ตอนที่ 1947 ยอมรับหรือไม่ยอมรับ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1947 ยอมรับหรือไม่ยอมรับ

 

ใครจะไปคิดกันว่า หลิงฮันจะไม่ได้โกหก และเขาเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิงจริงๆ

 

สถานะนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก ภายใต้ตัวตนระดับราชานิรันดร์แล้ว ทุกคนจําเป็นต้องไว้หน้าหลิงฮัน

 

หลิงฮันมือขึ้นและกล่าว “เงยหน้าขึ้นได้ ทําตัวตามสบาย”

 

หม่ายงและเฉินต่งกลับมายืนตรง และกวาดสายตามองไปยังหวั่นเฟยกับสือยุ่งด้วยสี หน้าเย็นชา

 

“อาจารย์ลุงหม่า อาจารย์ลุงเฉิน” ทั้งสองคนกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ พร้อมกับที่ขาทั้งสองข้างกําลังสั่นระริกอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

“ยังไม่ไสหัวไปอีก!” หม่ายงคําราม

 

“ขอรับ!ขอรับ!” พวกหวั่นเฟยรีบพยักหน้าและรู้สึกโล่งอก หากคนฝั่งเดียวกันมาช่วยพูดปัญหาใหญ่ก็จะกลายเป็นเล็กได้อย่างง่ายดาย

 

“ช้าก่อน!” หลิงฮันสะบัดมือ “ข้ายังพูดด้วยไม่เสร็จแล้ว พวกเจ้าคิดจะไปไหนกัน?”

 

“ท่านอาจารย์ลุง ที่นี่มีคนอยู่เยอะเกินไป ชื่อเสียงของพวกเราอาจจะได้รับผลกระทบเอาได้”หมายงเอ่ยแทรกด้วยน้ําเสียงเกลี้ยกล่อม

 

หลิงฮันเค้นเสียงกล่าว “ทั้งสามคนแอบสับเปลี่ยนเม็ดยาของข้า แม้กระทั่งเรื่องเช่นนี้พวกเขาก็ยังกล้าทําเจ้าจะยังกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงไปกว่านี้อีกงั้นรึ?”

 

“อย่าได้โอหังเกินไป!” จูงื่อจวินกล่าวอย่างโหดเหี้ยม ก่อนหน้านี้หลิงฮันเพ่งเล็งไปยังหวั่นเฟยเพียงคนเดียว เขาจึงยังทนได้ เพราะอย่างไรหวั่นเฟยก็ไม่ใช่คนของเขา เพียงแต่ตอนนี้เมื่อหลิงฮันชี้นิ้วมายังเขาด้วยความอดทนของเขาจึงไม่เหลืออยู่อีกต่อไป

 

หลิงฮันลงมือ เพี้ยะ” เขาสะบัดฝามือออกไป “ดูเหมือนเจ้าจะเป็นนายน้อยเจ้าสําราญมานานเกินไปแล้วสินะ เจ้าถึงได้ไม่เห็นใครเลยอยู่ในสายตา?”

 

“จะ… เจ้ากล้าตบข้างั้นรึ?” จูงื่อจวินใช้มือขวาลูบแก้ม ดวงตาทั้งสองของเขาปรากฏร่องรอยความไม่พึงพอใจ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาคือบุตรที่ได้รับเลือกโดยสวรรค์ และถูกประคบประหงมมาตลอด

 

“ทําไมข้าจะตบเจ้าไม่ได้?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ถ้าหากเจ้าไม่ใช่หลายของศิษย์พี่สามล่ะก็ ข้าคงไม่เพียงตบเจ้า แต่สังหารเจ้าไปแล้ว”

 

“อาจารย์ลุงหม่า อาจารย์ลุงเฉิน พวกท่านจะยืนมองคนผู้นี้สร้างความอัปยศให้ข้าอยู่เฉยๆงั้นรึ?” จูงื่อจวินคํารามเสียงดังลั่น ด้วยแววตาโหดเหี้ยม

 

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์จูเฟิง แต่เรื่องเช่นนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน สิ่งที่เขารู้มีเพียงว่าปรมาจารย์จูเฟิงนั้นมีศิษย์พี่อยู่สองคนเท่านั้น และไม่เคยกล่าวถึงศิษย์น้องมาก่อน

 

ดูจากอายุของหลิงฮันแล้ว อีกฝ่ายจะเป็นต้องศิษย์ที่ปรมาจารย์จ่อเพิ่งเพิ่งรับมาแน่ๆ

 

เขายอมรับว่าหลิงฮันคืออัจฉริยะอย่างแท้จริง แต่เขาเองก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน เหตุใดจะต้องยอมก้มหัว เรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์ปูน้อยด้วย? ยิ่งกว่านั้น ทําไมถึงต้องประณามเขาต่อหน้าสาธารณชนกัน?

 

มีสิ่งใดที่เขาทําผิดงั้นรึ?

 

ไม่มี!

 

ทุกอย่างที่ทําลงไป เป็นเพราะเขากังวลในชื่อเสียงของปรมาจารย์จูเฟิงเท่านั้นเอง

 

ทั้งหม่ายงและเฉินต่งเผยสีหน้าปั้นยาก พวกเขาก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่า อาจารย์ของพวกเขามีศิษย์น้องที่เยาว์วัยเป็นอย่างมากอยู่ด้วย

 

เนื่องจากในช่วงบ่ายของวันนี้ เผิงฮวาเหนียนเพิ่งรายงานเรื่องของหลิงฮันให้กับปรมาจารย์จูเพิ่ง ผลสุดท้ายจึงทําให้เผิงฮวาเหนียนถูกดุด่าอย่างหนัก พวกเขาทั้งสองจึงต้องเป็นฝ่ายมาหาหลิงฮันเอง และไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

 

ในมุมมองของพวกเขา เรื่องนี้สมควรเป็นเรื่องเฉพาะคนใน ไม่มีความจําเป็นต้องทําให้มันเอิกเกริก เพราะงั้นการที่หลิงฮันทําให้เรื่องมันบานปลายเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพียงแต่จะให้ทําไงได้? อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ลุงของพวกเขา!

 

ก่อนที่จะออกมาที่นี่ ปรมาจารย์จูเฟิงกําชับเอาไว้หลายครั้ง ว่าพวกเขาต้องให้ความเคารพหลิงฮัน

 

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทําได้เพียงพูดโน้มน้าวเท่านั้น

 

“อาจารย์ลุงสี่ ข้าว่าพวกเราเปลี่ยนที่กันดีรึไม่?” หม่ายงแนะนํา

 

“ไม่จําเป็น!” หลิงฮันตอบอย่างเด็ดขาด “สะสางให้มันจบที่นี่นี่ล่ะ”

 

“เด็กน้อยเช่นเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาเป็นอาจารย์ปู่น้อยของข้า?” จูงื่อจวินทุ่มสุดตัว เขาเชื่อว่าด้วยความรักที่ปรมาจารย์จูเฟิงมีต่อเขา หลังจากนี้อย่างมากเขาก็คงแค่ถูกตําหนิเท่านั้น

 

“นั่นคือคําถามของเจ้ารึ?” หลิงฮันสะบัดฝาสมือตบใบหน้าของอีกฝ่าย “ข้าเพียงแค่ต้องการสั่งสอนเจ้า แต่เจ้ากลับยืนกรานที่จะปฏิเสธฉันรึ?”

 

“ข้าขอปฏิเสธ!” จูจอจวินแหงนหน้าขึ้นสูงด้วยสภาพที่ผมกระเซอะกระเซิง ภาพลักษณ์อันองอาจของเขาพังทลายหายสิ้น และเหลือไว้เพียงภาพลักษณ์ที่โหดเหี้ยมราวกับหมาป่า

 

หลิงฮันสะบัดมือตบใบหน้าอีกครั้ง “ที่นี้จะยอมรับได้แล้วรึยัง?”

 

“ข้าไม่ยอมรับ!”

 

เพียะ

 

“ยอมรึยัง?”

 

“ข้าไม่ยอม!”

 

หลิงฮันตบหน้าพร้อมกับไถ่ถาม จนจูจือจวินอยู่ในสภาพที่ใกล้จะหมดสติเต็มที

 

“อาจารย์ลุงสี่ไอาจารย์ลุงสี่!” พวกเฉินต่งทั้งสองคนทําได้เพียงร้องเรียก การที่ผู้อาวุโสสั่งสอนรุ่นเยาว์ของตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจคัดค้านได้ราวกับบัญญัติแห่งสวรรค์นอกเสียจากว่าพวกเขาจะต้องการตัดสายสัมพันธ์กับปรมาจารย์จูเฟิงแล้ว มีรีที่พวกเขาจะกล้าลงมือกับหลิงฮัน?

 

จิตใจของหลิงฮันแข็งกล้าราวกับเหล็ก หากวันนี้เขาไม่สั่งสอนจูจอจวินให้ดี จะเป็นการทําให้อีกฝ่ายเดินไปยังเส้นทางที่ผิดได้ในอนาคต ด้วยความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบแทนศิษย์พี่สามแล้ว หลิงฮันจึงไม่คิดจะใจอ่อนเด็ดขาด

 

“ที่นี้ยอมรับรึยัง?” หลังจากที่ตบหน้าไปไม่รู้กี่ครั้ง หลิงฮันก็เอ่ยถามอีกรอบ

 

เขาไม่เพียงใช้มือตบธรรมดา แต่ได้ผสานเศษเสี้ยวอํานาจแห่งกฎเกณฑ์เข้าไปด้วย เพราะงั้นความเจ็บปวดที่ได้รับจึงสะท้านไปยังแก่นกระดูก และสามารถเสียชีวิตได้

 

จิตใจของจูจื่อจวินเองก็หนักแน่นอย่างมาก เพียงแต่หลังจากที่ถูกตบไปกว่าร้อยครั้ง หัวของเขาก็เริ่มมีนงงและสติค่อยๆ เลือนราง ในหัวของเขาตอนนี้ มีอยู่ความคิดเดียวคืออยากรีบหนีพ้นจากความเจ็บปวดให้เร็วที่สุด

 

“ยอมแล้ว!” เมื่อกล่าวคํานี้ออกมา จิตใจของเขาก็พังทลาย และดวงตาได้ไหลท่วมไปด้วยหยาดน้ําตา

 

ทุกคนตกตะลึงสูดหายใจลึก ใครจะไปเชื่อว่านักปรุงยาอัจฉริยะที่โด่งดัง จะมาร้องไห้ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามไปล่วงเกินหลิงฮันจริงๆ

 

ใครบางคนมีความคิดที่จะไปหาโม่ซวงกับหลิงฮัน เพื่อทวงคืนของเดิมพันคืนมา แต่หลังจากได้เห็นเหตุการณ์นี้ ความคิดนั้นก็ดับสลายไปทันที

 

หลิงฮันสะบัดมือโยนร่างจูงื่อจวินไปยังหม่ายง ก่อนจะกวาดสายตาไปมองหวั่นเฟยและสื่อหย่ง “ไม่ว่าจะศาสตร์วรยุทธหรือศาสตร์ปรุงยา สิ่งสําคัญที่สุดก็คือจิตใจ หากจิตใจไร้คุณธรรมก็มีแต่จะทําให้ชื่อเสียงของผู้เป็นอาจารย์เสื่อมเสีย”

 

พวกหวั่นเฟยทั้งสองคนจิตวิญญาณสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก พวกเขามาที่นี่เพื่อเผิงฮวาเหนียนแท้ๆ เหตุใดถึงกลายเป็นฝ่ายผิดกัน?

 

ไม่ได้การแล้ว พวกเขาต้องรีบกลับไปหาเผิงฮวาเหนียนเดี๋ยวนี้