็นลักษณะการทักผู้ว่าของต้วนหลิงเทียนแล้ว สีหน้าผางปิงก็เปลี่ยนไปทันใด ในใจยังเริ่มบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งขึ้นมา…

 

วูบ วูบ วูบ วูบ วูบ

 

 

ในเวลาเดียวกัน คนสกุลหลิวทั้งหมดก็เห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และพอเห็นเขาทักผู้ว่าดั่งคนรู้จักกัน หน้าพวกมันก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง

 

ที่สำคัญจากทีท่าสบายๆไม่มีพิธีอะไรมากมายนั่น ก็บ่งบอกถึงความสนิทสนมเป็นกันเอง!

 

“เป็นไปได้ยังไง…มันไฉนเป็นคนรู้จักท่านผู้ว่าได้! ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!”

 

หลัวจั่วหลินส่ายหัวไปมาระรัวทำราวกับไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามความสิ้นหวังก็เริ่มฉายขึ้นในแววตาอีกครั้ง

 

เดิมทีเห็นผู้ว่ามาถึง มันก็นึกว่าจะรอดตัวแล้ว

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนอาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป…

 

“ใต้เท้าผู้ว่า…”

 

มารดาหลิวจั่วหลินที่อยู่ข้างๆหลิวจั่วหลินกับผางหยวนจากสกุลผาง พลันโพล่งออกมาก่อนใคร นางชี้นิวไปทางต้วนหลิงเทียนกล่าวฟ้องว่า “เป็นมันผู้นี้ ที่ฆ่าอาวุโสหลิวเชียน!”

 

“อาวุโสหลิวเชียนจะอย่างไรก็เป็นอาวุโสฝ่ายในของจวนผู้ว่า…มันในเมื่อหาญกล้าฆ่าคนของจวนผู้ว่าอย่างไม่เกรงกลัว เห็นได้ชัดว่าจงใจประกาศสงครามกับจวนผู้ว่า!!”

 

“ใต้เท้าผู้ว่า…ท่านต้องล้างแค้นให้อาวุโสหลิวเชียน อย่าได้ปล่อยให้คนผิดลอยนวล!”

 

หลังรีบร้อนกล่าวออกมารวดเดียวจบ ผางหยวนก็ชักสีหน้าโมโหระคนเศร้าขึ้นมา

 

“หืม?”

 

เถียนจี้หวี่ที่พึ่งสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนและกำลังจะตอบรับคำทักทายของทุกคน อยู่ๆมาโดนผางหยวนฟ้องว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนลงมือฆ่าอาวุโสฝ่ายในหลิวเชียน ก็อึ้งไปทันที!

 

ต้วนหลิงเทียน ฆ่าหลิวเชียน?

 

ล้อกันเล่นหรือไร!?

 

แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังสามารถร้ายกาจถึงขั้นคว้าอันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลของพระราชวังฉินหลังจากนี้อีกหนึ่งปี จนคว้ารางัลอย่างโอสถต้าหลัวมาให้มณฑลจิ่วโยวได้ 3 เม็ดจริง…แต่เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!

 

“เหลวไหลสิ้นดี!”

 

เช่นนั้นหลังผางหยวนกล่าวจบคำ เถียนจี้หวี่ก็ขมวดคิ้วมองกล่าวกับนางด้วยสีหน้าตำหนิ เอ่ยออกเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียนยังอายุไม่ถึงร้อยปี…แต่เจ้ากลับมาบอกว่า เขาเข่นฆ่ายอดฝีมือขอบเขตจินเซียนตะวันม่วงเช่นอาวุโสหลิวเชียนได้งั้นหรือ?”

 

“นี่เจ้า…คิดว่าข้าเถียนจี้หวี่เป็นตัวโง่งม?”

 

ยามเอ่ยประโยคท้าย สายตาที่เถียนจี้หวี่ใช้มองจ้องผางหยวนด้วยตำหนิก็ช่างเย็นชาเอาเรื่องนัก พาลให้ผางหยวนรู้สึกเสมือนตกลงไปในห้องน้ำแข็งใต้ดิน สีหน้าซีดลง ร่างสะท้านไปด้วยความกลัว!

 

อีกทั้งหลังสิ้นคำกล่าวของเถียนจี้หวี่ ผู้คนโดยรอบก็ตะลึงจนไร้คำจะพูด…

 

ต้วนหลิงเทียน?

 

อายุไม่ถึงร้อยปี?

 

นามต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่อะไรที่แปลกหูพวกมัน!

 

ต้วนหลิงเทียนคือคนที่มาจากเมืองเฉวี่ยโยว อันเป็น 1 ใน 9 เมืองของมณฑลจิ่วโยวเมื่อ 2 ปีก่อน และก่อเรื่องที่หลุมมังกรซ่อนตั้งแต่วันแรกโดยการตัดแขนขาโจวเฟย อดีตยอดฝีมืออันดับ 1 ของจินเซียนรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึงร้อยได้ง่ายดาย!

 

กระทั่งหลังการประลองวันนั้นเกียรติยศทั้งหมดที่โจวเฟยเคยมี ก็ย้ายไปอยู่ที่ต้วนหลิงเทียน!

 

เรียกว่าต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของมณฑลจิ่วโยวแทน!

 

“ท่าน…ท่านผู้ว่า…ท่าน…ใช่จำคนผิดไปหรือไม่…มันคือต้วนหลิงเทียนแน่หรือ?”

 

ผางปิงมองถามเถียนจี้หวี่อย่างตะกุกตะกักด้วยสีหน้าแววตาไม่เชื่อ และในขณะที่ถาม มันก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะออกไปสำรวจกลิ่นอายเลือดเนื้อที่แผ่ออกจากร่างต้วนหลิงเทียนทันที และมันก็ระบุอายุได้ในฉับพลัน!

 

“ข้าจำไม่ผิดแน่นอน”

 

เถียนจี้หวี่กล่าวออกเสียงเรียบ

 

จากนั้นเถียนจี้หวี่ก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “อาวุโสผางปิงแล้วไฉนท่านมาที่นี่ได้ ที่สำคัญในเมื่อท่านไม่เป็นอะไรแล้วไยอาวุโสหลิวเชียนจึงตายตก…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

หลังเอ่ยถามออกไปสีหน้าเถียนจี้หวี่ก็มืดลงทันที

 

“มัน…มันอายุไม่ถึงร้อยปี!?”

 

“สวรรค์! ข้าไม่ทันตรวจสอบกลิ่นอายเลือดเนื้อของมัน…แต่ตอนนี้พอลองดูก็พบว่ามันสมควรอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!!”

 

“มัน…มันคือ ต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงดังกระหึ่มเมื่อ 2 ปีก่อนงั้นเหรอ?”

 

“หากมันเป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ…เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือไร อายุไม่ถึงร้อยปีแต่กลับมีพลังฝีมือร้ายกาจยิ่งกว่าอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนเช่นอาวุโสผางปิงเนี่ยนะ!?”

 

“นั่นน่ะสิ กระทั่งอาวุโสผางปิงยังยอมรับออกมาเองเมื่อครู่…ว่าฝีมือไม่สู้ต้วนหลิงเทียน!”

 

 

ในขณะที่เถียนจี้หวี่เอ่ยถามผางปิงด้วยสีหน้ามืดมน เสียงอุทานด้วยความตกใจของคนสกุลหลิวโดยรอบก็ดังให้มันได้ยินชัดถนัดหู พาลให้มันตกตะลึงอึ้งไปไม่ได้!

 

อะไร! คนพวกนี้บอกว่าผางปิงแข็งแกร่งไม่เท่าต้วนหลิงเทียน!?

 

‘นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไง!?’

 

‘ในมณฑลจิ่วโยว อาวุโสผางปิงนับว่าร้ายกาจนัก! นอกจากข้าก็เพียงอ่อนด้อยกว่าผู้พิทักษ์โจวทงที่พึ่งตกตายไปเท่านั้น…ยังได้รับการยอมรับให้เป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจนเซียนมาหลายร้อยปี…’

 

‘แต่พลังฝีมือของผางปิง ยังสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อีกหรือ?’

 

เถียนจี้หวี่รู้สึกเหลือเชื่อนัก แต่ขณะเดียวกันมันก็หันไปมองผางปิงด้วยสายตาไถ่ถามว่ายังไงกันแน่

 

ผางปิงที่เห็นสายตาของเถียนจี้หวี่ ย่อมทราบดีว่าเถียนจี้หวี่คิดอะไรอยู่ จึงได้แต่พยักหน้าอย่างขื่นขม กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้กำลังว่า “เรียนใต้เท้าผู้ว่า…พลังข้าเทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้จริงๆ!”

 

ตอนนี้ผางปิงที่ตรวจสอบกลิ่นอายเลือดเนื้อของต้วนหลิงเทียนแล้ว ย่อมยืนยันได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายอายุไม่ถึงร้อยปี

 

ในใจมันเสมือนมีห่ามรสุมกระหน่ำครั้งใหญ่…

 

คนอายุไม่ถึงร้อยแต่เหนือกว่ามัน?

 

“เช่นนั้น…อาวุโสหลิวเชียน ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าไปจริงๆ?”

 

เถียนจี้หวี่กล่าวถามด้วยสายตาเหลือเชื่อ

 

“ใช่”

 

ผางปิงตอบรับ ก่อนพูดเสริมว่า “เรื่องนี้ข้ามิมีอันใดจะกล่าว…แต่ทุกคนในที่นี้สามารถเป็นพยานได้”

 

หลังได้รับฟังคำยืนยันแล้ว เถียนจี้หวี่ก็หันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนทันที

 

มันคลี่ยิ้มสดใสออกมา มองถามต้วนหลิงเทียนด้ยท่าทีอ่อนโยน “ต้วนหลิงเทียน…นี่เจ้าฆ่าอาวุโสหลิวเชียนไปหรือ?”

 

“ใช่”

 

หลิวเชียนผู้นั้น ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเป็นคนฆ่า เขาย่อมกล้าทำกล้ารับ!

 

พอได้ยินคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน ใบหน้าเถียนจี้หวี่ก็ชะงักไปทันใด…