มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1273

“ไอ้เดรัจฉาน ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เฒ่าประหลาดตวนมู่โกรธเกรี้ยวถึงขั้นสุด นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาถูกผู้น้อยคนนี้โจมตีจนได้รับบาดเจ็บ

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยึดกุมกฎเวลาด้วยอย่างนั้นหรือ? โชคดีที่ช่องจิตของข้ามิได้อยู่ในตัวหยั่งรู้ มิเช่นนั้นไม่แน่ข้าอาจจะได้ตายอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแล้ว……!”ใบหน้าของเฒ่าประหลาดตวนมู่ดูบ้าคลั่งอย่างดุร้ายน่ากลัว

“ตาแก่ เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว”

หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างดูหมิ่น เสียงกวงจากระฆังเทพฟ้ากำหนดดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้ง

“เจ้า……”

เฒ่าประหลาดตวนมู่ทันพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น การเคลื่อนไหวของเวลาก็หยุดนิ่งลงไปอีกครั้ง

ครั้งนี้หลัวซิวยกมือขึ้นไปกระชากเสื้อวิเศษเสว่โหลวที่อยู่บนตัวเขาลงมา

“กวง! กวง! กวง! ……”

ระฆังเทพฟ้ากำหนดดังก้องกังวานติดต่อกันหกครั้ง ร่างเนื้อของเฒ่าประหลาดตวนมู่ถูกหลัวซิวบดละเอียดเป็นเนื้อเละ ๆ ในที่สุดก็เจอตำแหน่งที่ซ่อนของช่องจิตสักที

ถึงแม้ผลการฝึกตนของเฒ่าประหลาดตวนมู่นี่จะเป็นเทพฟ้า แต่ทว่าเขาไม่ใช่นักยุทธ์กลั่นร่างแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นร่างเนื้อของเขาจึงเทียบเท่าร่างยุทธ์เทพมารขั้น 3

สีสันของช่องจิตเทพฟ้าแวววาวจับตามาก แวววาวกว่าช่องจิตเทพของมารหลายเท่าตัวเลย พลังวิญญาณที่แฝงซ่อนอยู่ภายในก็ยิ่งใหญ่มหาศาลกว่าด้วย

หลัวซิวเก็บช่องจิตเข้าไปในวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ใช้ร่องรอยกฎการเวียนว่ายตายเกิดที่ผสมผสานกันอยู่บนวงล้อมากดอัดมันไว้

ถัดจากนั้นเขาก็เสกอัคคีเทพชิงเทียนออกมา แผดเผาเนื้อเละ ๆ ที่อยู่ตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าธุลี จากนั้นก็เก็บแหวนเก็บของและกระบี่ยุทธ์เทพฟ้าขึ้นมา ก่อนจะหันหลังแล้วบินจากไป

ฟ้าดินสั่นคลอน!

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองม่านฉาโหลวเพิ่งแพร่งพรายออกไป ช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่วัยรุ่นผู้แข็งแกร่งอย่างหลัวซิวถูกเทพฟ้าสองคนไล่ล่า

แต่ทว่าผ่านไปไม่นานนัก เทพฟ้าจากชนเผ่าปีศาจงูเก้าหัวก็กลับมา อ้างว่าหลัวซิวหลบหนีไปได้แล้ว และเทพฟ้าอีกคนยังคงไล่ล่าอยู่

ถัดจากนั้น ก็มีข่าวคราวหนึ่งที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง นั่นก็คือผู้อาวุโสไท่ซ่างคนหนึ่งในเขาปีศาจนรกตายแล้ว!

ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว คนทั้งโลกก็ต่างฮือฮา โดยเฉพาะคนจากกองกำลังใหญ่เหล่านั้น ใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดได้เลยว่านอกจากเทพฟ้าจากเผ่าปีศาจงูเก้าหัวแล้ว เทพฟ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกคนหนึ่งที่ไล่ล่าหลัวซิวคือเฒ่าประหลาดตวนมู่

“เฒ่าประหลาดตวนมู่ตายแล้วอย่างนั้นหรือ? เป็นฝีมือผู้ใด?”

ปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนก็ทราบข่าวเรื่องนี้แล้วเช่นกัน สีหน้าท่าทางของเขาดูเหลือเชื่อ

ก่อนหน้านี้เมื่อทราบมาว่ามีเทพฟ้าสองคนไล่ล่าหลัวซิว เขาก็รีบมุ่งหน้าตรงไปบริเวณเมืองม่านฉาโหลวทันที แต่เมื่อเขาไปถึงที่นั่น ตามหาในเขตพื้นที่ล้านไมล์ก็ไม่เจอร่องรอยของหลัวซิวเลย

แต่ทว่าผ่านไปไม่นานก็มีข่าวการตายของเฒ่าประหลาดตวนมู่ส่งตรงมาจากเขาปีศาจนรก นี่จึงทำให้ปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนรู้สึกตะลึงและสงสัยมาก

เขาไม่มีทางนึกว่าหลัวซิวมีศักยภาพสังหารเทพฟ้าได้อยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรผลการฝึกตนของหลัวซิวก็อยู่เพียงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 หากมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 สามารถสังหารเทพฟ้า เช่นนั้นผู้แข็งแกร่งระดับเทพฟ้าก็ไม่มีทางเป็นผู้สูงตระหง่านที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพิภพกลางแล้วแน่นอน

“หรือว่ามีผู้อื่นลงมือ หวังจะดึงตัวไอ้หมอนั่นเข้าพวก?”ปีศาจเก้าเซียวจื่อเจี้ยนขมวดคิ้ว บนโลกนี้ผู้ที่มีศักยภาพสังหารเฒ่าประหลาดตวนมู่ได้นั้นก็มีไม่น้อยเช่นกัน แล้วเป็นฝีมือผู้ใดกันนะ?

ผ่านไปไม่นานนักก็มีข่าวใหม่แพร่งพายออกมาอย่างรวดเร็ว บนตัวบุคคลสำคัญทุกคนในเขาปีศาจนรกล้วนมีรอยตราประทับพิเศษอยู่ เมื่อคนดังกล่าวถูกฆ่า รอยตราประทับดังกล่าวก็จะบันทึกกลิ่นอายของฆาตกรไว้ ซึ่งประเด็นหลักของการทำเช่นนี้นั้น ก็เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลสำคัญถูกผู้อื่นทำร้ายขณะออกไปฝึกฝนสั่งสมประสบการณ์ข้างนอก

และได้รับการพิสูจน์และยืนยันจากเขาปีศาจนรกแล้วว่าฆาตกรคือหลัวซิว!

เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไป ก็เกิดความวุ่นวายทั่วโลกาอสูรฟ้าอย่างใหญ่โต เนื่องจากทุกคนต่างทราบดีมาก ๆ ว่าชายหนุ่มผู้มีนามว่าหลัวซิวนั่น ผลการฝึกตนของเขาอยู่เพียงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 5 เท่านั้น การที่เขาฆ่าเทพมารได้นั้นก็ถือว่าเก่งกาจมาก ๆ แล้ว จะมีทางฆ่าเทพฟ้าได้อย่างไร?

แต่ทว่าเขาปีศาจนรกกลับพูดอย่างหนักแน่นว่าการตายของผู้อาวุโสตวนมู่มีความเกี่ยวข้องกับหลัวซิว เนื่องจากรอยตราประทับได้บันทึกกลิ่นอายของเขาไว้

ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งโลกหล้าก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับผู้ที่มีนามว่าหลัวซิว ถึงแม้จะไม่มีคนเชื่อว่าเขาเป็นผู้สังหารผู้อาวุโสเทพฟ้าจากเขาปีศาจนรกก็ตาม แต่การที่เทพฟ้าคนหนึ่งสูญสิ้นได้เพราะเขานั้น มันก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากถึงมากที่สุดแล้ว

……