ตอนที่ 1938 ข้าเป็นอาจารย์ลุงของเจ้าใช่หรือไม่

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1938 ข้าเป็นอาจารย์ลุงของเจ้าใช่หรือไม่

 

“ข้าน่ะรึ?” หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ก็บอกไปแล้วว่าข้าคือผู้อาวุโสของเจ้า”

 

คําพูดนี้ทําให้โม่ซวงไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาอุตส่าห์เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหลิงฮันได้แล้ว แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงยังยั่วยุเขาอยู่อีกกัน?

 

“ข้ากล่าวไม่ผิดใช่ไหม ศิษย์หลานเผิง” หลิงฮันยิ้มพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังเผิงฮวาเหนียน

 

ว่าไงนะ!

 

ทุกคนตกตะลึงและมองไปที่เผิงฮวาเหนียน ถึงแม้พลังของจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณจะไม่นับไม่อันใดสําหรับรุ่นเยาว์เหล่านี้ เนื่องจากอีกไม่นานพวกเขาก็จะบรรลุแบ่งแยกวิญญาณแล้ว แต่สิ่งที่ทําให้พวกเขาเคารพต่อเผิงฮวาเหนียน 

ก็เพราะสถานะนักปรุงยาสามดาว

 

นักปรุงยาคือตัวตนที่ทรงเกียรติ โดยที่นักปรุงยาระดับสามดาวนั้น สามารถมีสถานะเทียบชั้นได้กับตัวตนระดับตําหนักอมตะ

 

ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่หลิงฮันกลับเรียกเผิงฮวาเหนียนว่าศิษย์หลาน

 

ทุกคนรู้ดีว่าเผิงฮวาเหนียนคือศิษย์ของจูเฟิง หากเผิงฮวาเหนียนเป็นศิษย์หลานของหลิงฮันจริง นั่นก็หมายความว่าหลิงฮันกับจูเฟิงนั้นมีความอาวุโสเท่าเทียมกัน

 

แต่เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้งั้นรึ?

 

เพียงในชั่วเวลาพริบตาเดียว สายตาของทุกคนก็จ้องมองเข้าหาเผิงฮวาเหนียนเพื่อรอคําตอบ

 

เผิงฮวาเหนียนรู้สึกกระอักกระอ่วน บนใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยสีแดงของความอับอาย

 

หากเขากล้ากล่าวความเท็จออกไปต่อหน้าผู้คน และปรมาจารย์จูเฟิงรู้เข้าล่ะก็ อีกฝ่ายจะต้องฆ่าเขาแน่!

 

เผิงฮวาเหนียนกัดฟันและกล่าว “อาจารย์ลุงน้อยกล่าวไม่ผิด”

 

ครืนน!

 

จิตใจของทุกคนสั่นไหวด้วยความตกตะลึง หลิงฮันเป็นอาจารย์ลุงของเผิงฮวาเหนียนจริงๆ ด้วย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

 

โม่ซวงที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ทั้งเกิดความรู้สึกขอบคุณและเกรี้ยวกราดขึ้นพร้อมกัน

 

ความรู้สึกขอบคุณนั้นแน่นอนว่าเป็นความรู้สึกที่มีต่อหลิงฮัน อีกฝ่ายเป็นถึงอาจารย์ปูของเขา แต่กลับไม่เกรี้ยวกราดใดๆ เลยแม้แต่น้อยที่ถูกเขาล่วงเกิน ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังเป็นจักรพรรดิใน ระดับห้านิพพานที่สามารถโค่นเขาลงได้ในหนึ่งกระบวนท่าอีกด้วย

 

ต่อให้เขาถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ก็รับประกันได้เลยว่าตระกูลโม่ย่อมไม่ลงมือทํา อะไรแน่ๆ เพราะใครใช้ให้เขาไปล่วงเกินรุ่นเยาว์ที่เป็นถึงศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิงก่อนกัน? หากคิดจะเอาความจริงๆ เขาคือคนที่สมควรตายเสียด้วยซ้ำ

 

และแน่นอนว่าความรู้สึกเกรี้ยวกราดนั้น ก็เป็นความรู้สึกที่มีต่อเผิงฮวาเหนียน

 

เฒ่าชราผู้นี้รู้สถานะของหลิงฮันอยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังจงใจยั่วยุให้เขาลงมือ

 

“ท่านอาจารย์ปู ข้าจะพาท่านเดินชมเมืองเอง” โม่ชวงรีบเอ่ยกล่าวขึ้นมา โดยที่ไม่แม้แต่ชําเลืองมองเผิงฮวาเหนียน

 

ไม่ว่าอย่างไรสถานะนักปรุงยาของเขาก็เป็นเพียงเครื่องประดับเท่านั้น และไม่ได้คิดจะจริงจังกับการฝึกฝนศาสตร์ปรุงยาในอนาคต หรือต่อให้มุ่งมั่นฝึกฝนจริงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่ทั่วทั้งชีวิตนี้ เขาจะบรรลุเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้สําเร็จ

 

เพราะงั้นเหตุผลที่เขาเคารพเผิงฮวาเหนียนก็เพราะสถานะนักปรุงยาสามดาวเท่านั้น เขาไม่ได้ คิดจะเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยาใดๆ จากอีกฝ่าย

 

เมื่อถูกเผิงฮวาเหนียนหลอกเช่นนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกโกรธ

 

หลิงฮันมองไปยังเผิงฮวาเหนียน ก่อนจะล้มเลิกความคิดที่จะทุบตีอีกฝ่ายทิ้งไป และกล่าวกับโม่ซวง “ตกลง ข้าคงต้องรบคนพื้นที่เช่นเจ้าแล้ว”

 

“ไม่ต้องคิดมาก ข้ายินดีจะช่วยเหลืออาจารย์ปู่ของข้าอยู่แล้ว!” โม่ซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

การกระทําของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการเอาใจหลิงฮัน

 

ที่เขาทําแบบนี้ไม่ใช่เพราะความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อหลิงฮัน แต่เป็นเพราะหลิงฮันคือศิษย์น้องของปรมจารย์จูเฟิง สายสัมพันธ์นี้เป็นสิ่งที่น่ายำเกรงจนน่าเหลือเชื่อ ถ้าหากประมุขตระกูลโม่อยู่ที่นี่ อีกฝ่ายจะต้องเห็นด้วยแน่นอนที่เขาจะสร้างความสัมพันธ์เพื่อเป็นสหายกับหลิงฮัน

 

หลิงฮันพยักหน้า “เจ้าไม่จําเป็นต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ปู่ เรียกแค่ชื่อของข้าก็พอ” เขาสามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักปรุงยาที่แท้จริง

 

ที่จริงโม่ซก็ไม่ได้ต้องการเรียกหลิงฮันว่าอาจารย์ปู่อยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็มีความสุขขึ้นมาทันที “ถ้างั้นข้าขอเรียกท่านว่าพี่ชายหลิงได้หรือไม่”

 

“แน่นอน”

 

“พี่ชายหลิง พวกข้าก็ขอตามท่านไปด้วย” หานเทาและคนอื่นๆ กล่าว พวกเขาไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่เห็นค่าของการสร้างสายสัมพันธ์กับหลิงฮัน เพราะงั้นมีรีที่พวกเขาจะยอมปล่อยให้โม่ซวง คว้าโอกาสนี้ไปคนเดียว?

 

กลุ่มรุ่นเยาว์เดินจากไปพร้อมกับหลิงฮัน และเหลือทิ้งไว้เพียงเผิงฮวาเหนียนและดูห่าวหมิงที่ใบหน้ามืดมน

 

“อืม!” เผิงฮวาเหนียนกําหมัดแน่นและหันหลังเดินจากไป ความโกรธของเขาปะทุจนถึงขีดสุดแล้ว

 

เพียงแต่คนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อันที่ต่ำช้า กล้าที่อย่างไรมาทําให้เขาอับอายกัน ไม่มีทาง เด็ดขาดที่เขาจะปล่อยหลิงฮันไปง่ายๆ

 

รอก่อนเถอะ… ที่แห่งนี้คือเมืองผนึกแปรผัน คนที่ไม่มีรากฐานอยู่ที่นี่เช่นเจ้า มีโชคชะตาที่จะต้องถูกเขากดขี่เท่านั้น

 

ระยะเวลาของงานฉลองคืออีกหนึ่งเดือน ยังเหลือเวลาให้เขาเล่นกับหลิงฮันอีกมาก

 

เมื่อเห็นเผิงฮวาเหนียนจากไป ลูห่าวเฟิงก็หันหลังและเดินจากไปในอีกทิศทางหนึ่ง

 

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปล่อยหลิงฮันไปง่ายๆ เช่นกัน เขาไม่จําเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากใครอื่น เพราะตระกูลลูนั้นมีปรมาจารย์ระดับแบ่งแยกวิญญาณอยู่มากมาย ต่อให้หลิงฮันเป็นนิรันดร์ห้านิพพาน อีกฝ่ายก็สามารถต่อกรกับจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยางเท่านั้น หากเขาไป พาจอมยุทธระดับตัดวิญญาณหยินมา มีรึที่จะกําราบหลิงฮันไม่ได้?

 

รอก่อนเถอะ

 

ด้วยการนําทางของโม่ซวงและคนอื่นๆ หลิงฮันไปมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองผนึกแปรผัน

 

ที่นี่ไม่เหมือนกับเมืองวิถีโอสถ เมืองผนึกแปรผันมีผังเมืองอยู่ชั้นเดียว แต่มีอาณาเขตที่กว้างข วางอย่างมาก อย่าว่าแต่สิบวันหรือครึ่งเดือนเลย เกรงว่าต่อให้เป็นระยะเวลาครึ่งเดือนหรือหลายปีก็ไม่สามารถเดินทางได้ทั่วทุกมุมของเมือง

 

ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงทําได้เพียงเดินเตร็ดเตร่ เพื่อให้รู้ข้อมูลคร่าวๆของเมืองนี้เท่านั้น และแน่นอนว่าเมืองแห่งนี้ย่อมมีค่ายกลอาคมเคลื่อนย้ายอยู่ด้วย ตราบใดที่มีศิลาดวงดาวมากพอ ก็สามารถเดินทางไปยังตําแหน่งที่ต้องการได้

 

หลังจากเปิดหูเปิดตาอยู่หนึ่งวัน หลิงฮันก็ได้รับการเชิญชวนให้ไปพักอาศัยอยู่ในตระกูลโม่ แน่ นอนว่าห้องที่เขาได้รับคือห้องมีหรูหราที่สุดที่ไม่เพียงมีศิลาดวงดาวกองพะเนินเอาไว้ให้ใช้ได้ตา มต้องการ แต่ยังมีห้องบ่มเพาะกาลเวลาอีกด้วย

 

ห้องพักเช่นนี้ ตระกูลโม่จะเปิดให้ใช้กับแขกที่พิเศษมากอย่างตัวตนระดับราชานิรันดร์ หรือปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้เท่านั้น การที่หลิงอันได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น แสดงให้ เห็นว่าตระกูลโม่ให้ความสําคัญกับเขาขนาดไหน

 

ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับวันวานอันเพลิดเพลิน จู่ๆ โม่ซวงก็วิ่งเข้ามา “พี่ชายหลิง! พี่ชายหลิง”

 

“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นรึ?” หลิงฮันกําลังชงชาอยู่กับจักรพรรดินีและอื่นๆ ชีวิตนั้นนอกจากการบ่มเพาะพลังแล้ว หากมีเวลาได้พักผ่อนก็ต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่

 

“เย็นวันนี้จะมีงานชุมนุมที่ถูกจัดขึ้นโดยผู้สืบทอดหลิว ท่านสนใจไปชมหรือไม่?” โม่ซวงกล่าวด้วยสีหน่าตื่นเต้น

 

หลิวเจี้ย…. เขาคือผู้สืบทอดของนิกายผู้หยุนที่ราชานิรันดร์ผู้หยุนเป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งหลิวเจี้ยผู้นี้นั้นได้บรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่านิกายผู้หยุนจะมีผู้สืบทอดอยู่อีกสิบสามคน แต่ทุกคนก็ล้วนแต่ถูกรัศมีของหลิวเจี๊ยบดบังมิด

 

ไม่มีใครคิดว่าผู้สืบทอดคนใดจะสามารถทัดเทียมกับหลิวเจี้ยในอนาคตได้