ในเวลานั้นเอง เย่เฉินเปิดระบบเสียงประกาศสาธารณะบนเฮลิคอปเตอร์ แล้วพูดเสียงดังว่า “ฟังซะพวกคนในรถ ตอนนี้พวกคุณได้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว รีบละทิ้งการขัดขืนทั้งหมดซะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะฆ่าไม่มีละเว้น!”
เสียงนี้ของเย่เฉินทำเอาคนในรถไอวีโก้ทั้ง7 คน ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
หลิ่วจ้าวเฉินอกแทบแตกแล้ว เพราะเขาเองไม่เคยคิดเลยว่าต่อให้ตัวเขาเองฆ่าคนหรือวางเพลิง ก็คงไม่ถึงกับต้องใช้ฉากใหญ่ขนาดนี้มาจับเขาหรอกมั้ง?
ครอบครัวของเขาในเวลานี้เองก็กลัวจนวิญญาณอยู่ไม่ติดร่าง เมื่อกี้ยังคิดอยู่ว่าหลังจากที่ครอบครัวได้เงินแล้ว พวกเขาก็ไปพักผ่อนที่มัลดีฟส์ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแหฟ้าตาข่ายดินคลุมอย่างแน่นหนาแบบนี้
เจี่ยงหมิงกลัวยิ่งกลัว
ตัวเขาในตอนนี้เสียใจจนแทบตายแล้ว!
ไม่เพียงแค่เสียใจ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความกลัว
แต่แล้วในเวลานี้จู่ๆเขาก็กลับมารู้สึกตัว รู้สึกว่าเสียงตะโกนที่ได้ยินบนเฮลิคอปเตอร์เมื่อกี้ ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหูจังนะ?
แต่เขาก็ฟังไม่ออกอยู่ชั่วครู่ชั่วยาม ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของเย่เฉิน
เขาจึงถามหลิ่วจ้าวเฉินอย่างตื่นตระหนกว่า “ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี? คนกลุ่มนี้มีปืนกันทั้งนั้นเลยนะ ตอนนี้แม้แต่หลังคายังถูกตัดออกไปแล้วนะ ถ้าพวกนั้นยิงพวกเราขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง?”
พี่สาวของหลิ่วจ้าวเฉินตกใจจนร้องไห้โฮ “น้อง เราคงจะไม่ตายอยู่ที่นี่วันนี้ใช่ไหม? พี่ยังใช้ชีวิตไม่พอเลยนะ พี่ยังสาวอยู่เลย จนถึงตอนนี้พี่ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ!”
“พี่เอะอะโวยวายอะไรเล่า?! ผมก็ไม่ได้แต่งงานสักหน่อยนี่!” ใจของหลิ่วจ้าวเฉินทั้งกลัวทั้งโกลาหล ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ของพี่สาว ใจของเขาก็ยิ่งหงุดหงิด
เย่เฉินมองดูคนทั้ง 7 อยู่บนเฮลิคอปเตอร์และพบว่าพวกเขาไร้ซึ่งท่าทีใดๆ ใจของเขาก็หงุดหงิดทันที เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมจะให้เวลาพวกคุณสามวินาทีในการลงจากรถ ไม่อย่างนั้นพวกนายจะต้องจ่ายค่าชดใช้!”
เสียงพูดเพิ่งจบลง เขาก็เริ่มนับเวลาทันที
“สาม!”
ภายในรถไอวีโก้ แม่ของหลิ่วจ้าวเฉินร้องไห้อย่างขมขื่น “จ้าวเฉิน พวกเรารีบลงจากรถกันเถอะ ไม่งั้นล่ะก็ ฉันกลัวจริงๆว่าคนพวกนั้นจะลงมือกับเรา!”
หลิ่วจ้าวเฉินลังเลในใจ
ถ้าไม่ลงจากรถล่ะก็ บางทีอาจจะยังพอจับเด็กมาเป็นตัวประกันได้บ้าง แล้วใช้ชีวิตเด็กข่มขู่ให้อีกฝ่ายยอมปล่อยตัวเองสักครั้ง
แต่ถ้าลงจากรถล่ะก็ งั้นไม่เท่ากับยอมให้ใครต่อใครเชือดหรอกเหรอ?
“สอง!”
พี่สาวของหลิ่วจ้าวเฉินพูดอย่างตื่นตกใจว่า “จ้าวเฉิน รีบพูดอะไรสักอย่างสิ!”
“หนึ่ง!”
เย่เฉินนับครบสาม และเห็นว่าคนทั้งเจ็ดยังไม่มีทีท่าอะไร เขาจึงพูดกับเฉินจื๋อข่ายทันทีว่า “แจ้งสไนเปอร์ ให้จัดการคนขับรถซะ!”
“ได้ครับคุณชาย!”
เฉินจื๋อข่ายรีบสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งผ่านทางเครื่องรับส่งวิทยุทันที “สไนเปอร์รีบหาโอกาสเหมาะเดี๋ยวนี้ จัดการคนขับรถก่อน หาทางฆ่าด้วยกระสุนนัดเดียว!”
ระบบวิทยุได้รับการตอบกลับจากสไนเปอร์ในทันที:
“สไนเปอร์เบอร์ 1 การมองเห็นถูกบดบัง”
“สไนเปอร์เบอร์ 2 การมองเห็นถูกบดบัง”
“สไนเปอร์เบอร์ 3 การมองเห็นไม่ถูกบดบัง กำหนดเป้าหมายแล้ว! อัตราการสังหาร 80%”
“สไนเปอร์เบอร์ 4 การมองเห็นไม่ถูกบดบัง กำหนดเป้าหมายแล้ว! อัตราการสังหาร 95%”
เฉินจื๋อข่ายสั่งการทันที “สไนเปอร์เบอร์ 4 ฟังคำสั่งผม ยิง!”
ในเวลานี้ อดีตทหารพิเศษที่โหนตัวอยู่หน้าประตูเฮลิคอปเตอร์ทางขวา ก็เหนี่ยวไกปืนในทันที
เสียงปังดังขึ้น
ปืนสไนเปอร์ไรเฟิลระเบิดเปลวไฟออกมา จากนั้นกระสุนปืนก็พุ่งออกจากปากกระบอกปืนด้วยความรวดเร็ว
วินาทีถัดมา พี่ใหญ่ของหลิ่วจ้าวเฉินที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับของรถไอวีโก้ซึ่งกำลังรู้สึกประหม่าจนไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จู่ๆก็โดนยิงเข้าที่หัว!
ใครก็นึกไม่ถึง ว่าคนที่ไม่มีรอยบุบสลายเลยแม้แต่เล็กน้อยในวินาทีที่แล้ว ในวินาทีถัดมากลับมีเลือดพุ่งออกมาจากหัวของเขา…
——–