บทที่ 1329 ตามหาตัวจุ่ยถู

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,329 ตามหาตัวจุ่ยถู

เมืองเยี่ยเฉิง พื้นที่ตอนกลาง เขตพื้นที่ระดับ 3

สถานที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยความมืด แสงตะวันไม่เคยส่องลงมาถึง รอบกายมีแต่ก้อนหินใหญ่ รอยแตกร้าวและหลุมลึก นี่คือโลกใต้ดินที่มีแต่ความคดเคี้ยว

นี่คือเหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเยี่ยเฉิง

นี่คือเหมืองแร่ที่มีศิลาเทวะมากที่สุด

แม้ว่าโลกใต้ดินแห่งนี้จะไม่มีแสงตะวันสาดส่องลงมา แต่มันกลับมีต้นไม้ประหลาดงอกงามขึ้นเป็นจำนวนมาก ต้นไม้เหล่านี้ได้รับพลังจากแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์เป็นเวลานาน สุดท้ายตัวมันเองก็จะกลายเป็นแร่หินชนิดหนึ่งไปเช่นกัน และนั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เหมืองหินใต้ดินแห่งนี้อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง

หลายปีที่ผ่านมา กิจการของเหมืองแร่ใต้ดินดำเนินไปภายใต้ความสงบสุข

เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่คือหนึ่งในเจ็ดเทพสงครามแห่งสภาเทพเจ้า แต่สำหรับผู้คนในโลกใต้ดินแห่งนี้ เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่คือเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนทวยเทพแล้ว

เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ดูแลเหมืองเป็นอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล

เขามีเหมืองแร่ทองคำอยู่ในการครอบครองถึงสามสิบหกแห่ง

แต่ละเหมืองประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลและคนงานเหมืองจำนวนมหาศาล

ขุนนางเทวะผู้มีนามว่าอวิ๋นอิงคือหนึ่งในผู้จัดการใหญ่ของสามสิบหกเหมืองแร่เหล่านั้น

เดิมที อวิ๋นอิงเป็นผู้จัดการใหญ่ที่มีลำดับชั้นต่ำต้อยมากที่สุดในบรรดาผู้จัดการของสามสิบหกเหมืองแร่

แต่ด้วยการปรากฏตัวของคนงานเหมืองที่ชื่อว่า ‘จุ่ยถูู’ ซึ่งบุกตะลุยเข้าไปขุดเหมืองในพื้นที่อันตราย จึงทำให้เหมืองแร่ภายใต้การดูแลของอวิ๋นอิงรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว เพราะการทำงานของจุ่ยถููเพียงคนเดียว ก็เท่ากับการทำงานของหน่วยขุดเหมืองถึงสิบหน่วยแล้ว…

ดังนั้น อวิ๋นอิงจึงได้รับความไว้วางใจจากเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่มากขึ้น เขาไต่เต้าขึ้นมาจากผู้จัดการใหญ่ลำดับชั้นต่ำต้อยขึ้นสู่การเป็นผู้จัดการใหญ่ห้าอันดับแรกของทั้งสามสิบหกเหมืองนั้น

และที่น่าตื่นเต้นมากไปกว่านั้นก็คืออวิ๋นอิงถึงกับส่งจุ่ยถููเข้าร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่ ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าคนบาปผู้นี้จะสามารถผ่านรอบแรกได้สำเร็จ มิหนำซ้ำ ยังผ่านการแข่งขันรอบที่สี่ด้วยการเอาชนะหนึ่งในนักรบเทวะคนสำคัญของเผ่าเทพภูผาได้อย่างไม่มีปัญหาอีกด้วย…

กฎในดินแดนทวยเทพระบุไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทาสรับใช้ได้มาจะต้องตกเป็นของผู้เป็นเจ้านายหมดสิ้น

นี่หมายความว่าของรางวัลที่จุ่ยถููได้มา ก็จะต้องตกเป็นของขุนนางเทวะอวิ๋นอิง

สำหรับอวิ๋นอิง จุ่ยถููมีค่าไม่ต่างจากเครื่องผลิตชื่อเสียงและเงินทองให้กับตนเอง

ดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีคนเจตนาไถ่ตัวจุ่ยถูู เขาจึงปฏิเสธโดยไม่ลังเล

“บอกพวกมันไปว่าไม่ว่าให้ราคาเท่าไหร่ ไม่ว่ามีข้อเสนอน่าสนใจเพียงใด ข้าก็จะไม่ยอมขายจุ่ยถููเด็ดขาด ให้พวกมันกลับไปซะ”

อวิ๋นอิงกล่าวต่อเซวี่ยหลิง ผู้ติดตามคนสนิทของตนเอง

“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ นายท่าน”

เซวี่ยหลิงเป็นนักเวทสาวผู้มีใบหน้างดงาม ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มักเป็นที่ทราบกันดีว่านางผู้นี้คือมือขวาคนสนิทของท่านขุนนางอวิ๋นอิง

นางมีน้องชายผู้หนึ่งนามว่าเซวี่ยอี้

ซึ่งตกตายในงานเลี้ยงเบิกฟ้า

ตายด้วยน้ำมือของเจ้าปีศาจเจี๋ยนเซียวเหยา

โดยที่มีต้นเหตุมาจากเจ้าคนบาปจุ่ยถูู

นางหมุนตัวเดินออกมาจากวิหารศิลา ก่อนจะเดินเข้าสู่พื้นที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยกำแพงอาคมสีขาวสะอาดตา

นี่คือพื้นที่พิเศษสำหรับการนัดพบผู้คนจากนอกเหมือง

หลายวันที่ผ่านมา มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาเพื่อขอเจรจาซื้อตัวจุ่ยถูู

เพราะการซื้อขายทาสรับใช้ที่เป็นคนบาปคือเรื่องปกติของดินแดนทวยเทพ

จุ่ยถููมีสถานะเป็นคนบาป แตกต่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ สถานะของเขาไม่ต่างจากสินค้าที่วางขายในท้องตลาด เพราะฉะนั้น จึงมีเทพเจ้าระดับสูงจำนวนมากต้องการซื้อตัวจุ่ยถููไปเป็นบริวารของตนเอง

นี่คือการลงทุนที่คุ้มค่า

เทพเจ้าระดับสูงจำนวนมากต่างก็คิดเช่นนี้

“ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ นายท่านของข้าน้อยยังไม่มีความคิดที่จะขายจุ่ยถููในขณะนี้ คงต้องรบกวนทุกท่านช่วยกลับไปก่อนนะเจ้าคะ”

เซวี่ยหลิงยิ้มแย้มด้วยความสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน

ดวงตากลมโตของนางเป็นประกายอย่างมีเสน่ห์ เวลาพูดคุยสนทนา บนใบหน้าก็มักจะประดับรอยยิ้มอ่อนหวานอยู่เสมอ ยามผู้คนพูดคุยกับนาง ก็มักจะรู้สึกได้ถึงความเชื่อใจและไม่มีทางโกรธเคืองนางได้ลงคอ

เมื่อได้รับทราบคำตอบเช่นนี้ ทุกคนก็รู้แล้วว่าอวิ๋นอิงไม่มีทางขายจุ่ยถููให้แก่พวกตนเองเด็ดขาด ต้องโทษว่าอวิ๋นอิงมีนายเหนือหัวน่ากลัวมากเกินไป ในเมื่อเขาไม่ยอมขาย ก็ไม่มีผู้ใดกล้าตอแยด้วยอีกแล้ว

แต่ก็ยังมีผู้คนบางส่วนที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และเสนอราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ถึงกระนั้น เซวี่ยหลิงยังคงรับมือด้วยรอยยิ้ม ปฏิเสธอย่างสุภาพ ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายขายหน้าหรือโกรธเคืองแต่อย่างใด

“พี่เซวี่ย ในเมื่อจุ่ยถููผู้นี้ไม่ได้มีไว้ขาย ขอพวกเราไปพบเขาสักหน่อยได้หรือไม่? พอดีพวกข้ามีใครบางคนที่รู้จักเขาและบุคคลผู้นั้นก็ได้ฝากคำพูดมาถึงเขาน่ะ”

เฉียนหลงยิ้มหวานอย่างโปรยเสน่ห์

“ใช่แล้วขอรับพี่เซวี่ย พวกเราจะไม่รบกวนอะไรอีกเลย หรือทางท่านจะเสนอราคาใดมา พวกเราก็ไม่คิดปฏิเสธ” ลู่ปิงเหวินกล่าวสนับสนุน

เคยมีข่าวลือว่าอวิ๋นอิงเป็นผู้ที่เห็นแก่เงินเป็นที่สุด ตราบใดที่มีเงินทองมากองอยู่ตรงหน้า อวิ๋นอิงย่อมยินดีทำทุกอย่างเสมอ

“ไม่ทราบว่าบุคคลผู้นั้นที่ทางคุณชายกล่าวถึงคือผู้ใดหรือเจ้าคะ?”

เซวี่ยหลิงถามพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย

“เป็นพี่ชายร่วมสาบานที่ข้าเพิ่งจะรู้จักได้ไม่นาน”

ลู่ปิงเหวินตอบเสียงเรียบ “หากเอ่ยชื่อออกไป ท่านต้องรู้จักแน่ ๆ”

“หืม?”

เซวี่ยหลิงยิ้มหวานและถามต่อ “ข้าน้อยไม่ทราบเลยว่าคุณชายลู่มีพี่ชายร่วมสาบานด้วย ไม่ทราบเขาคือผู้ใดหรือเจ้าคะ?”

“ปีศาจน้อยผู้ไร้เทียมทานแห่งเมืองเยี่ยเฉิง ณ ปัจจุบัน”

ลู่ปิงเหวินเชิดหน้าขึ้นกล่าวตอบด้วยความภูมิใจ “ไม่ใช่แต่เพียงข้าเท่านั้นหรอกนะ แต่เขายังเป็นพี่ชายร่วมสาบานของเสี่ยวมู่ เสี่ยวหลงเอ้อ เหล่าซือ และเสี่ยวเฟยเฟยอีกด้วย”

มู่หลินเซิน เฉียนหลง ซือเกินตั๋งและกวนรั่วเฟยต่างก็พยักหน้ายืนยันอย่างแข็งขัน

เซวี่ยหลิงหัวใจกระตุกวูบเล็กน้อย

หรือว่าจะเป็นเขาผู้นั้น?

ฆาตกรผู้สังหารน้องชายของนาง

แต่เซวี่ยหลิงก็ยังคงยิ้มแย้มตอบกลับไปด้วยสีหน้าสดใสไม่เปลี่ยนแปลง “ปรากฏว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นนี่เอง สมแล้วที่เป็นพี่ชายร่วมสาบานของเหล่าคุณชาย… หากเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยจะยกเว้นให้พวกท่านเป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าน้อยจะให้คนนำทางพวกท่านไปนะเจ้าคะ”

“ขอบคุณพี่เซวี่ยมากแล้ว”

ลู่ปิงเหวินพูดจบก็ทำจมูกฟุดฟิดใส่เซวี่ยหลิงคล้ายกับต้องการจะดมกลิ่นอะไรบางอย่าง “อ้า กลิ่นหอมเช่นนี้ สมแล้วที่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของโลกใต้พิภพ… พี่เซวี่ย ข้าเคยรู้จักน้องชายของท่านอยู่บ้าง ไม่ทราบว่าบัดนี้เขายังเข้าไปล่าสัตว์อสูรในหุบผาอเวจีอยู่หรือไม่?”

เซวี่ยหลิงเดินบิดเอวหมุนตัวจากไปพลางตอบว่า “คุณชายลู่รอก่อนนะเจ้าคะ… ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญต้องรีบไปจัดการ ตงเซียน เจ้าช่วยพาคุณชายกลุ่มนี้ไปหาจุ่ยถููด้วย”

บุรุษผู้มีนามว่าตงเซียนเป็นนักรบหนุ่มใบหน้าคมคาย เขาสวมใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬ บนแผ่นหลังสะพายค้อนด้ามยาวอยู่ด้ามหนึ่ง ลักษณะท่าทีเป็นผู้แข็งแกร่งและทรงพลัง

“คุณชายรบกวนตามข้าน้อยมา”

ตงเซียนนำทาง

ลู่ปิงเหวินยิ้มกริ่ม หมุนตัวกลับมาและยักคิ้วให้แก่เหล่าสหายของตนเอง

มู่หลินเซินและพรรคพวกสัมผัสได้ถึงแววตาเย้ยหยันจากลู่ปิงเหวิน

“เฮอะ เจ้าเศษสวะไร้ยางอาย”

พวกเขาได้แต่ด่าทอออกมาพร้อมกันด้วยความสามัคคี

ลู่ปิงเหวินใบหน้ากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตะกุกตะกักอธิบายว่า…

“นี่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมแล้วนะ”

“ยุติธรรมมารดาท่านเถอะ ข้าสนใจในตัวของแม่นางเซวี่ยหลิงมาตั้งนานแล้ว”

“ข้าตั้งชื่อลูกของพวกเราเอาไว้แล้วด้วย”

กลุ่มบุรุษหนุ่มเริ่มโต้เถียงกัน

ลู่ปิงเหวินมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันตา “ทุกคนเลยหรือ? ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่า…”

หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป

ภายใต้การนำทางจากตงเซียน กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญก็มาปรากฏตัวขึ้นหน้ากำแพงเหมืองใต้ดิน

ด้านในปรากฏโพรงถ้ำจำนวนมากมายราวกับรังผึ้ง

นี่คือที่พักสำหรับคนงานขุดเหมือง

ด้านล่างสุดของกำแพงหิน ตรงนั้นมีพื้นที่เป็นลานโล่งกว้างขวาง และด้านหลังลานโล่งนั้นก็ปรากฏรั้วหินและต้นสมุนไพรบางชนิด ปรากฏสายน้ำจากบ่อน้ำพุด้านบนไหลหยดลงมารวมตัวกันกลายเป็นบ่อน้ำขนาดย่อม…

“ถึงแล้วขอรับ”

ตงเซียนกล่าว “จุ่ยถููอยู่ด้านใน แล้วก็ยังมีน้องชายพิการของเขาด้วยอีกคนหนึ่ง”