มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1279

“ทุกอย่างพร้อมแล้ว!”

ในโลกาอสูรฟ้า แสงสว่างได้แวบขึ้นมาในดวงตาทั้งสองของร่างแยกกฎความตายของหลัวซิว เขาได้ใช้พลังทั้งหมดขับเคลื่อนวรยุทธ์ขึ้นมาในทันที ดูดกลืนกลั่นแปลพลังงานอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มระดับผลการฝึกตน

ผ่านไปไม่นานนัก พลังงานการฝึกตนในร่างกายของเขาก็ได้อยู่ในจุดอิ่มตัว ความรู้สึกเจ็บปวดได้กระจายไปทั่วร่างกายเป็นระยะ จากนั้นประตูแห่งกฎเกณฑ์ก็ได้ทุกทะลวง ราวกับว่ามีเสียงระเบิดดังสนั่นออกมาจากร่างกายของเขา

“ครืนนน……”

วินาทีที่ประตูแห่งกฎเกณฑ์ถูกทะลวงนั้น ท้องฟ้าในโลกด้านนอกก็ได้เริ่มมีเมฆดำปกคลุม พลังแห่งทัณฑ์สวรรค์อัสนีได้เริ่มก่อตัวขึ้น

วินาทีที่ผลการฝึกตนของนักยุทธ์ทะลวงขั้น ร่างกายล้วนจะมีความว่างเปล่า นี่เป็นเพราะว่าหลังจากที่บรรลุขั้นแล้ว จะสามารถบรรจุพลังในการฝึกตนได้มากขึ้น ราวกับว่าร่างกายนั้นเป็นภาชนะบรรจุ เดิมทีเป็นขวดที่มีน้ำอยู่เต็มขวด จู่ ๆ ก็กลายเป็นถังน้ำ น้ำที่มีอยู่เดิมนั้นจึงน้อยลงและดูว่างเปล่าเป็นธรรมดา

การก่อตัวของทัณฑ์สวรรค์อัสนีจะต้องใช้เวลาสักระยะ ส่วนหลัวซิวก็ได้ถือโอกาสนี้รีบเติมเต็มผลการฝึกตน

เพียงไม่ถึงครึ่งก้านธูป ทัณฑ์สวรรค์อัสนีก็ได้ก่อตัวเสร็จเรียบร้อย สวรรค์อัสนีสายแรกได้ฟันลงมา

นี่เป็นสายฟ้าที่มีลำแสงสีขาวร้อนแรง วินาทีที่แลบขึ้นมาบนท้องฟ้า ก็ได้ทำลายการขวางกั้นของช่องอากาศ และผ่าลงมาที่ร่างของหลัวซิว

ทัณฑ์สวรรค์อัสนีนั้นไม่สามารถหลบหลีก และไม่อาจขัดขวางได้ นักยุทธ์ทุกคนเมื่อต้องรับทัณฑ์ ล้วนจะต้องอาศัยร่างกายของตัวเองมาตั้งรับ

บางทีอาจมีคนคิดว่านักยุทธ์กลั่นร่างนั้นจะสามารถรับทัณฑ์ได้ง่ายกว่า แต่ในความเป็นจริงอานุภาพของทัณฑ์สวรรค์อัสนีนั้นก็ดูที่คนด้วยเช่นกัน ร่างเนื้อของเจ้ายิ่งแข็งแกร่ง ความสามารถยิ่งร้ายกาจ อานุภาพของทัณฑ์สวรรค์อัสนีก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น!

การฝึกตนในโลกยุทธ์นั้นก็เหมือนกับการฝืนกฎธรรมชาติ เมื่อนักยุทธ์บรรลุกลายเป็นเทพมาร ร่างกายได้เปลี่ยนแปลงจากร่างมนุษย์กลายเป็นร่างเทวะ ละเมิดเจตจำนงของกฎฟ้าดิน ดังนั้นทัณฑ์สวรรค์จึงได้ปรากฏขึ้น

และที่ให้คำจำกัดความว่าเป็นทัณฑ์อัสนี นั่นมีสาเหตุมาจากคำที่ว่าดีร้ายต่างพึ่งพากัน เคราะห์กรรมการลงทัณฑ์นั้นเป็นภัยอย่างหนึ่ง ตราบใดที่สามารถผ่านพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้ ก็จะได้รับความโชคดีอย่างไม่คาดคิด

อานุภาพของทัณฑ์สวรรค์อัสนีนั้นจะบรรลุถึงขีดจำกัดที่ร่างกายของนักยุทธ์สามารถรับได้ เช่นนี้ก็หมายความว่า เจ้าจะต้องอยู่เหนือกว่าขีดจำกัดที่ร่างกายของเจ้ารับได้ ถึงจะสามารถผ่านทัณฑ์อัสนีไปได้ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องวิญญาณแตกสลาย กลายเป็นผุยผง

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ฝึกตนอย่างอยากลำบากมานับพันปีบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นเก้าระดับสูงสุด แต่กลับไม่เหลือสิ่งใดเลยเมื่อต้องรับทัณฑ์!

หลัวซิวมีประสบการณ์ในการรับทัณฑ์สองครั้งแล้ว เป็นธรรมดาที่ไม่ต้องกลัวทัณฑ์อัสนีในครั้งนี้

โลกเสวียนเทียนและโลกาอสูรฟ้า ร่างแยกทั้งสองรับทัณฑ์พร้อมกัน และในขณะเดียวกันนั้นก็ได้อาศัยอานุภาพทัณฑ์อัสนี เพื่อชุบร่างเนื้อ!

สวรรค์อัสนีเข้าสู่ร่างกาย แน่นอนว่าจะทำให้ร่างกายของนักยุทธ์เกิดความเสียหาย แต่ตราบใดที่สามารถทนรับได้ ในขั้นตอนนี้ พลังของสวรรค์อัสนีก็จะกลั่นสิ่งสกปรกที่อยู่ในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้นสวรรค์อัสนีที่มีอานุภาพรุนแรงกว่า ยังสามารถชำระความขุ่นหมองของร่างกายที่เกิดขึ้นในภายหลังได้ ทำให้ร่างกายของเจ้าขยับเข้าใกล้ร่างพรสวรรค์ขึ้นเรื่อย ๆ สามารถรับรู้ได้ถึงความมหัศจรรย์ของกฎฟ้าดินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เหมือนดั่งที่หลัวซิวได้คาดคะเนเอาไว้มหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหกบรรลุขั้นเจ็ด ทัณฑ์สวรรค์อัสนีที่เขาจะต้องทนรับ อานุภาพของมันนั้นได้บรรลุถึงขั้นเทพมารระดับสูงสุดเป็นที่เรียบร้อย

ในขณะที่รับทัณฑ์นั้น เขาไม่สามารถอาศัยพลังใด ๆ จากภายนอกได้เลย ได้แต่อาศัยร่างกายของตนเองมาต้านรับการโจมตีและบุกรุกของสวรรค์อัสนี

เขาอดทนต่อความรู้สึกเจ็บปวดจากการฉีกขาดของร่างกาย รอบกายเต็มไปด้วยความไหม้เกรียม เนื้อปริแตกเลือดไหลอาบ แต่ร่างนี้ที่ถูกฟ้าผ่าของเขาก็ได้ถูกซ่อมแซมและคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ในขณะเดียวกันพลังจิตแท้ในร่างกายของเขาก็ยิ่งถูกกลั่นแปรให้ควบแน่น และบริสุทธิ์ขึ้นมาเรื่อย ๆ