บทที่ 2101 เฉาหม่านตระหนก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันอย่างนี้ ทำให้หมิงจูไม่เข้าใจทิศทางเลย จนกระทั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังเอ่ยเตือน หมิงจูถึงได้รีบเอ่ยรับ

หลังจากขอตัวถอยออกไปจากเรือนหลักแล้ว หมิงจูก็ยังมึนงงนิดหน่อย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ กลายเป็นอย่างนี้ไปได้

แต่สาวใช้ทั้งสองกลับตื่นเต้นดีใจจนตาลุกวาว ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นจริงเมื่อไหร่ นายท่านของตระกูลหมิงมาถึง พวกนางก็จะได้รับการตบรางวัลอย่างงามแน่นอน

หลังจากหลบมุมมองสามคนนั้นเดินคล้อยหลังออกไป หยางเจาชิงถึงได้บอกใบ้หลินผิงผิงว่าให้กลับไป เหมียวอี้กลัวว่าอวิ๋นจือชิวจะทำซี้ซั้ว จึงให้หยางเจาชิงดึงตัวหลินผิงผิงมา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา จะได้ให้หลินผิงผิงโน้มน้าวอวิ๋นจือชิวได้สะดวก

“พวกเจ้าสองคนทำตัวลับๆ ล่อๆ ทำไม?”

หลินผิงผิงเพิ่งจะหันตัวมา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแสยะยิ้มของอวิ๋นจือชิว

สองสามีภรรยาหันกลับมามอง เห็นเพียงอวิ๋นจือชิวยืนอยู่ตรงประตูโถงหลักและกำลังจ้องพวกเขาด้วยสายตาเยียบเย็น

ทั้งสองก็เขินเล็กน้อย รีบหันตัวกลับไปทำความเคารพ แต่อวิ๋นจือชิวไม่รับไมตรีแม้แต่น้อย บอกหลินผิงผิงว่า “ดูแลผู้ชายบ้านเจ้าให้ดี เรื่องจับผู้หญิงไปยัดให้อยู่ข้างกายท่านอ๋อง ไม่ต้องให้เขายุ่งมากนัก ถ้ามีครั้งหน้าอีก ข้าก็ไม่ถือสาที่จะทำให้ในบ้านเจ้ามีสาวๆ เพิ่มขึ้นมาอีก!”

“ค่ะ!” หลินผิงผิงพยักหน้าอยากก็เขิน

หยางเจาชิงก้มหน้าไม่กล้ามอง และไม่แก้ตัวเช่นกัน รู้ว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งซวย

โชคดีที่อวิ๋นจือชิวไม่ได้กัดไม่ปล่อย ทำเสียงฮึดฮัดแล้วก็เดินออกไป ทำให้เขาโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

หลังจากรู้ว่าอวิ๋นจือชิวจัดการหมิงจูแล้ว เหมียวอี้ที่หลบอยู่ในห้องหนังสือก็โล่งใจเช่นกัน

เสวี่ยเอ๋อร์ที่ยืนรายงานอยู่ตรงหน้ากล่าวเสริมอีกว่า “เหนียงเหนียงบอกว่าคืนนี้ให้ท่านอ๋องไปปลอบโยนหมิงจูฮูหยินดีๆ สักหน่อย ให้ดูด้วยว่าจัดหาที่อยู่ให้ดีหรือไม่ จะได้ไม่มีคนกังวลว่าฮูหยินโหดร้ายใจดำเกินไปค่ะ”

เหมียวอี้ทำหน้านิ่งแล้วตอบว่า “อ๋องผู้นี้รู้ว่าควรทำยังไง ไม่ต้องให้นางสอน”

เสวี่ยเอ๋อร์ย่อเข่าข้างเดียวคำนับแล้วขอตัวออกไป

หยางเจาชิงที่อยู่ข้างๆ กลับพึมพำในใจว่า ถ้าเก่งนักก็ไปพูดต่อหน้าเหนียงเหนียงสิ มาเสแสร้งต่อหน้าพวกเรามีความหมายเหรอ?

เขาโดนหลินผิงผิงตำหนิไปแล้วยกหนึ่ง ผู้หญิงล้วนต่อต้านเรื่องนี้ทั้งนั้น

เหมียวอี้ดึงความคิดออกมาจากเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว เอนกายพิงเก้าอี้แล้วหยิบระฆังดาราขึ้นมา หัวเราะหึหึแล้วบอกว่า “เฉาหม่านส่งข่าวมา! ข้าก็นึกว่าเขาจะทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ข่มใจด้วยเก่งจริงๆ”

เขาเขย่าระฆังดาราถามว่า : ท่านบุรุษเฉามีอะไรจะชี้แนะ?

เฉาหม่านอดกลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เว่ยซูรวมทั้งสมาชิกผู้ติดตามหายตัวไปหมด ติดต่อไม่ได้เลย จากการตรวจสอบ ฝั่งจวนอ๋องสวรรค์หนิวก็เหมือนจะไม่เกิดความเคลื่อนไหวอะไร แต่ตอนนี้หาเบาะแสเว่ยซูไม่เจอเลยสักนิด พอคิดไปคิดมา ก็มีแต่ต้องให้เหมียวอี้ชี้แจง

เฉาหม่าน : เจ้าทำอะไรเว่ยซู?

การที่พูดแบบนี้ออกมาได้ ก็แสดงว่าเขาต้องการจะเอาเรื่องเหมียวอี้แล้ว ถ้าสามารถสืบที่อยู่ของเว่ยซูจากเหมียวอี้ได้ก็แล้วไป แต่ถ้าสืบไม่เจอ ไม่ว่าเหมียวอี้จะทำหรือไม่ อย่างไรเสียบัวโลหิตก็หายไปแล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรต้องพะวงอีก เหมียวอี้ทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามแล้ว ต้องการจะฉวยโอกาสลงมือตอนที่เหมียวอี้ยังไม่สามารถคุมทัพใต้ได้อย่างมั่นคง!

เหมียวอี้ : สิ่งที่ท่านบุรุษเฉากล่าวมา อ๋องผู้นี้ฟังไม่เข้าใจแล้ว

เฉาหม่าน : เว่ยซูยังไม่ได้กลับมาจากฝั่งของท่านอ๋อง ข้ายังจำเป็นต้องพูดอย่างอื่นมากอีกเหรอ? อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องจะไม่ชี้แจงกับข้าสักหน่อย?

เหมียวอี้เลิกคิ้ว  ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ถามว่า  : ท่านบุรุษเฉาคิดจะใส่ความกันใช่ไหม คิดจะโจมตีกันใช่ไหม?

ขณะเดียวกันก็โบกมือให้หยางเจาชิง “เรียกเหยียนซิวเข้ามา”

เฉาหม่านยืนกรานว่า : เว่ยซูหายตัวไปในอาณาเขตทัพใต้ ในพื้นที่ทัพใต้นอกจากท่านอ๋องที่มีกลอุบายนี้แล้ว ถ้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีใครทำได้อีก

เหมียวอี้ : ท่านบุรุษเฉาแน่ใจนะว่าเว่ยซูแน่ใจนะว่าหายตัวไปแล้ว ไม่ใช่ว่าไปหาท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้วท่าหรอกเหรอ?

เฉาหม่าน : ท่านอ๋องกำลังจะพูดว่า เจ้าฆ่าเว่ยซูไปแล้วเหรอ?

เหมียวอี้ : เฉาหม่าน เจ้าอย่ามาเล่นมุขนี้หน่อยเลย เซี่ยโห้วท่าพ่อเจ้าแกล้งตายแล้วซ่อนตัวอยู่หลังม่าน อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ ถ้าเจ้าคิดจะหาเรื่องข้า ข้าก็เล่นด้วยได้ทุกเมื่อ คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือไง!

เฉาหม่านที่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้โยกใต้ต้นไม้อึ้งทันที ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตกตะลึงพรึงเพริด เซี่ยโห้วท่าแกล้งตายงั้นเหรอ? ท่านพ่อแกล้งตายเหรอ?

ชีเจวี๋ยที่อยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าเขาผิดปกติ จึงลองถามว่า “นายท่าน เป็นอะไรไปแล้ว?”

เฉาหม่านไม่สนใจว่าเขาถามอะไร เขย่าระฆังดารารีบถามอีก : เจ้าบอกว่าท่านพ่อยังไม่ตายเหรอ?

เหมียวอี้ : แกล้งโง่อะไรกัน เราจะไม่รู้เชียวหรือว่าตายหรือไม่ตาย ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ อย่าบีบให้ข้าร้อนรน เพราะอย่างมากข้าก็แค่ร่วมมือกับพระปีศาจ!

พูดจบก็ตัดขาดการติดต่อไปเลย ไม่สนใจเฉาหม่านอีก เหลือบตาขึ้นมองเหยียนซิวที่เดินเข้ามา แล้วพยักหน้าบอกใบ้เบาๆ

เหยียนซิวเรียกเซี่ยโห้วท่าที่กำลังสับสนงงงวยออกมา แล้วก็รออยู่อย่างนั้น

เหมียวอี้พิงเก้าอี้หลับตาพักผ่อนแล้ว

ในเขตลานบ้านที่ลึกและเงียบ เฉาหม่านเดินไปเดินมา จิตใจว้าวุ่นสับสน ไม่รู้ว่าเหมียวอี้พูดจริงหรือเปล่า แต่เหมียวอี้พูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ ทำให้เขาสงสัยแล้วนิดหน่อย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ นั่นก็คือในปีนั้นยังไม่ถึงเวลาที่ท่านพ่อจะสิ้นอายุขัยจริงๆ กอปรกับความเจ้าเล่ห์แผนสูง มีความเป็นไปได้อย่างที่หนิวโหย่วเต๋อบอกจริงๆ สุดท้ายก็หยุดเดินแล้วหยิบระฆังดาราออกมา จ้องระฆังดาราอันนี้อย่างตะลึงงันนานมาก นี่ก็คือระฆังดาราที่เขาใช้ติดต่อกลับเซี่ยโห้วท่าผู้เป็นบิดา ไม่ได้ใช้งานมานานมากแล้ว

หลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเฉาหม่านก็ร่ายอิทธิฤทธิ์เขย่าระฆังดาราในมือ ทว่าอีกฝ่ายไม่มีอะไรตอบกลับมาเลย

พอเป็นแบบนี้ เขากลับเขย่าระฆังติดต่อไม่หยุด ร้อนใจอยากได้คำตอบ

ตอนที่ระฆังดารามีเสียงตอบกลับมา เซี่ยโห้วท่าถามว่า : เจ้าสาม เจ้ารู้แล้วเหรอ?

เฉาหม่านรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางกบาลทันที ใบหน้าขาวซีด ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!

ในปากเฉาหม่านเต็มไปด้วยความขื่นขม ตอบว่า : ท่านพ่อ ท่านปิดบังข้าได้โหดร้ายนัก!

เซี่ยโห้วท่า : เจ้ารู้ได้ยังไง? เว่ยซูไม่ได้บอกเจ้าเสียหน่อย

เฉาหม่าน : ข้าเพิ่งรู้มาจากหนิวโหย่วเต๋อ

เซี่ยโห้วท่า : เขารู้ได้ยังไง?

เฉาหม่าน : ลูกก็ไม่ทราบ เมื่อครู่เพิ่งสืบถามที่อยู่ของเว่ยซู ลูกลองขู่นิดหน่อย เขาก็เลยเริ่มร้อนรน ลูกถึงได้รู้ว่าท่านพ่อยังอยู่

เซี่ยโห้วท่า : เว่ยซูนำของมาให้ข้า ข้าย่อมมีแผนการของข้าแล้ว

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! เฉาหม่านยิ้มเจื่อน คนที่เว่ยซูเชื่อฟังจริงๆ ก็ยังเป็นบิดาของตน ตนควบคุมไม่ได้เลย เขาเงยหน้าถอนหายใจยาว แล้วเขย่าระฆังดาราถามอีก : ท่านพ่อ ลูกควรจะไปเยี่ยมคำนับท่านพ่อที่ไหน?

เซี่ยโห้วท่า : แค่มีความตั้งใจนั้นอยู่ในใจก็เพียงพอแล้ว ข้าไม่สะดวกจะเผยหน้าออกไป ในเมื่อมอบงานในตระกูลให้เจ้าแล้ว เจ้าจัดการให้ดีก็พอ เว่ยซูอยู่ข้างกายข้า ตอนนี้คงยังกลับไปไม่ได้ ส่วนฝั่งหนิวโหย่วเต๋อ เจ้าอย่าไปแตะต้องเขา ทำงานของเจ้าให้ดี เรื่องอื่นถ้ามีแผนแล้ว!

หลังจากสองพ่อลูกติดต่อกันเสร็จ เฉาหม่านก็เอนกายบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว ท่านพ่อพูดชัดเจนว่ามอบงานในตระกูลให้เขาดูแลแล้ว เดิมทีเขาควรจะดีใจ แต่ก็ดีใจไม่ออกจริงๆ ในใจเขารู้ชัดมาก ว่าไม่มีใครควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วได้เหนือกว่าท่านพ่อ ท่านพ่อพูดได้ทุกเมื่อว่าจะมอบให้เขาหรือจะทวงคืน ส่วนเขาก็ไม่มีความสามารถจะต่อต้านเลย ถ้าท่านพ่อคิดจะมอบอำนาจให้จริงๆ ก็ควรจะส่งสมาคมอาวุโสให้เขาด้วย แต่ท่านพ่อไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องสมาคมอาวุโส

ชั่วพริบตานั้นที่เขาคิดจะไปเยี่ยมคำนับ เขาถึงขั้นเกิดอารมณ์ชั่ววูบจะสังหารเซี่ยโห้วท่า คิดจะช่วยโอกาสกำจัดเซี่ยโห้วท่าและกุมอำนาจในรวดเดียว! ทว่าความคิดนี้ก็แค่แวบเข้ามาเท่านั้น ตามที่เซี่ยโห้วท่าบอกว่าจะไม่มาพบ เขาก็รีบดับความทะเยอะทะยานนั้น เพราะสุดท้ายอำนาจบารมีของเซี่ยโห้วท่าก็ทำให้เขาไม่กล้าบุ่มบ่าม

“นายท่าน เป็นอะไรไป?” ชีเจวี๋ยถามอีก

เฉาหม่านโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เพียงหลับตาลงอย่างช้าๆ…

เหมียวอี้ที่อยู่ในห้องหนังสือกลับแสยะยิ้ม “ยังคิดจะแตะต้องข้าอีกเหรอ ตอนนี้ต่อให้เฉาหม่านมีน้ำดีอีกร้อยอันก็ไม่กล้าทำหรอก!” เขาโบกมือให้เหยียนซิวอีก

เหยียนซิวเก็บเซี่ยโห้วท่าแล้วหายตัวไปอีกครั้ง

“มีเซี่ยโห้วท่าอยู่ในมือ อำนาจของตระกูลเซี่ยโห้วก็ถูกคุมอยู่ในมือท่านอ๋องแล้ว!” หยางเจาชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เหมียวอี้เงียบไปครู่เดียว แล้วชี้บอกอีก  “เรื่องของตระกูลเซี่ยโห้ว ตอนนี้พวกเราก็ต้องคำนึงถึงพร้อมกันหลายด้าน เรื่องที่เซี่ยโห้วลิ่งไม่เคยเข้าประชุมขุนนางเลยก็ไม่ดี ปล่อยข่าวออกไป บอกว่าเซี่ยโห้วลิ่งป่วยตาย เฉาหม่านรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเซี่ยโห้วต่อแล้ว!”

ป่วยตาย? หยางเจาชิงกลั้นขำ “ป่วยตาย ข้ออ้างนี้จะทำให้คนคิดเหลวไหลได้ง่าย “

เหมียวอี้ก็หัวเราะเช่นกัน ทำให้คนคิดเหลวไหลได้ง่ายจริงๆ คนที่วรยุทธ์ระดับเซี่ยโห้วลิ่งจะป่วยตายได้อย่างไร ไม่ว่าใครก็สงสัยทั้งนั้นว่าเฉาหม่านวางแผนชิงอำนาจจนสังหารเซี่ยโห้วลิ่งแล้ว เขายิ้มเรียบๆ “พอเสียงคัดค้านบางส่วนโผล่มา ทำให้เฉาหม่านดูเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ จะได้ให้ข้าใช้งานตระกูลเซี่ยโห้วได้สะดวก เฉาหม่านเองก็ไม่ควรโผล่ครีบออกมาแล้วเช่นกัน เซี่ยโห้วเฉิงอวี่จะได้ไม่คิดว่าข้าหลอกนาง”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงยิ้มรับ คาดว่าท่านอ๋องคงคิดจะลงมือกับสองแม่ลูกนั้นแล้ว

ริมแม่ร้ำที่อ้อมผ่านสวนป่าสุสานราวกับริ้วผ้า ใต้ต้นไม้ใหญ่ หยางชิ่งมองเข้ามาในสวนป่าสุสานอย่างเงียบๆ

บางทีเวลาอาจจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้จริงๆ เสียงดนตรีที่แฝงความเศร้าโศกไม่ดังขึ้นเป็นระยะอีกแล้ว ความคนึงหาอาจยังคงอยู่ แต่ความรู้สึกกลับสงบลงแล้ว ไม่ได้สุดแสนเจ็บปวดทรมานเหมือนตอนแรกอีก

ก่อนที่อวิ๋นจือชิวจะโดนกักบริเวณ ก็ให้ซูอวิ้นกลับมาที่นี่ชั่วคราว

รอจนกระทั่งร่างที่สวมชุดกระโปรงสีขาวปรากฏตัวในสวนป่าสุสานและเก็บกวาดรอบหลุมศพอีกครั้ง หยางชิ่งก็ถลันตัวข้ามแม่น้ำมาแล้ว มาเหยียบลงตรงประตูของสวนป่าสุสาน นี่คือครั้งแรกที่เขาข้ามแม่น้ำสายนี้มาหลังจากได้เจอซูอวิ้น

ซูอวิ้นพลันหันตัวกลับมา จ้องคนที่เดินเข้ามาโดยไม่ได้ห้าม นางสงสัยถึงตัวตนของคนผู้นี้มาตลอด

เมื่อเดินมาถึงหน้าป้ายหลุมศพ หยางชิ่งก็ประสานมือคารวะป้ายหลุมศพของฮ่าวเต๋อฟาง เสร็จแล้วถึงได้หันตัวมาพูดกับซูอวิ้นด้วยรอยยิ้มเรียบๆ “เหนียงเหนียงเชิญเจ้าไปพบ”

ซูอวิ้นพยักหน้า  “เหนียงเหนียงมีอะไรจะสั่งก็จะส่งข่าวมาโดยตรง จะรบกวนให้ท่านบุรุษมาด้วยตัวเองได้อย่างไร?”

“อยากจะมาดูที่นี่สักหน่อย” หยางชิ่งพูดความจริง จากนั้นก็ยื่นมือเชิญ

ทั้งสองออกจากสวนป่าสุสานด้วยกัน กลับมาอยู่ระหว่างทางไปจวนท่านอ๋อง ซูอวิ้นสังเกตผู้ชายที่ไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงคนนี้อย่างเงียบๆ ตลอดทาง

ในที่พักของซูอวิ้นที่จวนท่านอ๋อง อวิ๋นจือชิวกำลังนั่งรออยู่ในศาลา โดยมีเสวี่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ข้างกาย

“เหนียงเหนียง!” ซูอวิ้นเข้ามาทำความเคารพ หยางชิ่งก็ตามมากุมหมัดคารวะเช่นกัน

อวิ๋นจือชิวพูดกับซูอวิ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วงก่อนหน้านี้เกิดเรื่องนิดหน่อย ก็เลยให้ท่านบุรุษหลบเลี่ยงไปชั่วคราว หวังว่าท่านบุรุษจะไม่คิดมาก”

ซูอวิ้นยิ้มโดยไม่ตอบอะไร ถ้าอวิ๋นจือชิวไม่อธิบาย นางก็ไม่ถามเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

อวิ๋นจือชิวมองหยางชิ่งแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ท่านบุรุษหยางบอกว่าจะไปเชิญเจ้าด้วยตัวเอง พวกเจ้าได้พบกันแล้ว คงจะรู้จักกันแล้วสินะ”

ซูอวิ้นมองหยางชิ่งด้วยแววตาที่แฝงความหมายล้ำลึก “ที่แท้ก็เป็นท่านบุรุษหยาง! ท่านบุรุษหยางแผนสูงยากคาดเดา เพิ่งจะรู้ชื่อแซ่เมื่อครู่นี้ แม้แต่โฉมหน้าที่แท้จริงก็ไม่เคยเห็น ไม่นับว่ารู้จักกัน”

หยางชิ่งเงียบไป

………………