ตอนที่ 1524 ต่ำช้าไร้ยางอาย + ตอนที่ 1525 ถ้ามีความสามารถจริงก็อย่ามุดออกมาจากท้องผู้หญิง Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1524 ต่ำช้าไร้ยางอาย
เจิ้งงซื่อหลินและหร่วนหวาไฉ่เข็นวีลแชร์ ในวีลแชร์นั้นมีชายชรารูปร่างซูบผอมผิวเหลืองซีดคนหนึ่งนั่งอยู่ หน้าหันมองด้านข้างงุดต่ำลง แววตาขุ่นมัว ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ปากก็บิดเบี้ยว
ตาเหลือกปากเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากโรคหลอดเลือดในสมอง
หลายปีมานี้ตานเหอเจิ้งไร้ซึ่งชื่อเสียงและไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะชน ได้ยินเพียงว่ามีปัญหาด้านสุขภาพ ตอนนั้นเหมยเหมยบอกว่าพระเจ้าคงมีตา กรรมตามสนองเข้าแล้ว
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอาการของตานเหอเจิ้งจะเลวร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มาก!
พระเจ้าไม่ได้ตาบอดไปเสียหมดนี่นา!
“นี่ตานเหอเจิ้งไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” เกิดเสียงซุบซิบขึ้นในฝูงชน แปลกประหลาดมาก
เจิ้งซื่อหลินพูดขึ้นเสียงดัง “เหยียนซินหย่าไม่ใช่เพราะฉันกับหวาไฉ่รวมพลเลือกตานเหอเจิ้งเป็นอาจารย์ ถึงได้จงใจใส่ร้ายว่าพวกเราฆ่าอาจารย์หรอกนะ? เหตุผลที่พวกเราฝากตัวเป็นศิษย์เราก็บอกกับเธอไปหลายครั้งแล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมฟัง แล้วยังทำลายชื่อเสียงของฉันกับหวาไฉ่อยู่หลายครั้งหลายหน”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ความเศร้าโศกก็ปรากฏบนใบหน้าของเจิ้งซื่อหลินทั้งสองคน แววตาพร่ามัว ถอนหายใจยาว
“เห็นแก่ท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ พวกเราถึงยอมเธอ เพียงแต่พออธิบายให้เธอฟังเธอกลับไม่ยอมฟังเลย เอาแต่จะโยนความผิดมาให้ฉัน วันนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ต้องเอาความจริงในตอนนั้นเผยแพร่สู่สาธารณะชนให้ได้”
ตานเหอเจิ้งที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ร่างกายสั่นเทิ้ม มือไม้ที่สั่นนั้นปัดป่ายไม่หยุด อ้าปากแต่กลับไม่มีเสียงพูด น้ำลายไหลย้อย
“อย่าดิ้น…”
หร่วนหวาไฉ่ก้มหน้าพูดกดเสียงเบาไม่กี่ประโยค แววตาแข็งกร้าว ตานเหอเจิ้งหัวใจหล่นวูบ นึกถึงหลานชายที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรในต่างประเทศ มีหรือที่เขาจะกล้าโต้แย้ง?
ความเศร้าโศกเวิ้งว้างทะลักขึ้นมาถึงขีดสุด!
กรรมตามสนองแล้ว!
ตอนนั้นเขาทำร้ายเพื่อน บัดนี้กลับโดนลูกศิษย์แว้งกัด ทำร้ายหลานชายตน!
น้ำตาซึมไหลริน คนอื่นต่างมองด้วยความไม่เข้าใจว่าร้องทำไม?
หร่วนหวาไฉ่ส่งสายตาเตือนเขาทีหนึ่ง เอ่ยด้วยโทสะ “คนที่ทำให้ท่านอาจารย์กับอาจารย์แม่ตายในตอนนั้นก็คือเขา คนทรยศต่ำช้าไร้ยางอายนี่ จดหมายใส่ร้ายนั่นก็เป็นเขาที่เขียน พวกเราได้แต่มองท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ถูกคนชั่วทำร้ายแต่กลับไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้เลย ปวดใจเหลือเกิน…”
ทั้งคู่ต่างกุมหน้าร้องไห้ ทุบอกชกหัวอย่างเจ็บปวด
เสียงร้องไห้ดูโศกเศร้า ผู้ที่ได้ยินต่างหลั่งน้ำตาเศร้าเสียใจ
บางคนที่ไม่รู้ความจริงก็ถูกหลอกจนหลงเชื่อเสียสนิท จิตใจจึงโอนเอนไปทางฝั่งหร่วนหวาไฉ่พวกนั้น คิดว่านั่นอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ
เหยียนซินหย่าโกรธจนร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด เหตุใดในโลกนี้ถึงยังมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้อยู่นะ?
เหมยเหมยด่าออกไปอย่างเหลืออด “พวกคุณพูดออกมาได้เต็มปากว่าคนที่ทำให้คุณตาคุณยายต้องตายคือตานเหอเจิ้ง แล้วทำไมพวกคุณถึงยังไหว้คนทรยศแบบนี้เป็นอาจารย์อีก? หรือว่านี่คือความเคารพที่พวกคุณมีต่อคุณตาของฉัน?”
ทันใดนั้นผู้คนต่างก็โอนเอนมาทางฝั่งจ้าวเหมยอีกครั้ง สายตาที่มองหร่วนหวาไฉ่และคนอื่นนั้นไร้ซึ่งความปราณี
เจิ้งซื่อหลินสองคนนั้นกลับไม่สะทกสะท้าน “เหตุที่ต้องกราบไหว้ตานเหอเจิ้งเป็นอาจารย์ เพียงแค่อยากจะหาหลักฐานว่าเขาเป็นคนใส่ร้ายท่านอาจารย์ เพื่อแก้แค้นแทนท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ หลายปีก่อนฉันก็อธิบายกับน้องเหยียนไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมเชื่อ อีกทั้งมักจะทำให้พวกเราต้องเสียชื่อเสียงตามสื่อต่าง ๆอีก…เฮ้อ…”
เหยียนซินหย่าโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เธอไม่เก่งเรื่องต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็เถียงสู้คนถ่อยต่ำช้าไร้ยางอายทั้งสองคนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แม่คะ อย่าโกรธตัวเองเลย พวกมันไม่มีจุดจบที่ดีแน่!” เหมยเหมยปลอบโยนพลางลูบไหล่เหยียนซินหย่า
เธอหายใจเข้าลึก ๆ ความไร้ยางอายของหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินนั้นมีมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ ตานเหอเจิ้งถูกสองคนนี้บงการเข้าให้แล้ว
ตอนนี้ทั้งสองคนต่างโยนความผิดทั้งหมดไปให้ตานเหอเจิ้ง หนำซ้ำยังแก้ต่างว่าทำไปเพื่อแก้แค้นแทนอาจารย์ โดยไม่ลังเลที่แบกรับความอับอายมาหลายปี แสร้งว่าเป็นลูกศิษย์ที่ดีที่อดทนต่อความอับอายนั่น
หากปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จล่ะก็ คุณตาคุณยายที่อยู่ใต้พสุธาคงไม่มีทางจิตใจสงบแน่
………………………………………………………………….
ตอนที่ 1525 ถ้ามีความสามารถจริงก็อย่ามุดออกมาจากท้องผู้หญิง
เหยียนซินหย่ากับพวกเจิ้งซื่อหลินต่างก็ยืนหยัดในคำพูดของตัวเอง ฟังดูก็ล้วนมีเหตุผล ทุกคนต่างก็ไม่รู้แน่ชัดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ตอนนี้จึงสับสนมึนงงไปหมด
คนส่วนมากคิดว่านี่เป็นเหตุการณ์เข้าใจผิด หนำซ้ำยังมีพวกคนดี อยากจะเคลียร์สถานการณ์ โดยหวังจะให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างเหยียนซินหย่ากับหร่วนหวาไฉ่คืนดีกัน
“เข้าใจผิดกันพอพูดให้กระจ่างเข้าใจแล้วก็ดี ความอยุติธรรมของตานชิงบัดนี้ได้ถูกลบล้างมลทินแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการส่งเสริมสำนักเหยียนให้เจริญรุ่งเรือง หลานซินหย่าอย่าโทษว่าฉันพูดจาไม่น่าฟังเลย ทุกวันนี้สำนักเหยียนถอยลงไปมาก เกรงว่าเธอคนเดียวต่อให้มีใจอยากทำแต่กำลังคงไม่ไหวหรอก!”
คนที่พูดเป็นผู้อาวุโสในวงการศิลปะแซ่อวี๋ อายุมากกว่าเหยียนตานชิงเล็กน้อย แต่ชื่อเสียงกลับไม่ได้โด่งดังเท่าเหยียนตานชิงเลย เพียงแต่ในวงการศิลปะให้ความสำคัญต่อลำดับความอาวุโส
เฉกเช่นนักวาดภาพอาวุโสอย่างเขา ฝีมือวาดภาพปานกลาง แค่อายุยืนยาวก็เพียงพอแล้ว
ช่วงเวลาที่หลงเหลืออยู่จึงเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้อบรมสั่งสอนผู้อื่น
เหมยเหมยแอบเยาะเย้ย พูดออกมามันดูง่าย เกรงว่าผู้เฒ่าอวี๋คงรวมหัวไปกับพวกหร่วนหวาไฉ่ตั้งแต่แรกแล้วสินะ?
เธอไมได้พูดอะไร ชักอยากจะเห็นว่าจะมีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดตัวไหนกระโดดออกมาอีก!
ผู้เฒ่าอวี๋เพิ่งพูดเสร็จ ชายชราอีกคนหนึ่งก็พูดเสริมต่อ สถานการณ์ไม่ต่างไปจากผู้เฒ่าอวี๋ ผู้อาวุโสนั้นแซ่สวี และยังเป็นคนแก่ที่อายุมากแต่ความสามารถน้อย อาศัยเพียงความชราของตนและโอ้อวดคุณสมบัติเก่า ๆอย่างได้ใจ
“คุณอวี๋พูดถูก สำนักเหยียนหวังพึ่งผู้หญิงคนเดียวอย่างซินหย่าไม่ได้แน่นอน ฉันเคยเกลี้ยกล่อมเธอครั้งหนึ่งแล้วว่าต้องใจกว้างเข้าไว้ คนเราไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย หวาไฉ่กับซื่อหลินมีศิษย์อยู่มากมาย ส่วนตัวแล้วก็ประสบความสำเร็จ ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างพวกเธอควรจะร่วมแรงร่วมใจร่วมมือกันทำให้สำนักเหยียนรุ่งเรือง อย่าได้ปล่อยให้ความพยายามของตานชิงต้องสูญเปล่า!”
ผู้เฒ่าสวีพูดเกินจริงยิ่งกว่า แค่ไม่ได้พูดเรื่องที่สำนักเหยียนด้อยลงอย่างชัดเจนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเหยียนซินหย่าใจแคบเกินไป ไม่มีความผ่อนปรนต่อกันเสียเลย
เหมยเหมยเอ่ยเยาะเย้ย “ผู้อาวุโสท่านนี้ช่างพูดไม่คิดเอาเสียเลย ความแค้นที่ฆ่าพ่อแม่ตนคงมิอาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้หรอก หรือท่านผู้อาวุโสสามารถจับมือคืนดีกับฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเองได้งั้นสิ? เช่นนั้นคุณก็คงจะเป็นคนที่มีความอดทนมากจริง ๆ ใจกว้างเปรียบดั่งมหาสมุทร ฉันยังเทียบไม่ติดเลยค่ะ!”
“พรืด”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนหลุดเสียงขำออกมา ดาวมหาวิทยาลัยช่างปากคอเราะรายนัก ได้ยินแล้วช่างสะใจจริง ๆ!
ผู้เฒ่าสวีได้ยินดังนั้นจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าว่า “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอจะรู้อะไร ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ซินหย่าเธอคงต้องอบรมสั่งสอนแล้วล่ะ ผู้ใหญ่คุยกันใช่เวลาที่เด็กอย่างเธอจะพูดแทรกได้เหรอ?”
เหยียนซินหย่ากลับมาเป็นปกติแล้ว เอ่ยพูดอย่างเรียบเฉย “ที่ลูกสาวฉันพูดคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูด หากว่าไม่เข้าหูคุณ ก็เชิญตามสบายค่ะ”
“เธอ…ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่น…เหอะ ไม่แปลกเลยที่สำนักเหยียนตกอับมาจนถึงทุกวันนี้” ผู้เฒ่าสวีแสดงสีหน้าบึ้งตึง
เหมยเหมยเยาะเย้ยกลับ “ต่อให้สำนักเหยียนของเราจะตกอับ แต่ก็แกร่งกว่าบางคนที่ไม่มีชื่อเสียงไม่มีสำนักเป็นของตัวเอง อีกอย่างใครบอกว่าสำนักเหยียนตกอับกันคะ? ภาพวาดของแม่ฉันมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ เป็นที่แกร่งแย่งในระดับสากล ปัจจุบันผลงานที่เป็นที่นิยมมากกว่าของแม่ฉันในวงการศิลปะของฮวาเซี่ยเกรงว่าจะมีไม่เท่าไรนะคะ!”
“เหอะ ก็แค่ผู้หญิง จะทำอะไรที่มีชื่อเสียงได้!”
ผู้เฒ่าสวีหัวเราะเย้ยหยัน ใบหน้าฉายแววดูถูก
คนที่มีความคิดเช่นเดียวกับเขามีจำนวนไม่น้อยเลย คนส่วนใหญ่ต่างพากันพยักหน้า พวกเขาเพียงแค่ไม่ได้เอ่ยออกมาเท่านั้น ในใจต้องคิดเช่นเดียวกันแน่
“หรือว่าท่านผู้อาวุโสเกิดออกมาจากก้อนหินเหรอคะ? หรือดูถูกผู้หญิง?
คุณดูถูกผู้หญิงถึงขนาดนี้ ถ้าเก่งมากนักก็อย่ามุดออกมาจากท้องผู้หญิง อย่ากินนมของผู้หญิง อย่าให้ผู้หญิงคลอดลูกแล้วอบรมเลี้ยงดูลูกสิ!”
เหมยเหมยได้ยินจึงเกิดโทสะ สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือโรคมะเร็งผู้ชาย[1]
ดูถูกผู้หญิงแต่ทุกเรื่องก็ไม่พ้นผู้หญิง แม่เจ้า เก่งมากก็ไปเป็นเทพเถอะ!
……………………………………………………………………….
[1] คำแสลง บ่งบอกว่าชายถือยึดมั่นถือมั่นว่าตนนั้นเป็นใหญ่