บทที่ 1522 บุรุษเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์ + ตอนที่ 1523 ความจริงในตอนนั้น

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 1522 บุรุษเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์ + ตอนที่ 1523 ความจริงในตอนนั้น Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1522 บุรุษเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์

เหมยเหมยเงยหน้ามองด้วยสายตาดุดัน หันไปทางหมู่มวลนั้นเพื่อหาต้นตอแต่กลับไม่เจอตัวคนพูด

รู้อยู่แล้วว่าคนชั้นต่ำสามคนนั้นไม่มีทางรามือง่าย ๆ อย่างไรเสียนี่ก็เริ่มขึ้นแล้ว

เหยียนซินหย่ายิ้มเยาะ “พ่อของฉันมีเซี่ยทิงเทาคนเดียวที่เป็นลูกศิษย์ หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินพวกเขาทรยศต่ออาจารย์จนทำให้พ่อฉันต้องตาย คนชั้นต่ำแบบนี้จะเป็นศิษย์ของพ่อฉันได้อย่างไร?”

ฝูงชนที่อยู่ในความโกลาหลพลันเกิดความประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนซินหย่าแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวต่อหน้าสารธารณะชน ซึ่งปกติแล้วเธอมักจะพูดจ้าอ้อมคอมถนอมน้ำใจ

หลายคนในหออย่างฉีฉีเก๋อต่างก็พากันมาที่หอนิทรรศการ รวมถึงถังม่านลี่ก็มาด้วย เธอดีขึ้นมากแล้วเพียงแค่มีนิสัยรักสันโดษมากขึ้น ไม่ได้ร่าเริงแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน

“หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลิน สองชื่อนี้ฟังดูคุ้นหูมาก…ฉันเคยได้ยินมาจากไหนนะ?” ฉีฉีเก๋อลูบท้ายทอยอย่างนึกแปลกใจ

เจิ้งเสวี่ยซานหน้าเปลี่ยนสีแต่กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ใจกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ วันนี้คุณปู่จะปรากฏตัวไหม?

แล้วภาพวาดนั้นเขาจะหยิบออกมาไหม?

เจิ้งเสวี่ยซานกระวนกระวายใจ เธอรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากวันนี้คุณปู่หยิบภาพวาดนั้นออกมาจ้าวเหมยต้องสงสัยในตัวเธอแน่ ครั้งก่อนที่สโมสรจินตี้ เหมยเหมยก็สงสัยในตัวเธออยู่แล้ว

แต่อย่างไรเสียจ้าวเหมยก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เจิ้งเสวี่ยซานคิดถึงจุดนี้ก็นึกดีใจอย่างอดไม่ได้ ต่อให้คู่หมั้นของจ้าวเหมยจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่หากไม่มีหลักฐานก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดี!

เจิ้งเสวี่ยซานอุ่นใจขึ้นอีกครั้ง ภาพวาดครั้งนี้ก็เช่นกันเธอระมัดระวังขนาดนั้น ในหอคนสัญจรไปมาตลอด ต่อให้จ้าวเหมยสงสัยในตัวเธอก็ทำอะไรเธอไม่ได้เช่นกัน ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเจิ้งซื่อหลิน

นอกเสียจากโฮ่วเซิ่งหนาน!

ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นยังเอาตัวเองไม่รอด เจิ้งเสวี่ยซานจึงไม่กังวลเลยสักนิด เธออยากรู้มากกว่าว่าคุณปู่จะเอาภาพวาดนั่นไปทำอะไร?

ฉีฉีเก๋อยังคงครุ่นคิดว่าหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินเป็นใคร เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนจึงยกมือตบเข้าที่ขมับ พร้อมกดเสียงดุ “เธอนี่มันโง่จริง ๆ สองคนนี้เป็นจิตกรจีนแนวหน้า ชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย พวกเขา…”

พอพูดถึงตรงนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ปิดปากเงียบทันที แก้คำพูดว่า “ก็สองคนนี้เป็นนักวาดภาพ แม้ชื่อเสียงโด่งดังแต่ฝีมือไม่เท่าไหร่เลยและ ไม่ใช่คนดีอะไรนัก!”

แม่ของดาวมหาวิทยาลัยพูดออกมาแบบนั้นแล้ว อีกอย่างหร่วนหวาไฉ่สองคนนั้นจะเป็นคนดีไหม เธอก็ไม่อาจจะพูดออกมาว่าดีได้ กอดขาของดาวมหาวิทยาลัยให้แน่นถึงจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง

อีกอย่างชื่อเสียงของหร่วนหวาไฉ่สองคนนี้ในวงการศิลปะก็ไม่ได้มีดีอะไรนัก เธอไมได้พูดผิดนี่!

เจิ้งเสวี่ยซานสีหน้าเปลี่ยนไปมาก กัดฟันกรอด โกรธแค้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ในใจ

ฉีฉีเก๋อนึกขึ้นได้ในทันที “ที่แท้ก็คนชั่ว คนโลภเช่นนี้ไม่คู่ควรกับการวาดภาพเลยสักนิด!”

เหมยเหมยหัวเราะเยาะเอ่ย “ถูกต้อง แม้แต่ความเป็นมนุษย์ก็ไม่คู่ควรที่จะเป็น สัตว์เดรัจฉานสวมเสื้อผ้าในคาบคน เทียบกับสัตว์ชั้นต่ำยังไม่ได้เลย!”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหดคอลงอย่างว่าง่าย ดูเหมือนดาวมหาวิทยาลัยกับสองคนนี้จะมีความอาฆาตแค้นต่อกันสินะ!

แม้ว่าเจิ้งเสวี่ยซานจะไม่ได้สนิทกับเจิ้งซื่อหลินนัก แต่เธอก็มีคุณปู่เป็นไอดอลตั้งแต่เด็ก พอตอนนี้ได้ยินเหมยเหมยพูดทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของคุณปู่ก็พลันโมโหอย่างห้ามไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา “จ้าวเหมยเธอพูดถึงผู้อาวุโสทั้งสองของวงการศิลปะแบบนี้ ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยเหรอ?”

เหมยเหมยมองเธออย่างเย็นชา มุมปากยกเชิด “สัตว์ชั้นต่ำแบบนั้นคู่ควรที่จะเป็นผู้อาวุโส? เกิดมาเป็นคน แต่กลับเลือกทำตัวเป็นดั่งสัตว์เดรัจฉาน คนชั่วช้าที่ทรยศหักหลังและทำให้อาจารย์ต้องตาย คนรุ่นหลังของมันที่เป็นบุรุษต้องเป็นทาสจนชั่วกัป สตรีเป็นโสเภณีจนชั่วกัลป์ ทุกภพทุกชาติไม่อาจพลิกผันชะตาได้…”

“พอแล้ว…จ้าวเหมยเธออย่าว่ามากเกินไป!” เจิ้งเสวี่ยซานโมโหจนตัดบทเหมยเหมย

“เพื่อนเจิ้ง เธอโมโหอะไร? ฉันไม่ได้ว่าเธอนี่ หรือว่าเธอเป็นญาติกับเจิ้งซื่อหลินเหรอ?” เหมยเหมยเอ่ยเย้ยหยัน

เจิ้งเสวี่ยซานใจเต้นแรง เอ่ยปฏิเสธทันที “เธออย่าพูดจาไร้สาระ ฉันจะเป็นญาติกับอาจารย์เจิ้งได้ไง ฉันแค่ทนไม่ได้ที่ฟังเธอพูดถึงผู้อาวุโสแบบนี้”

“ทนฟังไม่ได้ก็ไม่ต้องฟัง ฉันไม่ได้เชิญมาเสียหน่อย” เหมยเหมยไม่ไว้หน้าเธอแม้แต่น้อย

เรื่องที่สโมสรจินตี้ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ!

เหอะ…ได้เห็นดีกันแน่!

………………………………………………………………

ตอนที่ 1523 ความจริงในตอนนั้น

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแปลกใจมาก เธอคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหยียน แต่เรื่องบุญคุณความแค้นไม่ค่อยรู้แน่ชัดนัก รู้เพียงว่าอาจารย์เหยียนและภรรยาไม่อาจมีชีวิตรอดจากยุคนั้นได้แล้วสิ้นใจลงอย่างน่าเวทนา

ดูจากตอนนี้แล้วมีบางสิ่งถูกปิดซ่อนเอาไว้อยู่!

ขณะนี้นักข่าวคนนั้นก็กัดไม่ปล่อย เอาแต่ยิงคำถามที่มุ่งร้ายขึ้นมาเป็นพัก ๆราวกับยกตนข่มท่าน เหยียนซินหย่าโมโหจนหน้าแดง มือสั่นเทา

เหมยเหมยก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ลูบแขนเหยียนซินหย่าเบา ๆแล้วรับไมโครโฟนเอ่ยด้วยเสียงอันดัง “ชั่วชีวิตของคุณตาฉันใช้ชีวิตสงบและงดงามมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อประเทศและประชาชน แต่เพราะถูกหร่วนหวาไฉ่ เจิ้งซื่อหลิน ตานเหอเจิ้ง สัตว์เดรัจฉานชั้นต่ำไร้ยางอายทั้งสามคนนั่นใส่ร้ายให้กลายเป็นพวกจารชนข้ามชาติ จนต้องตายอยู่ในคุกอย่างน่าเวทนา และคุณยายของฉันก็ด้วย”

การตายของเหยียนตานชิงสามีภรรยาถูกเก็บเป็นความลับตลอดมา น้อยมากที่จะมีคนเอ่ยถึง เหมยเหมยพูดขึ้นมาแบบนี้ ด้านล่างจึงเกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมา ไม่อยากจะเชื่อเลย

เหยียนซินหย่านึกถึงสภาพอันน่าสังเวชหลังการตายของพ่อแม่ น้ำตาก็ไหลอย่างห้ามไม่ได้ ไม่อาจปกปิดความโศกเศร้าเบื้องลึกไว้ได้

เหมยเหมยโอบไหล่ของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง “ตอนนั้นตานเหอเจิ้งเป็นเพื่อนของคุณตา แต่หร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินเป็นลูกศิษย์ของคุณตา ภาพวาดของทั้งสามคนได้รับคำชี้แนะจากคุณตา ได้รับความรู้และผลประโยชน์ไปมาก แต่กลับไม่รู้จักบุญคุณคน ร่วมมือกันเขียนจดหมายปลอมใส่ความจนทำให้คุณตาคุณยายต้องตาย ทำให้พวกเขาต้องตายก่อนเวลาอันควร ไม่เช่นนั้นพวกท่านจะต้องทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติมากกว่านี้แน่”

เธอนิ่งไปสักพัก ก่อนจะชี้ไปที่ภาพวาดบนผนังภาพหนึ่งที่เป็นภาพขยายใหญ่บนเวที เอ่ยว่า “คุณยายเยวี่ยอ้ายเหลียนเป็นนักเต้นรำแนวหน้าระดับประเทศ นี่คือภาพการแสดงในต่างประเทศของเธอเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่ท่านและคุณตาต้องตาย เป็นช่วงเวลาที่งดงาม…”

เหยียนซินหย่าไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีก ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดใบหน้าเอาไว้

เหมยเหมยใบหน้านองด้วยคราบน้ำตา แม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอคุณตาคุณยายแต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เพียงแค่นึกถึงการตายที่น่าอนาถเช่นนั้น ใจของเธอก็พลันเจ็บปวดเหมือนกับถูกมีดแทง

ฉีฉีเก๋อได้ยินก็โมโห ออกแรงฟาดเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนไปทีหนึ่งแล้วสบถด่า “ถ้าสัตว์ชั้นต่ำแบบนี้อยู่ที่ทุ่งหญ้าบ้านฉันนะ คงถูกมัดไว้กับม้าแล้วให้มันลากวิ่ง วิ่งหลายชั่วโมง ให้พระเจ้าตัดสินว่าจะให้พวกมันมีชีวิตต่อไหม”

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเจ็บจนต้องกัดฟัน ลมพัดผ่านท้ายทอย

มัดไว้กับม้าแล้วลากวิ่งหลายชั่วโมง ขนาดคนเหล็กยังวิ่งจนร่างแยกออกจากกัน ยังบอกว่าให้พระเจ้าตัดสินอีกเหรอ?

อยากจะมอบสองเสียงนี้ให้แม่สาวซื่อบื้อสองคน ‘เหอะเหอะ’ !

เจิ้งซื่อหลินพูดขึ้นอย่างเย็นชา “นี่เป็นเพียงแค่คำพูดจากจ้าวเหมยเพียงฝ่ายเดียว ใครจะรู้ได้ว่าเหยียนตานชิงเป็นจารชนจริงไหม”

“จ้าวเหมยไม่มีทางโกหกใคร เธอเป็นคนดี คุณตาของเธอก็ต้องเป็นคนดีแน่ ฉันเชื่อจ้าวเหมย สัตว์ชั้นต่ำสามตัวนั่นต้องทำเรื่องเลวทรามแน่” ฉีฉีเก๋อจ้องเจิ้งเสวี่ยซานด้วยความโมโห

เจิ้งเสวี่ยซานหมายจะพูดอีกสักนิด เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะเยาะพูดจาเยาะเย้ย “เพื่อนเจิ้ง เธอคงจะไม่ใช่ญาติของเจิ้งซื่อหลินจริง ๆหรอกใช่ไหม? ทำไมเธอถึงได้ปกป้องสามคนนี้จังล่ะ?”

“ฉันแค่ทนเห็นพวกเธอไม่รู้อะไรชัเจน แล้วใส่ร้ายผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง” เจิ้งเสวี่ยซานยังคงหนักแน่นด้วยท่าทีนิ่งสงบ

เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสยะยิ้มจ้องหน้าเธอ หล่อนต้องมีอะไรในใจแน่ ครั้งก่อนที่สโมสรจินตี้ก็ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆแต่เสียดายที่ไม่มีหลักฐาน

เจิ้งเสวี่ยซานกลัวว่าถ้าพูดเยอะจะเผยพิรุธเอา จึงไม่กล้าพูดอะไรอีกได้แต่ปิดปากเงียบอีกครั้ง

ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความโมโห แต่ตัวเธอเองกลับไม่รู้สึกตัว

แขกหลายคนเป็นผู้อาวุโสในวงการศิลปะ ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเหยียนตานชิง ข่าวลือก็เป็นเรื่องที่อดหนักใจไม่ได้ พลางทอดถอนหายใจไม่หยุด และรู้สึกโกรธเคืองเจิ้งซื่อหลินสามคนนั้นมากขึ้น

“เหอะ พวกเราเคารพต่ออาจารย์มากจะทำร้ายอาจารย์ได้อย่างไร เหยียนซินหย่าเธออย่ามาใส่ร้ายป้ายสีกันนะ!” น้ำเสียงที่แสนโกรธเคืองดังขึ้น ทุกคนหันหน้าไปมองอย่างพร้อมเพรียงจึงได้เห็นเจิ้งซื่อหลินสามคนนั้นที่ไม่รู้ว่าปรากฎตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

…………………………………………………….