มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1272

อัจฉริยะเทพมารที่สามารถต่อกรกับเทพฟ้าได้นั้น อาจจะพบเจอได้ในมหาโลกาที่ระดับสูงหรือมหาพิภพ แต่ทว่าคนเช่นนี้ไม่มีทางปรากฏในพิภพกลางแน่นอน ถึงแม้จะมีพรสวรรค์เช่นนั้น แต่ก็ไม่มีการถ่ายทอดสืบสานและพลังความสามารถที่ยิ่งใหญ่มากพอที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้ได้

“หมอนี่น่าสยดสยองเกินไปแล้ว มันมีร่างกายสองร่าง ก็ไม่อาจทราบได้เช่นกันว่าร่างใดเป็นร่างแยก ร่างใดเป็นร่างแท้ แต่ไม่ว่าจะเป็นร่างใด ก็ล้วนมีพลังความสามารถที่บ้าถึงขั้นสุดที่สามารถต่อกรกับผู้ที่มีแดนอยู่เหนือกว่าตน เก่งกาจดุจปีศาจมารมากเกินไปแล้ว!”

เฒ่าประหลาดตวนมู่ไม่มีข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย หากปล่อยให้หลัวซิวผู้นี้เติบใหญ่ขึ้นละก็ ไม่ต้องบรรลุถึงแดนเทพฟ้า ถึงแม้จะเป็นเทพมารช่วงปลาย คาดว่าการที่เขาจะสังหารเทพฟ้านั้น ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเท่าไหร่นัก

เฒ่าประหลาดตวนมู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกใหญ่ เมื่อเผชิญหน้ากับอัจฉริยะผู้เก่งกาจดุจปีศาจมารที่ไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปมาประเมินได้นั้น มาตรแม้นว่าเขาจะฝึกตนมาเป็นแสนปี แต่ทว่าสภาพจิตใจของเขาก็เริ่มไม่แน่วแน่แล้ว

“ต้องมีสัมพันธไมตรีต่อคนประเภทนี้ ทันทีที่มีคนประเภทนี้เป็นศัตรู ก็ต้องรีบถอนรากถอนโคน โชคดีที่บัดนี้เขาเป็นเพียงเทพมาร ข้ายังพอยับยั้งมันได้อยู่บ้าง หากครั้งนี้ข้าไม่กำจัดมันทิ้ง ผ่านไปอีกไม่กี่ปี บางทีข้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอีก”

เฒ่าประหลาดตวนมู่คิดเช่นนี้อยู่ในใจพลางสงบสติอารมณ์ เขาทำการตัดสินใจแล้ว วันนี้ถึงแม้ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง แม้จะต้องสูญเสียอายุไขและผลการฝึกตน เขาก็ต้องกำจัดไอ้หมอนี่ทิ้งโดยสิ้นเชิง

“คุยโวอย่างหน้าไม่อาย ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะมีความสามารถอะไรมาทำลายอาณาจักรโคตรสังหารของข้าได้ เจ้าไปตายซะเถอะ!”

เงาร่างเฒ่าประหลาดตวนมู่ขยับ เขาไปปรากฏอยู่ด้านหลังหลัวซิวโดยตรง เมื่ออยู่ภายในอาณาจักรของเขา ความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวเขาเองต้องไม่ถูกจำกัดอยู่แล้ว

เขาฟาดกระบี่ลงไป ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ทักษะยุทธ์ใด ๆ แค่อาศัยพลังโจมตีจากกระบี่ยุทธ์เทพฟ้า ก็สามารถสังหารเทพมารขั้นสูงในเสี้ยววินาทีได้แล้ว

“ตั่ง!”

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหมุน เสียงตั่งดังขึ้น ต้านทานการโจมตีในครั้งนี้เอาไว้ได้

แต่ทว่าการโจมตีของเฒ่าประหลาดตวนมู่ไม่มีทางเรียบง่ายเช่นนี้อยู่แล้ว ความเร็วในการโจมตีของเขาเร็วปานสายฟ้า จากผลการฝึกตนระดับเทพฟ้าของเขา การที่จะฟาดฟันกระบี่ยุทธ์ออกไปหนึ่งร้อยครั้งในเสี้ยววินาทีเดียวนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปาก

เสียงติง ๆ ตัง ๆ ดังขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงแม้หลัวซิวจะถูกกดอัดจากอาณาจักร ไม่สามารถใช้ความเร็วหลบหลีกการโจมตีได้ แต่เขากลับควบคุมวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพเพื่อต้านรับการโจมตีทั้งหมดเอาไว้ให้ได้มากที่สุด วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดถูกฟันหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งมีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมากวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดด้วย

อย่างไรก็ตามร้อยถี่ต้องมีหนึ่งห่าง หลัวซิวไม่สามารถต้านรับแสงกระบี่หนึ่งได้ พลังกระบี่ที่รุนแรงและทรงพลังได้จามลงบนหมวกเขา ทำให้เขาถูกจามจนร่างกายกระเด็นออกไป แรงสั่นสะเทือนทำให้เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ

“ฮ่า ๆ ครั้งนี้เจ้ายังรอดต่อไปได้หรือไม่?”

เฒ่าประหลาดตวนมู่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังหลัวซิวในแวบเดียว ในขณะที่เขากวัดแกว่งกระบี่ยุทธ์เทพฟ้าอยู่นั้น กงล้อเทพโคตรสังหารก็รวมตัวกันที่ปลายกระบี่แล้วพุ่งตรงออกมา

“ตาแก่ เจ้าจะจบได้หรือยัง?”

หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน มีแสงแห่งความเยือกเย็นที่เฉียบคมถึงขั้นสุดพุ่งออกมาจากดวงตาเขา

ทันใดนั้นเอง ระฆังใหญ่สีขาวเงินลูกหนึ่งที่ดูโบราณและเรียบง่ายก็ปรากฏเหนือศีรษะเขา เสียงกวงดังขึ้น เสียงระฆังดังก้องกังวาน ห้วงเวลาหยุดนิ่ง

เฒ่าประหลาดตวนมู่ตกใจมากจนหน้าถอดสี แต่ทว่าสีหน้าอารมณ์ทุกอย่างของเขากลับหยุดนิ่งอยู่บนใบหน้า ลักษณะท่าทางร่างกายก็หยุดอยู่ ณ เสี้ยววินาทีนั้น แม้กระทั่งกงล้อเทพโคตรสังหารก็หยุดนิ่งไปด้วย

เขาคือผู้แข็งแกร่งเทพฟ้า แดนกฎเวลาของหลัวซิวไม่สูง เพราะฉะนั้นจึงสามารถทำให้เขาหยุดนิ่งได้เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตามความคิดของเขายังคงอยู่เช่นเคย สามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบกายได้อย่างชัดเจน

กฎเวลาหรือ?!

ในบรรดากฎทั้งหมดของฟ้าดิน กฎเวลาเป็นกฎที่ลึกลับที่สุดและเป็นกฎที่ฝึกยากตระหนักรู้ยากมากที่สุดอย่างไร้ข้อสงสัย โลกาอสูรฟ้ามีอายุยืนยาวมานานอย่างไม่รู้จบ แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ใดสามารถตระหนักรู้ความลี้ลับของกฎประเภทนี้ได้

“ฟึ่บ!”

เฒ่าประหลาดตวนมู่มองดูหลัวซิวตรงเข้ามาพร้อมกับหอกในมือต่อหน้าต่อตา แทงหอกเข้ามาเพียงครั้งเดียวก็ทะลวงหว่างคิ้วของเขาแล้ว ทำให้ตัวหยั่งรู้แตกสลายดับสิ้น

หลังจากห้วงเวลาที่หยุดนิ่งเสี้ยววินาทีได้ผ่านพ้นไป เฒ่าประหลาดตวนมู่ก็กรีดร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา มีจิตที่จะฆ่าสีแดงฉานระเบิดออกมาจากร่างเขา