ตอนที่ 1356: เซียนจักรพรรดิที่อ่อนแอ (3)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1356: เซียนจักรพรรดิที่อ่อนแอ (3)

” ช่างสมกับเป็นเจี้ยนเฉินที่หยิ่งยโสเสียจริง ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าใครจะช่วยเจ้าวันนี้” แลงคีรอสพูดอย่างเยือกเย็น ความอาฆาตเต็มไปในดวงตาของเขาขณะที่เขาเคลื่อนไปหาเจี้ยนเฉิน เขาปรากฏตัวต่อหน้าเจี้ยนเฉินโดยการเดินข้ามหลายร้อยเมตรด้วยการเคลื่อนที่เพียงก้าวเดียวและฟาดฝ่ามือของเขาไปที่หัวของ เจี้ยนเฉิน ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยพลังงานมากมายที่สั่นสะเทือนมิติที่อยู่รอบ ๆ ทำให้มันเกิดรอยแตกร้าว

ในขณะเดียวกัน มิติรอบ ๆ ก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน แลงคีรอสได้ใช้พลังแล้วก่อนหน้านี้เพื่อจับเจี้ยนเฉินเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เขาหนี

แลงคีรอสโจมตีออกไปอย่างสุดแรงเพื่อพยายามปลิดชีพเจี้ยนเฉินในการโจมตีเพียงครั้งเดียวและจะได้จบปัญหาทั้งหมดในอนาคต ความเป็นปรปักษ์กับเจี้ยนเฉินนั้นอยู่ในจุดที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้แล้ว ถ้าเขาปล่อยให้เจี้ยนเฉินพัฒนาต่อไป มันคงจะมีสักวันหนึ่งที่เขาจะมีพลังเหนือกว่า และเมื่อถึงวันนั้น มันคงเป็นวันที่ชีวิตของเขาจบลง

แลงคีรอสลืมไปสนิทเกี่ยวกับจิตวิญญาณม่านพลังเมืองทหารรับจ้าง เขาตระหนักว่ารุยจินและคนอื่นอีกสองคนไม่ได้อยู่ด้วย ดังนั้นการกำจัดเจี้ยนเฉินในตอนนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าช่วงเวลาไหนๆ เขายังไม่สนใจแม้แต่อาวุธที่ทรงพลังนั้น

เมื่อเจี้ยนเฉินต้องการโจมตีกลับ แสงสีขาวก็ปรากฏออกมาทันที ซ่างเฉียงได้เข้าไปที่มิติที่ถูกแช่แข็งโดยแลงคีรอสและปรากฏตัวต่อหน้าเจี้ยนเฉิน ด้วยคลื่นจากแขนเสื้อของเขา เขาตอบสนองต่อการโจมตีของจักรพรรดิเสือด้วยการโจมตีมือเปล่าเช่นกัน ขัดขวางการโจมตีเจี้ยนเฉิน

การปะทะระหว่างเซียนจักรพรรดิทั้งสองส่งผลทันทีเป็นการระเบิดของพลังมหาศาล มิติรอบ ๆ กว่า 1000 เมตรสั่นสะเทือนและแตกแยกเป็นความมืด ภูเขาไฟทั้งหมดในรัศมีหลายกิโลเมตรพังทลายลงมา ลาวาพุ่งขึ้นไปบนอากาศเหมือนกับน้ำพุ ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีแดงและตกลงมาเป็นฝนลาวา

เซียนราชาทั้งหมดในระยะไกลต่างพากันถอย เพียงแค่แรงสั่นสะเทือนของพลังงานจากการต่อสู้ระหว่างเซียนจักรพรรดิก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้แล้ว พวกเขาไม่อยากจะทนทุกข์จากบางสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก

เจี้ยนเฉินที่กำลังยืนอยู่บนภูเขาไฟไม่ได้เปลี่ยนท่าทีใด ๆ เขาใช้แสงของเขาเพื่อปกป้องตัวเขาเอง ขณะที่เขาถอยเข้าไปในอากาศ เขาจ้องมองไปที่ซ่างเฉียงด้วยความแปลกใจ พวกเขาทั้ง 2 ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน ดังนั้นเขาจึงแปลกใจว่าทำไมซ่างเฉียงถึงได้เข้ามาหยุดจักรพรรดิเสือเพื่อเขา

จากไกล ๆ สายตาของไคเซอร์หรี่แคบลง เขาจ้องมองไปที่ซ่างเฉียง ขณะที่ความอาฆาตปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

ซ่างเฉียงยืนอยู่กับที่ขณะที่ผมสีเงินของเขาปลิวไปกับลมและหันหลังให้กับเจี้ยนเฉิน ผ้าคลุมของเขาปลิวไปตามสายลมเพราะแรงสั่นสะเทือนของพลังงาน สีหน้าของเขานิ่ง ไม่มีแม้แต่ความโศกเศร้าหรือความดีใจ

ความซับซ้อนของจักรพรรดิเสือน่ากลัวขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างเยือกเย็น ” ซ่างเฉียง เจ้าต้องการจะทำอะไรกัน ? ”

” จักรพรรดิเสือ เรา 4 เผ่าพันธุ์กำลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่สามารถทำให้เราสูญพันธุ์ได้ เรื่องในตอนนี้คือหยุดโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เราต้องไม่สู้กันและทำให้ภายในปั่นป่วน นั่นมันส่งผลเพียงทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเราอ่อนแอลง ในเวลาเดียวกัน ความสามารถของเจี้ยนเฉินก็ไม่ธรรมดา สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความเป็นจริงแล้ว เขาจะกลายเป็นเซียนจักรพรรดิโดยไม่ช้า และนี่จะเพิ่มพลังเราในการป้องกันจากการรุกรานได้ นี่เป็นเรื่องดีสำหรับเผ่าพันธุ์ทั้ง 4 ของเรา ดังนั้นเราควรปล่อยเรื่องที่เกิดในอดีตผ่านไปซะ” ซ่างเฉียงตอบอย่างใจเย็น

จักรพรรดิเสือไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว เขาถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ซ่างเฉียง เจ้ายังจะยืนกรานที่จะปกป้องเขางั้นเหรอ ? ” แลงคีรอสตัดสินใจที่จะฆ่าเจี้ยนเฉิน เขารู้ว่าความสามารถของเจี้ยนเฉินนั้นน่าประทับใจ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงไม่อยากให้เจี้ยนเฉินกลายเป็นเซียนจักรพรรดิ การก้าวข้ามผ่านเช่นนั้นก็บอกเป็นนัย ๆ แล้วว่าจุดจบของเขามาถึงแล้ว

“ข้ากำลังพิจารณาเรื่องที่ดีกว่า” ซ่างเฉียงพูดอย่างเข้มงวด

ความประทับใจของเจี้ยนเฉินต่อซ่างเฉียงเปลี่ยนไปทันที เขายังคงจำได้ว่าเขาไม่เคยเข้าไปมีส่วนร่วมกับ แลงคีรอสและไคเซอร์ที่มาหาเขาหลายครั้งได้เลย แม้แต่ในการต่อสู้เพื่อผลไม้เซียนก็ตาม ถึงกระนั้นตอนนี้ เขาวิ่งเข้ามาเสี่ยงในการต่อต้านเซียนจักรพรรดิทั้งสองที่กำลังพูดกับเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินประทับใจซ่างเฉียงมากตอนนี้

ทันใดนั้น แรงกดดันมากมายได้คลุมไปทั่วจากข้างบน เมื่อเห็นว่าแลงคีรอสถูกหยุดโดยซ่างเฉียง ไคเซอร์ก็โจมตีออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว มือขวาของเขาได้รับบาดเจ็บจากกระบี่ ดังนั้นเขาจึงใช้มือซ้ายแทน มือของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บที่ทรงพลัง แทงไปที่กลางกระหม่อมของเจี้ยนเฉิ ด้วยความเร็วแสง

ซ่างเฉียงกดดันมาก เขาไม่สามารถหยุดเซียนจักรพรรดิทั้งสองด้วยตัวของเขาเองได้ เมื่อเขาต้องการพาเจี้ยนเฉินหนีไปด้วยความเร็วสูงสุดของเขา แลงคีรอสก็โจมตีเขา ขัดขวางเขาจากการช่วยเหลือเจี้ยนเฉิน

สัตว์อสูรระดับ 9 ได้เคลื่อนตัวออกมาจากสมบัติ ดังนั้นเซียนราชาจึงเคลื่อนที่ได้ พวกมันเพิกเฉยต่อการต่อสู้ระหว่างเซียนจักรพรรดิและไปที่กระบี่ พวกมันทั้งหมดล้อมรอบกระบี่เอาไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีมันตัวไหนกล้าสัมผัสกับอาวุธเลย พวกมันพยายามหลายวิธีเพื่อสยบกระบี่แทนและบางตัวก็พยายามหยดเลือดของมันลงกระบี่

“อ๊ากก ! ” เสียงร้องน่าพิศวงร้องออกมา เซียนราชาพยายามหลอมรวมวิญญาณเข้าไปที่กระบี่ แต่มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด มันทำร้ายดวงวิญญาณของพวกมันจนทำให้มันหน้าซีด

แสงขาวสว่างบีบอัดในมือขวาของเจี้ยนเฉิน มันแผ่ ปราณกระบี่ออกมาขณะที่เขาแทงไปที่กรงเล็บของไคเซอร์

ติ้ง !

กรงเล็บทนทานมาก ๆ เมื่อปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินปะทะกับมัน เสียงเสียดสีของเหล็กดังขึ้น หลังจากนั้นละอองแสงเลือดสีแดงพุ่งไปบนอากาศ ละอองแสงเลือดพุ่งออกมาพร้อมกับพลังงานที่ทรงพลัง

ไคเซอร์สั่นอย่างเจ็บปวดขณะที่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มือซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บโดยเจี้ยนเฉิน ทำให้เห็นบาดแผลที่ลึกจนถึงกระดูกบนนิ้วหนึ่งของเขา ซึ่งทำให้เขาตกใจอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นสัตว์อสูรระดับ 9 และรูปร่างเดิมของเขากลายพันธุ์มาจากหนอนปฐพี ทั้งพลังการต่อสู้และการป้องกันของเขาทรงพลังกว่าสัตว์อสูรตัวอื่นๆในระดับเดียวกับเขา

“เจ้าใช้อะไรกัน ? ” ไคเซอร์ถามเสียงหนัก เขาสามารถบอกได้เพียงการมองเพียงครั้งเดียวว่าเจี้ยนเฉินยังไม่ใช่เซียนจักรพรรดิ เหตุผลที่เจี้ยนเฉินทำร้ายเขาได้ ทั้งหมดเป็นเพราะแสงสีขาวนั่น

เขาไม่เคยเห็นพลังที่ทรงพลังและแปลกแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่ดูคุ้น ๆ เกี่ยวกับมัน มันดูเหมือนกับปราณกระบี่ แต่มันไม่ใช่

“วิถีแห่งกระบี่” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์และสีหน้าของเขาก็ซีดมากกว่าเดิม หลังจากนั้น ด้วยการสัญญาณเพียงครั้งเดียว กระบี่ทั้งสองที่เพิ่งถูกตีขึ้นก็บินลงมา พวกมันปรากฏข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ติดเข้ากับหลังของเขาไขว้กัน

เจี้ยนเฉินดึงกระบี่จือหยิงจากหลังของเขาและถ่ายเทพลังโกลาหลลงไปที่มัน ทำให้มันปะทุแสงสีม่วงออกมา แสงนั้นหุ้มเจี้ยนเฉินเอาไว้แต่มันไม่ทำอันตรายเขาแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนรวมถึงเซียนจักรพรรดิและเซียนราชาที่พยายามจะเอากระบี่มา ต่างพากันตะลึง สีหน้าของพวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ดวงตาของไคเซอร์ แลงคีรอสและมารราคะเกือบจะหลุดออกมา พวกเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังของกระบี่ทั้งสอง มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเซียนจักรพรรดิที่จะปราบพวกมัน และถ้าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตดั้งเดิมไม่ปรากฏ ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรกับกระบี่นั้นได้เลย ถึงกระนั้นตอนนี้กระบี่ทั้งสองอนุญาตให้ เจี้ยนเฉินใช้มันอย่างเชื่อง แสงทรงพลังจากกระบี่ที่แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ได้ทำอันตรายใด ๆ กับเจียนฉิน ทำให้พวกเขาไม่เชื่อ

พวกเขาเริ่มสงสัยว่าสายตาของพวกเขายังคงทำงานปกติดีอยู่หรือเปล่า

“เป็นไปได้อย่างไรกัน ? เจ้าสยบกระบี่ทั้งสองนั้นได้อย่างไร ? เจ้าทำยังไง ? ” มารราคะถามด้วยความตกใจ

“มันเป็นข้าเองที่ตีกระบี่พวกนี้ขึ้น ดังนั้นทำไมถึงพูดว่าสยบพวกมันกันล่ะ ? ” เจี้ยนเฉินตอบ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดเหมือนกับสายฟ้าฟาดใส่มารราคะ จักรพรรดิเสือ และไคเซอร์ พวกเขาทั้งหมดตะลึงจากความตกใจที่พวกเขารู้สึก

“มันเป็นเขาจริง ๆ ที่ตีกระบี่นี่ขึ้นมา ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในทวีปเทียนหยวน ข้า ราชาที่รุ่งโรจน์ของเหล่าคนแคระ ต้องถามเจ้าเกี่ยวกับวิธีการตีกระบี่นี้ ทันทีที่เราคนแคระเรียนรู้วิธีที่พิเศษนี้ไป มันจะกลายเป็นยุคประวัติศาสตร์ใหม่ ยุคใหม่ของช่างตีเหล็กจะถือกำเนิดขึ้น” แฮงค์พูดอย่างตื่นเต้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ของร้อยเผ่าพันธุ์ไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่รู้เบื้องหลังของเจี้ยนเฉิน แต่พวกเขารู้ว่าแทบจะไม่มีใครที่เป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้ถ้าเขาใช้กระบี่นี้

“เพียงแค่กระบี่โดยลำพังก็สามารถทำอันตรายต่อเซียนจักรพรรดิได้แล้ว ตอนนี้ มันคูณสองด้วยความแข็งแกร่งของชายหนุ่มนั่น ไม่มีใครที่จะสามารถชนะเขาลงได้ในโลกนี้ อาจจะเป็นไปได้สำหรับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งที่จะมีศัตรูที่คู่ควรกับเขา” ผู้เชี่ยวชาญสิบเอ็ดถอนหายใจ เธอสามารถรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวมากโดยเฉพาะตอนที่ใช้กระบี่

สมาชิกคนอื่น ๆ ของร้อยเผ่าพันธุ์พยักหน้าเงียบ ๆ และเห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญสิบเอ็ด

ทันใดนั้น เสียงก้องชัดเจนมาจากกระบี่ทำให้ทุกคนรับรู้ เสียงก้องยาวและดังไปทั่วรอบ ๆ กระบี่จือหยิงมีปราณกระบี่ไหลออกมาขณะที่มันเปล่งแสงสีม่วงซึ่งมันเพียงพอที่จะแข่งกับแสงของพระอาทิตย์และดวงจันทร์ได้เลย มันส่องสว่างให้เห็นทั่วสถานที่ ราวกับว่าโลกกลายเป็นสีม่วง

เจี้ยนเฉินโจมตีออกไป เขาใช้ทักษะมายาพริบตาและพุ่งไปที่ไคเซอร์ เขาแทงออกด้วยกระบี่จือหยิง มันยิงไปที่อกของไคเซอร์ ขณะที่เกิดชั้นแสงสีม่วงขึ้น

ช่วงที่เจี้ยนเฉินแทงออกไป เขาดูเหมือนจะหลอมรวมกับกระบี่ในมือของเขา เขากลายเป็นกระบี่และกระบี่ก็กลายเป็นเขา พวกเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกันและไม่สามารถแยกออกจากกันได้

สีหน้าของไคเซอร์เปลี่ยนไปทันที เขารู้พลังของกระบี่จือหยิงเป็นอย่างดี เขากลัวกระบี่นี้มาก ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าโจมตีกลับแม้แต่นิดเดียว เขาพยายามหลบแทน

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ามันได้ดักจับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาไม่สามารถหลบได้แม้ว่าเขาจะพยายามสักเท่าไหร่ หลังจากเจี้ยนเฉินหลอมรวมเข้ากับกระบี่ เขาก็เร็วมากกว่าทักษะมายาพริบตาเสียอีก เขากลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

ไคเซอร์ร้องออกมาด้วยความโกรธและแสงก็ปรากฏต่อหน้าเขา เขาพยายามแปลงเป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งมังกร และกวาดกรงเล็บเขาไปออกไปเช่นกัน

สัตว์อสูรแทบจะไม่ได้ใช้อาวุธหรือเกราะเลย และเช่นเดียวกัน ไคเซอร์ ร่างกายของเขาเป็นเกราะที่ดีที่สุด ขณะที่กรงเล็บของเขาเป็นอาวุธที่คมที่สุด

แสงสีม่วงแทงไปที่กรงเล็บของไคเซอร์ พวกมันล้มเหลวในการหยุดแสง พวกมันเปราะบางอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าแสงสีม่วงนี้ ชั้นแสงได้แทงไปที่กรงเล็บทั้งสองเหมือนกับมีดร้อนตัดผ่านเนย ก่อนที่ในที่สุดจะแทงไปที่อกของไคเซอร์ มันทิ้งไว้เพียงบาดแผลที่แทบจะไม่สามารถตรวจดูได้เลย

แสงสีม่วงไม่ได้หยุดแค่นั้น มันแทงต่อไปโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่นิดเดียว พุ่งไปที่แลงคีรอส และแทงเขาเช่นกัน มีเพียงรอยแผลตื้น ๆ ปรากฏบนอกของเขา

ไคเซอร์และแลงคีรอสตัวแข็งไปทันที ร่างกายส่วนบนของเขาถูกลดเหลือเพียงฝุ่น เผยให้เลือดที่ค่อย ๆ ไหลลงอย่างช้า ๆ