ตอนที่ 1932 ระเบิดความคับแค้น

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1932 ระเบิดความคับแค้น

 

“เข้ามาเลยเจ้าหนู!” อสูรเฒ่าเงาโลหิตควบคุมเงาโลหิตด้านหลังให้เคลื่อนไหว โดยที่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด

 

แก่นกําเนิดพลังชีวิตของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ในความเป็นจริงแค่จะคงสภาพให้มันไม่แย่กว่าเดินก็ยากลําบากมากพอแล้ว ยิ่งต้องมาทําการต่อสู้เช่นนี้ ยิ่งทําให้พลังชีวิตของเขาใกล้ดับสูญยิ่งเข้าไปใหญ่

 

เพียงแต่การต่อสู้ครั้งนี้คือความหวังสุดท้ายที่จะทําให้เขามีชีวิตรอด เขาจึงเดิมพันทุกอย่างลงไปโดยไม่สนใจผลที่จะตามมาทั้งสิ้น

 

ต้องจับกุมหลิงฮันให้ได้!

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เฒ่าชรา โชคชะตาของเจ้ามีเพียงถูกข้าบดขยี้เท่านั้น!”

 

“พรึบ” เขาขยับร่างปลดปล่อยหมัดโจมตีออกไป

 

“ พลังของเจ้ายังไม่คู่ควร!” อสูรเฒ่าโลหิตกล่าวอย่างมั่นใจ ถึงแม้พลังบ่มเพาะของเขาจะลดลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับตัดวิญญาณหยิน ซึ่งหากไม่นับระดับพลังใหญ่ ขั้นพลังย่อยของเขาก็ยังสูงกว่าหลิงฮันอยู่ถึงสองขั้น

 

เขากางนิ้วออกเป็นกรงเล็บและคว้าไปยังข้อมือขวาของหลิงฮัน

 

“พรึบ” ร่างของหลิงฮันส่องประกายด้วยอํานาจแห่งเต๋า พร้อมกับปลดปล่อยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ออกมา ที่บริเวณหมัดของเขามีรูปแบบตราประทับที่เรียบง่ายปรากฏขึ้นมา ซึ่งดูแล้วรูปทรงของมันค่อนข้างคล้ายคลึงกับเปลวเพลิง

 

มันคือตราประทับแห่งเต๋าที่ถูกรีดเค้นออกมาจากเพลิงเก้าสวรรค์…. อํานาจระดับราชานิรันตร์!

 

น่าเสียดายที่พลังบ่มเพาะของหลิงฮันยังต่ำเกินไป ตราประทับแห่งเต๋าจึงยังไม่สมบูรณ์และให้ความรู้สึกทรุดโทรม เพียงแต่สิ่งที่ยังสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน คือกลิ่นอายอันน่าเกรงขามแห่งบรรพกาลที่สั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์เก้าชั้น

 

ใบหน้าของอสูรเฒ่าเงาโลหิตเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากพลังโจมตีของหลิงอันทรงพลังเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้

 

จอมยุทธระดับโลกียนิพพานสามารถมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

เดี๋ยวก่อน… หรือว่า!

 

เขานึกถึงตํานานเรื่องเล่าบางอย่างขึ้นมาได้ มีคํากล่าวว่าอัจฉริยะคนใดที่มีศักยภาพท้าทาย สวรรค์จะสามารถปลดโซ่ตรวนของสวรรค์และปฐพี และตัดผ่านไปยังขั้นพลังที่นอกเหนือจากระดับสี่นิพพานได้

 

ระดับห้านิพพาน…. ตัวตนที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับแบ่งแยกวิญญาณ!

 

เหลือเชื่อ รุ่นเยาว์ตรงหน้าเขาผู้นี้ คือสัตว์ประหลาดตามตํานานงั้นรึ

 

การกล่าวโทษว่าอสูรเฒ่าเงาโลหิตนั้นไร้ประสบการณ์ก็ไม่ได้ เนื่องจากถึงแม้ชายชราจะเป็นถึงตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ แต่เขาก็เป็นจอมยุทธพเนจรที่ไม่มีขุมอํานาจใดคอยให้ข้อมูล เพราะงั้นเขาจะรู้เรื่องราวความลับต่างๆ มากมายได้อย่างไร?

 

เพียงแค่เขารับรู้ถึงการมีอยู่ของอัจฉริยะระดับห้านิพพานได้ ก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

 

ครืนน!

 

เงาโลหิตของชายชราที่ปลดปล่อยออกไปถูกทําให้ชะลอความเร็วลง เนื่องจากตราประทับบนหมัดของหลิงฮันทําปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาสกัดกั้นเอาไว้

 

ชายชราที่ตอนแรกไม่สนใจอะไร จู่ๆ ก็พบว่ามือขวาของตนเองที่ใช้โจมตีเกิดความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแผดเผา

 

นี้มันเป็นไปได้อย่างไร!

 

อสูรเฒ่าเงาโลหิตตกตะลึงเป็นอย่างมาก ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน ที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับตัวตนระดับตัดวิญญาณหยาง แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็คือระดับตัดวิญญาณหยิน เป็นไปได้อย่างไรที่หลิงฮันจะทําให้เขาบาดเจ็บได้?

 

“เฒ่าชราบัดซบ ก่อนหน้านี้ที่เจ้ากดขี่ข้าได้ก็เพราะมีพลังบ่มเพาะสูงส่งกว่าข้า เพียงแต่ตอนนี้ อย่าพูดถึงระดับพลังเดียวกันเลย ขนาดเจ้ายังมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าข้าสองขั้น ข้าก็สามารถกําราบเจ้าได้!” หลิงฮันคํารามและพุ่งทะยานร่างกวัดแกว่งหมัดอย่างเกรี้ยวกราด

 

จริงอยู่ที่ว่าคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตมีส่วนช่วยในการขัดเกลาจิตใจของเขา แต่คําสาปที่ว่าก็ถูกฝังเอาไว้ในร่างของเขาโดยการบังคับ

 

อย่ามองว่าเวลาเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีเท่านั้น แต่ต้องนับเวลาที่เขาอยู่ในห้องบ่มเพาะกาลเวลาด้วย ซึ่งเขาได้รับความเจ็บปวดจากคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยครั้ง

 

“ตูม!”

 

หลิงฮันและอสูรเฒ่าเงาโลหิตล่าถอยกลับไปยืนแน่นิ่งพร้อมกัน หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่า

 

การโจมตีแรกทั้งคู่เสมอกัน

 

ใบหน้าของอสูรเฒ่าเงาโลหิตกลายเป็นบูดบึงน่าเกลียด เขาเดิมพันชีวิตเอาไว้กับแผนการจับตัวหลิงฮันไปข่มขู่ราชานิรันดร์ แต่ดูจากความแข็งแกร่งของหลิงฮันแล้ว ดูเหมือนว่าความหวังของเขาจะเริ่มริบหรี่เสียแล้ว

 

พลังชีวิตของเขาสามารถอยู่ต่อได้อีกร้อยปีก็จริง แต่เมื่อใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่อันน้อยนิดไปกับการต่อสู้ล่ะก็ บางทีเขาจะสิ้นชีพทันทีเลยก็เป็นได้

 

ไม่… เขายังไม่อยากตาย!

 

อสูรเฒ่าเงาโลหิตส่งเสียงคําราม “ครืนน” เงาโลหิตด้านหลังเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง และแปรสภาพกลายเป็นพายุพัดเข้าหาหลิงขั้น ในขณะที่พายุเคลื่อนที่จากระยะไกล จู่ๆ พายุก็ค่อยๆ กระจัดกระจายแยกตัวกันกลายเป็นจุดขนาดเล็กสีดํามากมาย

 

หลิงฮันกวาดสายตามองและพบว่าจุดสีดําเหล่านั้นคือตัวแมลงที่บินว่อนเต็มท้องฟ้า

 

แมลงทุกตัวมีรูปร่างคล้ายคลึงกับยุง แต่มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าและมีปากยาวที่ส่องประกายแหลมคมราวกับโลหะ

 

เหล่าตัวแมลงพุ่งทะยานจากท้องฟ้าเข้าหาหลิงฮัน

 

ภายในชั่วพริบตา ร่างของหลิงฮันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแมลงที่ใช้ปากอันแหลมคมพยายามเจาะผิวหนังของเขาเพื่อดูดเลือด

 

หลิงฮันไม่ขยับตัวทําอะไร เพราะต้องการดูว่าแมลงเหล่านี้จะสามารถทะลวงผ่านกายหยาบของเขาได้หรือไม่

 

อสูรเฒ่าเงาโลหิตที่มองดูอยู่แสยะยิ้มมุมปากทันที เจ้าหนูนี้ช่างอวดดีนัก อีกฝ่ายไม่รู้เสียแล้วว่าแมลงโลหิตเหล่านี้คือทักษะก้นหีบของเขา ที่สามารถใช้ควบคู่พร้อมกับคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตได้

 

“จงทํางาน!” เขาเค้นเสียงคํารามออกมา

 

พริบตาเดียวกัน จิตใจของหลิงฉันก็รู้สึกเหมือนกับถูกบีบรัด และความเจ็บปวดเกินพรรณนาได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

 

“กะกะกะ เจ้าคิดว่าคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตจะทํางานได้เพียงแค่ตอนครบรอบหนึ่งปีงั้นรึ?” อสูรเฒ่าเงาโลหิตกล่าว “คําสาปอสูรทมิฬอาฆาตคือสิ่งที่ข้าฝังเอาไว้ในตัวเจ้า เพราะงั้นข้าจึงสามารถบังคับให้มันทํางานได้ตามใจต้องการ”

 

“จงคุกเข่าต่อหน้าข้าซะ!”

 

“อะไรกัน!”

 

ชายชราที่รู้สึกว่าตนเองได้รับชัยชนะแล้ว จู่ๆ ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด

 

นั่นก็เพราะว่าหลิงฮันนั้นยังคงยืนแน่นิ่ง โดยที่ไม่แสดงความเจ็บปวดใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่แมลงโลหิตเองก็ไม่สามารถเจาะผ่านผิวหนังของอีกฝ่ายได้ ราวกับร่างกายของหลิงฮันไม่ใช่กล้ามเนื้อของมนุษย์แต่เป็นแร่โลหะนิรันดร์ที่ทนทาน

 

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

 

“จะ จะ จะ เจ้า” จิตใจของอสูรเฒ่าเงาโลหิตสั่นสะท้านอย่างแท้จริง เหตุผลหนึ่งคือเขาไม่อาจทําใจเชื่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ ในขณะที่อีกเหตุผลหนึ่งคือถ้าหากเขาจับกุมตัวหลิงฮันไม่ได้ ความตายก็อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่เอื้อม

 

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ข้าเคยต้านทานความเจ็บปวดจากคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตของเจ้า มาแล้วไม่รู้สึกร้อยครั้ง จนตอนนี้ข้าชินกับมันแล้ว”

 

สัตว์ประหลาด

 

อสูรเฒ่าเงาโลหิตไม่อาจทําให้เชื่อได้ลง คิดว่าคําสาปอสูรทมิฬอาฆาตมีความรุนแรงขนาดไหนกัน? ทักษะนี้ไม่ใช่ทักษะที่เขาคิดค้นขึ้นเอง แต่เป็นผลเก็บเกี่ยวจากถ้ำโบราณที่มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะถูกสร้างขึ้นโดยราชานิรันดร์

 

เขาเคยใช้ทักษะนี้กับผู้คนที่คิดว่าตนเองแข็งแกร่งดั่งเหล็กมาแล้วมากมาย โดยเพียงแค่เขากระตุ้นทักษะสามคน ผู้คนเหล่านั้นต่างก็ร้องโอดครวญขอความเมตตากันหมดแล้ว