ปัง ปัง ปัง…
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นบนยอดเขานั้นมันทำให้คนทั้งหลายอกสั่นขวัญหาย
คนที่แข็งแกร่งล้ำระดับเทียนเหอนั้นกลับถูกระเบิดใส่จนร่างปลิวลอยไปมาไม่อาจตกลงถึงพื้นได้ ไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานใด
พลังลึกลับของกฎนั้นมันเหมือนราวแฝงพลังแห่งเต๋าสวรรค์ไว้ ทำให้คนทั้งหลายได้แต่ต้องจ้องมองมันด้วยปากอ้าค้าง
เทียนเหอนั้นถูกระเบิดใส่จนร่างมีแต่รอยเลือดอาบตัว เป็นสภาพที่หากเป็นคนธรรมนั้นเขาคงได้ตายไปแล้ว
ดูอย่างไรเขาก็บาดเจ็บสาหัส
คลื่นพลังเช่นนี้แม้แต่เครื่องในของเทียนเหอเองก็คงได้รับบอบช้ำจนแทบเกินเยียวยา
หากมิใช่เพราะเขานั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือล้ำฟ้าดินแล้ว เขาคงถูกบดขยี้กลายเป็นผงธุลี
“น่าเสียดายนัก หากเป็นตอนที่ศิษย์ยังสมบูรณ์พร้อมมันคงได้ตายอย่างไร้ทางหวนกลับ” หลินหวู่ซวงที่อยู่ข้างๆ กายเย่หยวนนั้นพูดขึ้น
เย่หยวนตอบกลับไป “ดีพอแล้ว! ที่เหลือให้ข้าจัดการเถอะ!”
หลินหวู่ซวงตอบกลับมา “การพัฒนาของนายท่านนั้นช้าอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นพวกเผ่าเทวามันคงไม่ได้มีหน้าโผล่ออกมาทำการใดๆ”
เย่หยวนได้แต่ตอบกลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน “เกิดมาผิดยุคสมัย จะทำอย่างไรได้เล่า?”
ร่างกายของหลินหวู่ซวงในเวลานี้มันดูจางลงอย่างมาก เหมือนราวกับว่ามันจะจางหายไปได้ทุกเมื่อ
เขานั้นก้มหัวลงจรดพื้น “นายท่าน เลือดที่ศิษย์ทิ้งไว้นั้นมันหมดลงหลังการต่อสู้นี้แล้ว! ในวันหน้าศิษย์คงไม่อาจตามติดนายท่านไปได้อีก นายท่าน… โปรดรักษาตัวด้วย!”
เย่หยวนหรี่ตาลงกล่าว “ลิขิตเกิดชะตาดับ บางที… ชะตาของเรานั้นมันอาจจะยังไม่จบสิ้นลง! หากมันมีการกลับชาติมาเกิดนั้นนักบุญผู้นี้จะนำพาเจ้ากลับมาให้ได้!”
หลินหวู่ซวงสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะกล่าวขึ้น “นายท่านหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ เพียงแค่ว่าข้านั้นสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง หวังว่าสิ่งที่ข้าสัมผัสได้มันจะไม่ผิด!”
หลินหวู่ซวงอ้าปากค้างออกมาเมื่อได้ยิน “การกลับชาติมาเกิดนั้นมันก็แค่ตำนาน! ไม่มีใครรู้ว่าเราตายแล้วจะไปที่ใด! สิ่งที่นายท่านสัมผัสถึงได้นั้นมันเกิดกว่าของบนโลกนี้ไปแล้ว ดูท่าระดับของนายท่านนั้นมันจะอยู่เหนือล้ำจนศิษย์ไม่อาจจินตนาการตามได้! หากมันมีโอกาสเช่นนั้นจริงแล้วหลินหวู่ซวงนี้จะติดตามนายท่านไปตราบจนวันตาย!”
เย่หยวนยืนนิ่งมองดูร่างที่ค่อยๆ จางหายไปของหลินหวู่ซวง
เวลานี้มันไม่เหลือมหาบรรพกาลค่ายกลฟ้าใดๆ แล้ว!
แต่ว่าจำนวนของมหาค่ายกลฟ้าจะสั่นสะท้านโลกาขึ้นอีกครั้ง!
มันเป็นเขานี่ที่สละชีวิตเมื่อยุคสมัยก่อนเพื่อสร้างมหาค่ายกลปิดทางของยอดฝีมือเผ่าเทวามากมาย
และยุคสมัยต่อมามันก็ยังเป็นเขานั้นที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ทัพเผ่าเทวาอีกครา!
เขานั้นทำเรื่องยิ่งใหญ่ให้แก่มนุษย์ ให้แก่หลากเผ่าพันธุ์!
“พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ข้าหวังว่าวันหนึ่งข้าจะเปิดใช้พวกเจ้าขึ้นมาได้ด้วยพลังของตน!” เย่หยวนกล่าวพร้อมถอนหายใจยาว
นี่คือสงครามมันย่อมจะมีคนตายไม่ว่าจะชนะขาดลอยแค่ไหน
ไม่มีใครจะมาเปลี่ยนเรื่องนั้นได้
เมื่อหลินหวู่ซวงหายไปนั้นมหาค่ายกลมันก็หมดสิ้นหลังลงอีกครั้ง
ด้วยกำลังของเย่หยวนในเวลานี้มันไม่อาจจะเปิดใช้มหาค่ายกลขึ้นมาได้
เทียนเหอที่มีสภาพปางตายบาดแผลหัวจรดเท้านั้นจึงหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กน้อย สุดท้ายเจ้าก็สังหารข้าไม่ได้! หลินหวู่ซวงนั่นมันก็แค่เสี้ยวพลังที่หลงเหลือจากตัวจริง เป็นตัวตนที่ใกล้พังทลายอยู่แต่เดิม! เสี้ยวผีอย่างมันนั้นจะมาทำอะไรข้าได้?”
เย่หยวนมองดูเทียนเหอพร้อมตอบกลับไป “ครั้งหน้าที่เราได้เจอกัน ข้าจะจบชีวิตหมาๆ ของเจ้าด้วยมือข้านี้เอง!”
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่า… มันจะยังมีครั้งหน้า? ข้าเกรงว่าครั้งหน้าที่เจ้าได้ปะทะทัพเผ่าเทวามันจะเป็นเหล่าบรรพบุรุษตระกูลสายเลือดทั้งหลายที่นำทัพไปแล้ว!”
หลังขัดขืนพลังของมันมานานในที่สุดเทียนเหอก็หลุดรอดออกจากมหาค่ายกลเขาแปดโมฆะในที่สุด
เรื่องพรสวรรค์ของเย่หยวนนั้นเขาย่อมจะไม่เคยคิดสงสัย
เพราะฉะนั้นยิ่งผ่านศึกนี้ไปแล้วกำลังของเย่หยวนยิ่งจะต้องเพิ่มพูนขึ้นไปอีก
การสามารถปลุกหลินหวู่ซวงขึ้นมาได้นั้นมันย่อมจะมิใช่สิ่งที่คนทั่วๆ ไปทำได้มาตั้งแต่แรก!
แต่เย่หยวนนั้นกลับทำได้!
เจ้าเด็กคนนี้มันมีความลับมากมายจนเกินไป
หากเขานั้นยังไม่ตายเทียนเหอจะไม่มีทางหายใจทั่วท้องได้!
เมื่อกล่าวจบคำตัวเทียนเหอก็พุ่งหายไปไม่รอให้มีกำลังเสริมของทัพผสมมาสมทบใด
มหาค่ายกลนั้นมันค่อยๆ เสื่อมพลังลงจนเข้าสู่สภาวะสงบอีกครั้ง
ในศึกครั้งนี้ทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์นั้นได้รับชัยชนะมา ทัพเผ่าเทวานั้นเสียกำลังบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง ย่อมจะไม่มีทางใดมาโจมตีสวนกลับได้อีก!
ทัพไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นไล่ตามติดไปกว่าสามหมื่นกิโลเมตรจนสุดท้ายกวาดล้างทัพบุตรเทวะสิ้น!
ทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์นั้นสวนกลับในจังหวะนี้อย่างบ้าคลั่งจนทำให้ทัพเผ่าเทวาเหลือจำนวนเพียงไม่ถึงหนึ่งในสิบ
เมื่อยอดฝีมือระดับสูงมาร่วมมือกันโจมตี เหล่ายอดฝีมือที่เหลือของเผ่าเทวาย่อมจะไม่อาจต้านทานได้!
ศึกที่เขาแปดโมฆะนี้มันย่อมจะทำให้เกิดแรงกระทบไปทั่วทั้งมหาพิภพ!
แต่ว่าคนทั้งหลายนั้นเองก็เข้าใจดีว่าศึกครั้งต่อไปมันจะต้องรุนแรงและนองเลือดกว่านี้!
การปะทะระหว่างยอดคนระดับผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายนั้นมันจะเป็นตัวตัดสินความเป็นเจ้าของมหาพิภพถงเทียนนี้ในที่สุด
“ฮ่าๆๆ… ยอดเยี่ยมจริง! มันยอดมันเยี่ยมเสียจริงๆ! ตั้งแต่เริ่มสงครามสิ้นโลกมานั้นเรามีแต่ถูกกดขี่ไล่มาตลอด! วันนี้ในที่สุดพวกเราก็โงหัวขึ้นบ้างแล้ว!” หนี่ซวนที่เพิ่งกลับมาจากการไล่ล่าสังหารหัวเราะลั่น
หลายปีมานี้เขาเจ็บแค้นในใจอย่างถึงที่สุด
กำลังของศัตรู ทัพผสมที่ต่างคนต่างจิตใจ ความอ่อนแอของเผ่ามนุษย์เรื่องต่างๆ ทั้งหลายนี้มันทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก
สู้ศึกใดก็พ่ายศึกนั้น!
ต่อให้จำนวนทัพมนุษย์มันจะมีมากกว่าศัตรูนับแสนๆ เท่าแต่ก็ยังไม่อาจจะเอาชนะมาได้
แต่ในศึกวันนี้ พวกเขากลับเอาชนะเผ่าเทวาได้อย่างราบคาบ! มีหรือที่มันจะไม่น่าตื่นเต้นดีใจ?
เขานั้นหันไปมองดูที่ร่างของชายหนุ่มบนยอดเขานั้นพร้อมชื่นชมอย่างสุดใจ!
นี่มันคือนักบุญฟ้าครามผู้เป็นนิรันดร์!
ฉี่พั่วเทียนหัวเราะลั่นขึ้นตาม “เจ้าเผ่าเทวาทั้งหลายนั้นมันโอหังกันเสียเหลือเกิน! วันนี้ให้มันได้รับรู้เสียบ้างว่าความพ่ายแพ้นั้นเป็นอย่างไร ข้าล่ะสะใจเสียจริง! ฮ่าๆๆ…”
“เจ้าพวกนั้นมันเอาแต่เรียกเราว่ามดปลวกๆ ทุกวัน! ครั้งนี้ให้มันรู้เสียบ้างว่าช้างก็โดนมดกัดตายได้!”
…
เหล่ายอดฝีมือของเผ่าทั้งหลายต่างรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วงหลายปี
พวกเขาที่พูดจบต่างหันไปมองที่เงาร่างหนึ่งบนยอดเขาอย่างไม่ได้นัดหมาย ดวงตาของแต่ละคนนั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
มันเป็นเขาคนนี้ คนที่คาดเดาคำนวณทุกสิ่งอย่างลากทัพเผ่าเทวาเข้ามาติดกับดัก
มันเป็นเขานี้ที่ไต่เขาแปดโมฆะปีนขึ้นไปจนถึงยอดเพื่อเปิดใช้มหาค่ายกล!
หากไม่มีเขามันย่อมจะไม่มีชัยชนะใดๆ แน่นอน!
จากนั้นหนี่ซวนก็นึกคึกชูมือขึ้นสูงก่อนจะร้องลั่น “ท่านนักบุญฟ้าครามคงเจริญ!”
เหล่าผู้นำเผ่าอื่นๆ เองก็ย่อมจะเข้าใจได้ทันทีและทำตามหนี่ซวน
“ท่านนักบุญฟ้าครามจงเจริญ!”
“ท่านนักบุญฟ้าครามจงเจริญ!”
…
เสียงร้องนั้นมันค่อยๆ เกิดดังขึ้นเรื่อยในทิศต่างๆ!
จนเวลานี้ทั้งเทือกเขาแปดโมฆะมันมีแต่เสียงร้องลั่นอย่างตื่นเต้นดีใจ!
ตุบ!
ที่ตีนเขาแปดโมฆะนั้นผางเจิ้นพุ่งตัวลงมาคุกเข่าพร้อมน้ำตาที่นองหน้า “นายท่าน ช่วยว่านเจิ้นด้วย! เขา… เขากำลังจะจากไปแล้ว!”
เย่หยวนที่อยู่บนเขาต้องขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพุ่งลงมาถึงตีนเขาในพริบตา
เมื่อมาถึงเขาก็ได้เห็นว่านเจิ้นที่นอนอยู่กับพื้นอย่างไม่หายใจใดๆ อีกแล้ว
ในศึกก่อนหน้านี้เขาใช้พลังของตนเองปิดกันทัพบุตรเทวะไว้ทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
เย่หยวนหันมองดูอาการก่อนจะค่อยคลายสีหน้าเคร่งเครียดออก “ไม่เป็นไร เขาไม่ตายแน่!”
พูดจบเย่หยวนก็หยิบเอาเม็ดโอสถหนึ่งดีดลงท้องของว่านเจิ้นจนทำให้ร่างกายของว่านเจิ้นฟื้นฟูสภาพขึ้นต่อหน้าต่อตาคนทั้งหลาย
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นภาพตรงหน้านี้พวกเขาก็ได้แต่ต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อาจหุบลงได้
พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้รู้เลยว่านักบุญฟ้าครามนั้นเป็นยอดฝีมือนักหลอมโอสถด้วย
ผางเจิ้นได้แต่เบิกตากว้างถามขึ้น “อะ… มันเป็นโอสถอะไรกันนี่? จะวิเศษเกินไปหรือไม่?”
จากนั้นเขาก็หันกลับมามองเย่หยวนราวกับได้เห็นผี “นี่มันยังมีสิ่งใดที่ท่านนักบุญฟ้าครามทำไม่ได้หรือไม่?”
พริบตาเดียวนี้ตัวว่านเจิ้นก็กลับมานั่งตัวตรงด้วยใบหน้าขาวซีด แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้มหัวแก่เย่หยวนตัวเย่หยวนก็มาหยุดเขาไว้ก่อน
“ขอบพระคุณนายท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้!” ว่านเจิ้นกล่าว
…
ข่าวเรื่องการปะทะของทัพหลากเผ่าพันธุ์และทัพเผ่าเทวานี้มันได้กระจายไปทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียนอย่างรวดเร็ว!
หลากเผ่าพันธุ์ที่เคยหวาดกลัวเกรงเผ่าเทวาอย่างมากนั้นเริ่มฮึกเหิมกันขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
มันมีเสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นไปทั่วหล้า
และนามของนักบุญฟ้าครามนั้นมันก็แพร่กระจายไปทั้งมหาพิภพถงเทียนอย่างรวดเร็ว
มันเป็นนักบุญฟ้าครามผู้นี้ที่พลิกสถานการณ์ช่วยเหลือทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์ไว้!
…………………………