ตอนที่ 1357: โลกต้องตกตะลึง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1357: โลกต้องตกตะลึง

ไคเซอร์และจักรพรรดิเสือกลายเป็นแผ่นเนื้อสีขาว ในขณะที่เลือดของเขาไหลออกมาจากริมฝีปาก พวกเขานิ่งงันด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อ

ข้างหลังพวกเขาทั้งสอง แสงสีม่วงรอบ ๆ เจี้ยนเฉินหายไป เขายกกระบี่กระบี่ที่อยู่บนหลังของเขาขึ้นและมองไปที่พวกเขาทั้งสองคนพร้อมกับกระบี่ม่วงที่อยู่ในมือ ” ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าในวันนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อโลก สงครามระหว่างโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งกำลังจะเกิดขึ้น ถ้าเจ้าประพฤติดี ข้าจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป มิเช่นนั้นแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลอีกต่อไป”

ไคเซอร์และจักรพรรดิเสือยืนนิ่งงันโดยไม่เคลื่อนที่แม้แต่น้อย พวกเขาทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาได้หลุดลอยออกไปแล้ว ในช่วงที่แสงสีม่วงผ่านตัวพวกเขาไป อวัยวะของพวกเขาเหมือนถูกบดละเอียดในทันที พวกเขาเชื่อว่าเจี้ยนเฉินสามารถพรากวิญญาณของพวกเขาได้เช่นเดียวกันถ้าเขาต้องการทำเช่นนั้น

แสงสีม่วงนี้มันน่ากลัวเกินอย่างยิ่ง มันไม่จำเป็นต้องโจมตีวิญญาณของพวกเขาเลย ส่วนต่าง ๆ ของร่างจะพวกเขาก็เพียงพอที่จะทำลายวิญญาณของพวกเขาแล้ว

นี่เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีพลังพอที่จะหยุดการทำลายล้างของปราณกระบี่ม่วงได้

มารราคะซึ่งจ้องมองไคเซอร์และแลงคีรอสอยู่ไกล ๆ ถึงกับตะลึง ก่อนที่เขาจะขยี้ตาแรง ๆ เขาสังเกตอย่างละเอียดในทุก ๆ นิ้วของร่างกายพวกเขา ก่อนที่เขาจะหรี่ตาลง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปและออกไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้

เขาสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าจนไม่สามารถนับได้เมื่อเขาได้ครอบครองกระบี่พวกนั้น เขากลัวมาก ๆ และไม่กล้าจะเป็นศัตรูด้วย

กลุ่มของเซียนราชาก็ตะลึงเช่นกัน ที่จริงแล้ว เจี้ยนเฉินได้เอาชนะกับสองจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะทันทีและทำให้พวกเขาทั้งสองกลัวอีกด้วย ทั้งหมดนี้เหมือนกับฝัน มันยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

ซ่างเฉียงถึงกับพูดไม่ออกเช่นกัน เขาได้พาตัวเองเข้าไปหยุดจักรพรรดิเสือเมื่อจักรพรรดิเสือได้โจมตีเจี้ยนเฉินก่อนหน้านี้และช่วยเขาไว้ แต่เขาไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะออกมาเป็นเช่นนี้

ด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเลยแม้แต่นิดเดียว เขาสามารถฆ่าเซียนจักรพรรดิได้อย่างง่ายได้เหมือนกับฆ่ามด เขาทรงพลังจนไคเซอร์และแลงคีรอสก็ไม่สามารถต่อสู้กลับได้

ในตอนนั้น ซ่างเฉียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกับสิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นเพียงเรื่องตลก

“เฮ้ออ ” ซ่างเฉียงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสับสน เจี้ยนเฉินได้พัฒนาไปมากมายอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลที่เขามีแล้ว เจี้ยนเฉินยังไม่แม้แต่จะอายุ 50 ปีเลย

มีคนมากมายที่ยังไม่กลายเป็นเซียนปฐพีเมื่อพวกเขาอายุ 50 ปี บนทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะ ถึงกระนั้น เจี้ยนเฉินสามารถฆ่าเซียนจักรพรรดิได้อย่างง่ายดายโดยที่ยังไม่อายุ 50 ปี แม้แต่ในสมัยอดีตกาล ไม่มีใครเลยที่จะสามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วเช่นนั้น

ด้วยประกายแสงสีม่วง กระบี่จือหยิงได้หายไปจากมือของเจี้ยนเฉินและกลับไปที่หลังของเขา เจี้ยนเฉินมองไปที่ซ่างเฉียงและป้องมือ ” ข้าขอขอบคุณผู้อาวุโสซ่างเฉียงสำหรับการช่วยเหลือ ” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความซาบซึ้งจากก้นบึ้งของจิตใจ เขามองซ่างเฉียงแตกต่างจากกลุ่มเซียนจักรพรรดิทั้งหมดของทั้ง 2 ทวีป

ซ่างเฉียงยักไหล่และพูดด้วยท่าทีลดตัวลง ” ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องการความช่วยเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าพลาดไปก่อนหน้านี้และมันทำให้ข้าตื่นเต้นอย่างมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”

“ท่าทางของผู้อาวุโสเหมือนเป็นการดูถูกการชื่นชมของข้า ข้ายังคงมีเรื่องอื่นให้ต้องทำอยู่ ดังนั้นข้าไปก่อนละ อย่างไรตาม ข้าจะมาหาผู้อาวุโสอีกแน่นอนในอนาคต โชคดี” เจี้ยนเฉินป้องมือ เขาพูดอย่างจริงจัง

“หอคอยสัตว์เทวะของทวีปสัตว์เทวะสำคัญอย่างมากต่อพยัคฆ์ปีกเทวะ มีเพียงพยัคฆ์ปีกเทวะเท่านั้นที่สามารถเข้าไปที่ชั้นที่ 99 ได้ ว่ากันว่ามันได้ครอบครองโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่สำหรับพยัคฆ์ปีกเทวะเอาไว้ เจ้าต้องมาที่หอคอยสัตว์เทวะพร้อมกับพยัคฆ์ปีกเทวะเมื่อเจ้ามีเวลา และข้าจะให้เขาไปที่ชั้น 99 ” ซ่างเฉียงร้องขอ เขารู้ว่าเจี้ยนเฉินในตอนนี้มีความแข็งแกร่งที่จะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะเด็กหนุ่มไปที่หอคอยสัตว์เทวะได้

เจี้ยนเฉินล่ำลากับซ่างเฉียงและออกจากบริเวณภูเขาไฟไป เขากลับไปที่อาณาจักรทะเล

ไม่นาน ข่าวที่ว่าเจี้ยนเฉินได้เอาชนะเซียนจักรพรรดิทั้งสองของทวีปสัตว์เทวะในบริเวณเขตภูเขาไฟและยังทำให้มารราคะกลัวก็ได้กระจายออกไปทั่วทวีป ทั่วทวีปต่างตะลึงและแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์ทั้งสี่ถึงกับต้องร้องออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เจียงหยางซูเซียวและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงทันทีเมื่อพวกเขาได้รู้ข่าว อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์การต่อสู้นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เพียงแค่ในตอนที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดกลับมาที่เมืองทหารรับจ้างและเริ่มถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์จนทำให้พวกเขาต้องยอมรับข่าวอย่างลังเล

“ในโลก ถ้าเราต้องการถกเถียงว่าใครที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากขอบขเตดั้งเดิม แน่นอนว่าต้องเป็นเจี้ยนเฉิน ทันทีที่เขาปรากฏตัว ใครกล้าท้าทายเขาบ้าง ? แม้แต่เซียนจักรพรรดิที่แข็งแกร่งอย่างไคเซอร์และแลงคีรอสก็ไม่สามารถทนต่อการโจมตีของเขาได้”

“ในตอนนี้ กระบี่ทั้งสองเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ทันทีที่พวกมันปรากฏขึ้น แม้แต่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิของตระกูลผู้พิทักษ์ก็ยังเป็นรองมัน ”

เมืองทหารรับจ้างเริ่มวุ่นวายกับเรื่องนี้ เซียนราชารวมกลุ่มกันบนอากาศขณะที่พวกเขาพูดคุยเรื่องการต่อสู้ระหว่างเจี้ยนเฉิน ไคเซอร์และแลงคีรอสอย่างขะมักเขม้น

เจียงหยางซูเซียว เจียงหยางซูหยวนเซียวและเจียงหยางซูอวี้หยวน ยืนต่อหน้าโถงศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ในขณะที่รับฟังการพูดคุยรอบ ๆ พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นอย่างมาก ในฐานะบรรพบุรุษของเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกรุ่งโรจและภูมิใจอย่างมากกับหลานของพวกเขา เนื่องจากเขาได้ไปถึงระดับของการฝึกฝนที่สูงเช่นนี้

ไป๋หยุนเทียนและเจียงหยางป้าได้รับข่าวเช่นเดียวกันในตระกูลเจียงหยางของเมืองลอร์ ความปลื้มปิติและความสุขล้นไปทั่วอกของพวกเขา พวกเขาได้รับข่าวนี้จากเซียนผู้คุมกฎของสาขาซูผู้ที่อาศัยอยู่กับพื้นที่หวงห้าม ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องเท็จ

“เซียงเอ๋อ กลายเป็นเซียนจักรพรรดิแล้วหรือ ? ” ไป๋หยุนเทียนถามด้วยน้ำเสียงสั่น ดวงตาของนางมีน้ำตาแห่งความสุขไหลออกมา

“ข่าวที่น่าจกใจนี้ถูกนำมาโดยผู้อาวุโสสูงสุด ยินดีด้วย เจ้ามีลูกที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง” เซียนผู้คุมกฎยิ้มและตอบ ภายในพริบตา เซียนผู้คุมกฎปฏิบัติต่อคู่รักคู่นี้ด้วยท่าทีที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

เมืองอัคนีเต็มไปด้วยความยินดีเมื่อได้ยินข่าวนี้ โหยวเยว่และไป๋เหลียนอดไม่ได้ที่จะมีความสุขมากกว่าเดิม ในขณะที่ไป๋ไฮหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีอยู่บนท้องฟ้า

เจี้ยนเฉินไม่รู้เกี่ยวกับความวุ่นวายที่เขาได้ก่อขึ้นบนทวีปเทียนหยวน เขาได้กลับมาที่อาณาจักรทะเลแล้วตอนนี้และได้เข้าเก็บตัวอยู่ที่ภูเขาที่ปลีกแยกออกมา

จิตวิญญาณกระบี่ได้แยกจากกันหลังจากที่กระบี่ถูกตีและได้เข้าไปในกระบี่ ในอดีต เจี้ยนเฉินเกือบตายและจิตวิญญาณกระบี่ก็หลอมรวมเข้ากับเขาเพื่อช่วยวิญญาณที่แตกละเอียดของเขา ทำให้เขารอดชีวิตมาได้ จากนั้นผ่านไปนานและวิญญาณของเขาก็ยังคงถูกผูกกับจิตวิญญาณกระบี่ไว้

ตอนนี้จิตวิญญาณกระบี่ได้แยกจากวิญญาณของเขาแล้ว วิญญาณของเจี้ยนเฉินได้ทนทุกข์กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ร่างกายของเขาปกติดีแต่วิญญาณของเขาอ่อนแออย่างมาก ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

ในถ้ำที่มืดมิด เจี้ยนเฉินได้ส่องสว่างสถานที่นั้นด้วยไข่มุกราตรีและต้นไผ่สีม่วงมากมาย ต้นไผ่ปล่อยกลิ่นและควันออกมาพร้อมกับน้ำหอมบาง ๆ ซึ่งทำให้คนรู้สึกผ่อนคลาย

นี่คือไผ่จิตวิญญาณม่วงที่เขาได้รู้มาจากโลกจิ๋วหยานหวง น้ำหล่อเลี้ยงของต้นไผ่มีประโยชน์ในการฟื้นฟูวิญญาณเช่นเดียวกับทำให้ความแข็งแกร่งฟื้นฟู มันเป็นสมบัติที่ประเมินราคาไม่ได้ แม้แต่ในโลกอมตะก็ตาม

บาดแผลของวิญญาณไม่ง่ายที่จะรักษา เจี้ยนเฉินวางแผนว่าจะใช้ต้นไผ่นี้เพื่อจัดการกับวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บของเขา