บทที่ 2100 ผิดคาด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เซี่ยโห้วท่ารู้สึกบีบหัวใจ จ้องเหมียวอี้อยู่นานมาก สุดท้ายก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเหมียวอี้ต้องการตีฝีปากกับเขา คนที่อยู่ตรงหน้าคือหนิวโหย่วเต๋อ ไม่ใช่หยางชิ่ง เขาหลับตาลงช้าๆ แล้วกล่าวว่า “ตาแก่คนนี้แพ้แล้ว!” ในน้ำเสียงแฝงอารมณ์หดหู่อยู่ลึกๆ

และนี่ก็คือท่าทีที่เหมียวอี้ต้องการได้ยิน ตกต่ำจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังมาวางมาดสุขุมเยือกเย็นที่นี่อีก ทั้งยังใช้อุบายจะเสี้ยมหยางชิ่ง ไม่มีสำนึกของความพ่ายแพ้เลยสักนิด เหมียวอี้ต้องการให้เขาก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้ ต้องการให้เขารู้ว่า ไม่ว่าเจ้าจะเดิมพันอย่างไรก็คือแพ้  แพ้แล้วก็คือแพ้ ต่อให้เถียงชนะแต่ก็แพ้อยู่ดี!

“อืม!” เหมียวอี้เอียงหน้าบอกใบ้ เหยียนซิวเก็บเซี่ยโห้วท่าเอาไว้อีกครั้ง สำหรับเซี่ยโห้วท่าเขายังต้องขุดหาข้อมูลอีกสักพัก

ตอนนี้เฮยทั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนปวกเปียกอีกว่า “ท่านอ๋อง ต่อให้ครั้งนี้ข้าจะไม่ได้สร้างผลงานแต่ก็ลำบากทำงานนะ…” เขากำลังเตือนเหมียวอี้ว่าอย่าลืมให้ผลประโยชน์กับเขาสักหน่อย ไม่เจอกันหลายหมื่นปี เขาเองก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าพลังอำนาจบนตัวเหมียวอี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทำให้คนรู้สึกกดดัน เวลาพูดจะต้องระวังตัวขึ้นเยอะ

เหมียวอี้เหล่ตามอง “ข้าจะจดจำผลงานของเจ้าไว้ก่อน”

“…” เฮยทั่นเบะปาก พูดไม่ออก เกือบจะกลอกตามองบนแล้ว

เหมียวอี้ไม่สนใจเขา บอกกับหยางเจาชิงว่า “คลายผนึกให้พวกหวังเฟยเถอะ”

เรื่องนี้ทำให้เขาปวดประสาทนิดหน่อย เรื่องจับชู้รักที่สร้างขึ้นมา ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าทำให้คนทั้งใต้หล้ารู้แล้วหรือเปล่า ถึงแม้หลังจากจบเรื่องแล้วจะนำเหตุผลนี้มาใช้กักบริเวณพวกอวิ๋นจือชิวอย่างชอบธรรม แต่ก็ไม่สะดวกจะแก้ตัวว่านี่คือแผนชั่ว เพราะทะเลาะกันจนเสียหน้าหมดแล้ คาดว่าอีกไม่นานคนทั้งใต้หล้าก็จะรู้ว่าเขากลัวเมีย

แต่สำหรับเรื่องบางเรื่องแล้ว หน้าตาศักดิ์ศรีไม่ได้สำคัญ ถ้าเทียบกับการกำจัดสมาคมอาวุโส จับตัวเซี่ยโห้วท่าแล้ว เสียหน้านิดหน่อยก็คุ้ม รู้ถึงผลที่จะตามมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจทำเรื่องนี้

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับ แล้วไปจัดการทันที

ใช้เวลาไม่นาน อวิ๋นจือชิวก็กลับมาอย่างรีบร้อน บุกเข้ามาในห้องหนังสือของเหมียวอี้โดยตรง ใช้สองมือยันบนผิวโต๊ะ เบิกตากว้างถามอย่างตื่นเต้นดีใจ “ฟังจากที่เจาชิงบอก เรื่องนี้สำเร็จแล้วเหรอ?”

เหมียวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม “กำจัดสมาคมอาวุโสหมดแล้ว เซี่ยโห้วท่าถูกจับแต่โดยดี ไพ่ลับของตระกูลเซี่ยโห้วถูกกำจัดหมดในรวดเดียว!”

อวิ๋นจือชิวยืนขึ้นตบหน้าอกที่อิ่มเอิบแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เช่นนั้นก็ดี ดีแล้ว” ความรู้สึกยินดีปรีดาบนใบหน้ายากจะปิดบังไว้ นางย่อมรู้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไรสำหรับเหมียวอี้ ครองตระกูลเซี่ยโห้วได้ ก็ครองใต้หล้าได้!

เหมียวอี้เปลี่ยนมานั่งในท่าผ่อนคลาย เอนกายพิงเก้าอี้ แล้วพูดหยอกว่า  “น้องชิว ตอนนี้ยังคิดว่าข้าตัดสินใจผิดอยู่ไหม?”

อวิ๋นจือชิวชำเลืองมองท่าทางอวดดีของเขา แล้วพูดเหน็บแนมว่า “ย่อมไม่ผิดอยู่แล้ว หาข้ออ้างที่ดีขนาดนี้เพื่อเด็ดดอกไม้สดมาเชยชม ข้ายังเถียงไม่ออกเลย ทั้งยังต้องร่วมแสดงละครเพื่อให้เจ้าสมปรารถนาด้วย ตอนนี้เจ้าของภูมิใจมากสินะ?”

“…” เหมียวอี้พูดไม่ออกทันที ย่อมรู้ว่าดอกไม้สดที่บอกหมายถึงหมิงจู พอนึกถึงฉากจับชู้ ก็ไม่อยากนึกย้อนไปอีกแล้ว พลังอำนาจอ่อนลงสามส่วนทันที พึมพำว่า “ก็ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา”

“อะไรที่เรียกว่าไม่มีทางเลือก? งั้นข้าก็ต้องการเหตุผลที่ชัดเจนสักหน่อยแล้ว!” อวิ๋นจือชิวหันกลับมาบ่นทันที “เชียนเอ๋อร์ ถ่ายทอดคำสั่งข้า พาตัวหมิงจูเข้ามา!”

“ค่ะ!” เสียงตอบของเชียนเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก

เหมียวอี้ยืนขึ้นแล้ว ขมวดคิ้วถามว่า “นางเองก็ไร้ความผิด ทำไมเจ้าต้องกลั่นแกล้งนาง?”

“แหม!” อวิ๋นจือชิวเดินอ้อมมาตรงหน้าเขา ใช้นิ้วจิ้มหน้าอกเหมียวอี้สองที แล้วพูดจาแปลกๆ “ไม่ทันไรก็เป็นห่วงนางตัวดีนั่นแล้วเหรอ? ได้ ข้าจะไปโขกหน้าผากยอมรับผิดต่อนางให้ทุกคนได้เห็นเดี๋ยวนี้เลย!” พูดจบก็หันตัวเดินออกไป

เหมียวอี้ดึงแขนนางเอาไว้ ดึงกลับมาแล้วประสานมือคารวะซ้ำๆ “แม่ทูนหัวของข้า ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง เจ้าอย่าชวนทะเลาะเลยได้ไหม?”

อวิ๋นจือชิวถามด้วยสีหน้าดุร้าย “ยอมรับผิดแล้วจริงเหรอ?”

“ยอมรับผิดจากใจจริง!” เหมียวอี้พยักหน้า

อวิ๋นจือชิวถามเสียงเย็น “งั้นก็ให้ข้าจัดการนางตัวดีนั่นเป็นไง?”

“…” เหมียวอี้ปวดประสาท สุดท้ายก็แข็งใจบอกว่า: “ให้เจ้าจัดการเหรอ! แต่ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ อย่าทำเกินไปนัก ตอนนี้ทัพใต้อยู่ในช่วงสร้างระบบใหม่ จะให้ทหารที่ยอมแพ้พวกนั้นคิดว่าข้าข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนคิดไม่ซื่อปลุกปั่นเจ้าก็รู้ถึงผลที่ตามมา ไม่มีผลดีอะไรต่อเจ้าเหมือนกัน!”

อวิ๋นจือชิวหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที “หนิวเอ้อร์ หมายความว่ายังไง เพื่อผู้หญิงคนเดียวเจ้าถึงกับขู่ข้าเลยใช่ไหม? ข้าน่ะ แม้แต่ผู้ชายของตัวเองก็ใกล้จะโดนผู้หญิงคนอื่นยั่วเอาไปแล้ว ไม่มีทางใช้ชีวิตแบบนี้ได้หรอก ใครยังจำเป็นต้องแยแสผลกระทบอย่างอื่นด้วยเหรอ?” พูดจบก็หันหน้าเดินออกไป ทำท่าเหมือนจะเอาเรื่องให้ได้

“ข้า…” เหมียวอี้รีบดึงแขนนางอีกครั้ง ถอนหายใจแล้วบอกว่า “น้องชิว เลิกพาลหาเรื่องได้ไหม เจ้ามีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ ข้าให้เจ้าจัดการได้ตามใจ ตกลงไหม? ข้าก็แค่ให้เจ้าควบคุมผลกระทบ ข้าพูดผิดด้วยเหรอ? อ้อใช่ จะคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าสักหน่อย ครั้งนี้หยางชิ่งสร้างผลงานใหญ่ แล้วเอ่ยคำขอที่มากเกินไปด้วย”

อวิ๋นจือชิวหมดอารมณ์จะหาเรื่องทันที สะบัดแขนออกจากมือเขา แล้วถามด้วยสีหน้าระมัดระวัง “คำขอที่มากเกินไปอะไร?”

เมื่อเห็นว่าเบี่ยงเบนความสนใจของนางสำเร็จ เหมียวอี้ก็โล่งอกแล้ว ตอบว่า “ซูอวิ้น! หยางชิ่งบอกว่าชอบซูอวิ้น ต้องการให้ข้าช่วยให้สมปรารถนา…” แล้วก็เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ ทันที

ยังนึกว่าเรื่องสำคัญอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง อวิ๋นจือชิวปรายตามองเขาแวบหนึ่ง รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าเวรนี่กำลังเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ก็ไม่ได้เปิดโปงเช่นกัน ถือโอกาสหาบันไดลงเสียเลย ขมวดคิ้วบอกว่า “เกรงว่าเรื่องนี้ซูอวิ้นคงจะไม่ตอบตกลงง่ายๆ โอกาสน่ะข้าสร้างให้ได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ขึ้นอยู่กับหยางชิ่งแล้ว”

“หยางชิ่งสร้างผลงานใหญ่ขนาดนี้ ในเมื่อเอ่ยปากแล้ว คงไม่ดีถ้าข้าจะไม่รับปาก ซูอวิ้นอยู่ข้างกายเจ้าระยะยาว เจ้ารู้สถานการณ์ได้ง่าย พยายามสร้างโอกาสให้พวกเขาสักหน่อยแล้วกัน” เหมียวอี้กล่าว

“ข้าจะลองดูก็แล้วกัน” อวิ๋นจือชิวพยักหน้าเบาๆ

ผ่านไปไม่นาน ร่างของเชียนเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวอยู่ตรงประตูห้องหนังสือ นางทำความเคารพแล้วบอกว่า  “เหนียงเหนียง พาหมิงจูมาแล้วค่ะ”

อวิ๋นจือชิวไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหน้าเดินออกไปแล้ว

“…” เหมียวอี้พูดไม่ออก เพราะทั้งสองทำข้อตกลงกันไว้นานแล้ว ว่าอวิ๋นจือชิวมีอำนาจตัดสินใจเรื่องที่เรือนชั้นใน

เชียนเอ๋อร์ที่เดินตามออกไปด้วยหันมามองแวบหนึ่ง แล้วเม้มปากกลั้นขำ อย่าไปมองว่าท่านอ๋องมีอำนาจบารมี ฆ่าคนอย่างเด็ดเดี่ยวตอนอยู่ข้างนอก เพราะตอนอยู่ในบ้านมักถูกหวังเฟยจัดการจนเถียงไม่ออก แต่ถ้ามองจากบางมุม ผู้หญิงเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่าผู้ชาย เชียนเอ๋อร์เข้าใจความรู้สึกของอวิ๋นจือชิวมากกว่า ถึงได้แอบหัวเราะเยาะ

ความจริงแล้ว เรื่องที่อวิ๋นจือชิวจับชู้ส่งผลกระทบเยอะมากในจวนท่านอ๋อง คนทั้งระดับบนระดับล่างของจวนท่านอ๋องนับว่าได้รู้จักความร้ายกาจของหวังเฟยแล้ว มีผู้หญิงคนไหนของอ๋องสวรรค์กล้าทำอย่างนี้บ้าง? ต่อให้เป็นหวังเฟยท่านนั้นของอ๋องสวรรค์ก่วง ลองกล้าชักสีหน้าใส่ก่วงลิ่งกงดูสิ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจับชู้เลย

กลุ่มอนุภรรยาที่เข้ามาใหม่ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว ลับหลังด่าสาดเสียเทเสียทุกอย่าง แสดงความเหยียดหยามกับวิธีการที่อวิ๋นจือชิวใช้ครอบครองผู้ชาย พูดเหน็บแนมทุกอย่าง ทว่าก็ได้รับรู้ถึงความห้าวหาญของอวิ๋นจือชิวแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะอาละวาดท่านอ๋องผู้สง่าผ่าเผยจนหน้าม่อยคอตกท่ามกลางสายตาฝูงชน ในใจเกิดความเกรงกลัวอวิ๋นจือชิวแล้วจริงๆ

ในโถงหลัก หมิงจูสวมชุดสีขาวทั้งตัวยืนก้มหน้า บนศีรษะไม่สวมเครื่องประดับ สองมือประสานกัน ในใจรู้สึกกระวนกระวายมาก

ฉากที่อวิ๋นจือชิวเตะประตูบุกเข้ามาราวกับยังเกิดขึ้นตรงหน้า มีครั้งแรกก็ประสบกับเรื่องแบบนี้แล้ว เพียงพอที่จะทิ้ปมเอาไว้ในใจหมิงจู โดยเฉพาะรอยฝ่ามือที่อวิ๋นจือชิวประทับไว้บนหน้านางอย่างแรง โดนตบจนเหม่อไปเลย ทั้งยังถูกเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ลากลงมาจากเตียงทั้งที่ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าอีก ตอนนั้นหวาดกลัวสุดขีด เสียหน้าขนาดนั้น หลังจากจบเรื่องนางถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสาวใช้เรียกทหารยามให้มาช่วยทันเวลา ทั้งยังถูกสาวใช้เอาความเป็นความตายของคนในครอบครัวมาเกลี้ยกล่อม เกรงว่าในจวนท่านอ๋องคงต้องจัดงานศพแล้ว

สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนางก็ยิ่งวิตกกังวลไม่หยุด ภาพเหตุการณ์ยังติดตาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ พวกนางอยากจะขวางไว้แต่ก็ขวางไม่อยู่ ทั้งยังโดนเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ตบไปยกหนึ่งด้วย ตอนนี้หวังเฟยเรียกพวกนางมาอีก ไม่รู้ว่าจะสะสางบัญชีอะไรอีก อย่าบอกนะว่าต้องบีบให้พวกนางตายก่อนถึงจะพอใจ?

สาวใช้ทั้งสองรู้สึกว่าไม่คุ้มแทนหมิงจู คิดว่าตอนอยู่ที่บ้านคุณหนูเป็นที่รักและโปรดปรานสำหรับทุกคน ดีดฉิน เล่นหมากล้อม เขียนอักษร วาดภาพก็ล้วนเชี่ยวชาญ มีมารยาทและการศึกษามาตั้งแต่เด็ก อ่อนโยนเรียบร้อย หน้าตาก็นับว่างามล้ำเลิศ ไม่รู้ว่ามีผู้ชายมากมายขนาดไหนเฝ้าปรารถนา ไม่ว่าใครก็คิดว่าคุณหนูมีอนาคตไกล ในอนาคตจะต้องได้แต่งงานกับคนดีๆ แน่นอน ใครจะคิดว่าวันนี้จะตกต่ำถึงขั้นนี้

ในใจของทั้งสามเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและหวาดกลัว เหมือนเป็นเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง อยู่ที่นี่มีสิทธิ์แค่ให้คนอื่นโขกสับเท่านั้น หวังเฟยแตะต้องพวกนาง ทหารยามก็ไม่ยุ่ง ถ้าพวกนางกล้าขัดขืนหวังเฟย ทหารยามกลุ่มนั้นก็จะไม่เกรงใจพวกนางแล้ว

เสียงเครื่องประดับกระทบกัน อวิ๋นจือชิวเดินเนิบนาบออกมาจากโถงด้านหลัง ทั้งสามรีบทำความเคารพ “คำนับหวังเฟย!”

อวิ๋นจือชิวชำเลืองทั้งสามแวบหนึ่ง แล้วสายตาก็หยุดอยู่บนตัวหมิงจูที่กำลังก้มหน้า หลังจากเกิดเรื่องแล้วนางก็ให้ความสนใจและให้เหยียนซิวส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับหมิงจู พบว่าสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ด้านลักษณะนิสัยเหยียนซิวไม่สะดวกจะวิจารณ์มาก แต่อวิ๋นจือชิวกลับสั่งเหยียนซิวให้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่ตัวนางยังอยู่พิภพเล็กแล้ว เหยียนซิวประเมินหมิงจูเอาไว้ที่ ‘ระดับหนึ่ง’ นี่คือระดับหนึ่งที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ท่ามกลางอนุภรรยาพันกว่าคนที่เข้ามาใหม่ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาได้แล้ว

ถ้าพูดจากอีกมุม นางก็เตรียมจะไปสั่งสอนหยางเจาชิงสักหน่อย ยังต้องพูดอีกเหรอ หยางเจาชิงเตรียมผู้หญิงคนนี้ให้อย่างเหมาะเจาะแสดงว่าไม่ไร้เหตุผล จะต้องคัดสรรมาแล้วล่วงหน้าแน่นอน ช่างใส่ใจจริงๆ

“ได้ยินว่าเจ้าคิดจะฆ่าตัวตายเหรอ?” วิ๋นจือชิวจ้องหมิงจูพร้อมเอ่ยถามเสียงเรียบ

หมิงจูคุกเข่าทันที น้ำตาไหลพราก ใส่หน้าบอกว่า  “ผู้น้อยผิดไปแล้ว เหนียงเหนียงได้โปรดเมตตา!”

สาวใช้ก็คุกเข่าตามเช่นกัน หวาดกลัวจนตัวสั่น

“เฮ้อ!” อวิ๋นจือชิวถอนหายใจ แล้วน้องตัวประคองนางให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง ช่วยเช็ดน้ำตาให้นางแล้วบอกว่า “น้องหญิง เรื่องบางเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด และไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็นด้วย ท่านอ๋องเป็นคนที่ทำงานใหญ่ เรื่องบางเรื่องไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เจ้าจินตนาการ  ตอนนั้นที่ข้าทำแบบนั้นก็เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น ส่วนสาเหตุว่าทำไมต้องทำให้คนอื่นเห็น เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก และไม่ต้องถามด้วย และยิ่งไม่ต้องบอกให้ภายนอกรู้ วันนี้ข้าช่วยทำให้เจ้าเด่น ก็เพื่อให้เจ้ามีข้อมูลอยู่ในใจ เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล อย่าคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ พี่สาวจะขออภัยเจ้าตรงนี้ ที่ทำให้เจ้าตกใจ!” พูดจบก็ถอยหลังก้าวหนึ่ง แล้วโค้งคำนับขออภัย

หมิงจูประคองนางขึ้นมาอย่างฉุกละหุกทันที ในดวงตายังมีน้ำตา รู้สึกงงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าอวิ๋นจือชิวทำแบบนี้หมายความว่าอะไร

อวิ๋นจือชิวไม่เกรงใจนาง หันกลับมาสั่งว่า “เชียนเอ๋อร์ เดี๋ยวกลับไปเตรียมเรือนระดับหนึ่งให้นางด้วย เตรียมบ่าวไพร่ผอม!”

“เจ้าค่ะ!” เชียนเอ๋อร์เอ่ยรับคำสั่ง

สาวใช้ทั้งสองเงยหน้าอย่างมึนงง รู้สึกผิดพลาดมาก ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป เรือนชั้นในของจวนท่านอ๋องแบ่งเป็นสี่ระดับ ระดับ ระดับต่ำสุดที่พวกนางพักอาศัยอยู่ตอนนี้ก็คือเรือนระดับสาม ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่ของผู้หญิงที่ท่านอ๋องไม่เคยแตะต้อง ส่วนเรือนระดับสองก็คือที่อยู่ของผู้หญิงที่ท่านอ๋องเคยเข้าห้องด้วย เรือนระดับหนึ่งก็ย่อมเป็นที่พักของผู้หญิงที่ค่อนข้างมีฐานะในจวนท่านอ๋อง ส่วนท่านอ๋องกับหวังเฟยก็ย่อมต้องพักอยู่ในระดับเดียวกันอยู่แล้ว พอเข้ามาถึงก็ได้เข้าเรือนระดับหนึ่งเลย ทำให้สาวใช้ทั้งสองประหลาดใจ

อวิ๋นจือชิวคว้ามือที่เรียวสวยของหมิงจูมาตบเบาๆ “พ่อของเจ้าถูกลดตำแหน่ง จะให้กลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมทันทีเป็นไปไม่ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้ากลับไปบอกพ่อเจ้าสักหน่อย ให้พ่อเจ้ากับพี่ชายสองคนของเจ้ามาพบข้า ข้าจะแนะนำให้พวกเขาไปพบท่านอ๋องเอง ดูว่าจะช่วยพวกเขาหางานที่เหมาะสมให้ได้หรือเปล่า ข้าเตรียมการให้อย่างนี้ สามารถชดเชยความอยุติธรรมที่น้องสาวประสบได้หรือเปล่าไง?”

………………