บทที่ 1099 พิธีราชาภิเษก

The king of War

ในเวลาเดียวกันนั้น ณ ตระกูลฉิน

การตายของฉินหรูเฟิงตระกูลฉิน ควรจะมีบรรยากาศที่เศร้าสลด แต่ตระกูลฉินในขณะนี้ กลับมีการประดับประดาแบบงานเฉลิมฉลองทั่วไปหมด

ตามหมายกำหนดเดิมคือบ่ายสามนาฬิกา จึงจะเริ่มพิธีการสืบทอดผู้นำคนใหม่ตระกูลฉิน แต่นี่ยังไม่ถึงสามนาฬิกา ในตระกูลฉินก็มาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย

ต่างคนล้วนมาพร้อมของขวัญกำนัลสูงค่า นำมาอวยพรฉินเต๋อเจิ้ง

ส่วนฉินเต๋อเจิ้ง ก็ยังไม่มีการปรากฏตัว แขกเหรื่อทั้งหลายถูกนำพาเข้าไปในโถงใหญ่สำหรับงานเลี้ยงรับแขก

ภายในเรือนเล็กหลังหนึ่ง ฉินเต๋อเจิ้งนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน เบื้องล่างถัดมาเป็นเหล่าผู้กุมอำนาจในสายของเขา หยางเฉินกับฉินต้าหย่งก็นั่งอยู่ในนั้นด้วย

“หยางเฉิน ตระกูลฉินจะเดินไปตามแนวนี้จริงหรือ?”

ฉินเต๋อเจิ้งมองหน้าหยางเฉิน พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หยางเฉินผงกหัว “เรื่องที่ผมมาถึงตระกูลฉิน คงต้องถูกเปิดเผยแน่นอน พันธมิตรตระกูลคิงคิดจะรู้เรื่องความเกี่ยวพันของผมกับตระกูลฉิน เป็นเรื่องไม่ยาก”

“อีกทั้งตระกูลคิงเฉาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกพันธมิตร ถ้าท่านเป็นกษัตริย์เฉา หลังจากผมจากไปแล้ว คิดว่าท่านจะลงมือกับตระกูลฉินหรือไม่หละ?”

ได้ฟังที่หยางเฉินพูด ฉินเต๋อเจิ้งให้รู้สึกฉุกคิดขึ้นมาทันที ถึงตอนนี้ไม่ใช่อยู่ที่ตระกูลฉินจะยอมหรือไม่ยอมแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับตระกูลคิงเฉาจะยอมหรือไม่ยอมปล่อยตระกูลฉิน

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ตระกูลฉินก็ต้องลุยแล้ว!”

ฉินเต๋อเจิ้งตบโต๊ะอย่างแรงลุกยืนขึ้นในฉับพลัน คนอื่น ๆ ต่างก็ลุกยืนขึ้นตาม ทุกคนมีสีหน้าขึงขัง “ลุย!” มีหยางเฉินอยู่ ความมั่นใจพวกเขาพุ่งสูง

ฉินต้าหย่งตื่นใจสุด ๆ เพราะเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้ จะเปลี่ยนสถานะภาพของตระกูลคิงทั้งหมด

ยังไม่มีใครได้รู้ ตระกูลฉินกำลังบ่มเพาะแผนการใหญ่มโหฬาร แม้นเมื่อทำสำเร็จ ฐานะของตระกูลฉินในจิ่วโจว จะยิ่งใหญ่ระเบิด

เวลายังไม่ถึงสามนาฬิกาดี บรรดาตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองคิงเฉา ต่างมากันจนครบหมด คงขาดอยู่เพียงกษัตริย์เฉา

“กษัตริย์เฉาไม่มาหรือ?”

ภายในเรือนเล็ก เฒ่าอู๋กำลังรายงานสภาพภายในโถงจัดเลี้ยง ฉินเต๋อเจิ้งขมวดคิ้วถาม

เฒ่าอู๋ผงกหัว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หรือจะว่า กษัตริย์เฉาล่วงรู้ถึงแผนการของพวกเรา ก็จึงไม่ยอมมา?”

“เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเรา กษัตริย์เฉายังเดาไม่ถูกหรอก”

หยางเฉินจึงได้ยืนขึ้น เอ่ยปากพูดว่า “แต่งานเลี้ยงซ่อนแผนสังหารนี้ เขาต้องรู้อยู่แน่นอน!”

“ดูท่าแล้ว กลุ่มพันธมิตรตระกูลคิงต้องรู้ว่าข้ามาตระกูลฉินแล้ว”

ฉินเต๋อเจิ้งสีหน้าเคร่งเครียดสุดขึ้นมาโดยพลัน ขบฟันพูดว่า “คิดไม่ถึงว่า กษัตริย์เฉาจะเหลี่ยมจัดถึงขนาดนี้ ที่พวกเราเร่งรัดเวลาจัดพิธีสืบทอดตำแหน่ง ก็เพื่อไม่ให้พวกมันมีเวลาสืบความ ไม่คิดว่าจะถูกพวกมันรู้ได้”

“ถ้างั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?กษัตริย์เฉาไม่มา เรื่องที่จะทำกันต่อไปนี้ ก็เท่ากับไร้ความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว”

ผู้เฒ่าท่านหนึ่ง พูดขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย

หยางเฉินถึงแม้จะแข็งแกร่งมาก แต่หลายปีมานี้ กษัตริย์เฉาวางตัวข่มตระกูลฉินมาตลอด กลายเป็นความฝังใจที่คุ้นชินอยู่กับทุกคน ตระกูลคิงเฉานั้นเราไม่มีทางจะเอาชนะได้

“ลนลานกังวลอะไรกัน?พวกเรายังมีหยางเฉินอยู่ไม่ใช่หรือ?”

ฉินเต๋อเจิ้งตะคอกดุใส่ผู้เฒ่าท่านนั้นไป

ตามด้วยกวาดสายตามองไปที่ทุกคน พูดเสียงขรึม “ไม่ว่ากษัตริย์เฉาจะมาหรือไม่ในวันนี้ พิธีสืบทอดตำแหน่ง ก็ต้องจัด!”

“ใช่!”

หยางเฉินก็เอ่ยพูด “ตอนที่ข้าตัดสินใจจะทำแบบนี้ ก็ได้มีคำนึงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในสภาพนี้ไว้แล้ว”

“ให้ดำเนินพิธีการสืบทอดตำแหน่งไปก่อน รอให้เสร็จพิธีการเรียบร้อยแล้ว เรื่องอื่นค่อยว่ากัน!”

ฉินเต๋อเจิ้งผงกหัว “ตกลง ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะ!”

พูดจบ เขาก็เดินมุ่งตรงออกไป ตามหลังด้วยคนในระดับสูงของตระกูล

ในขณะเดียวกันนั้น ภายในโถงใหญ่งานจัดเลี้ยง เหล่าผู้นำตระกูลเศรษฐีในเมืองเฉาต่างพาคนในตระกูลมาด้วยตัวเอง

ทว่า ตอนนี้ได้เวลาสามนาฬิกาแล้ว แต่ยังไม่เห็นกษัตริย์เฉาปรากฏตัวมา เหล่าบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย แต่ละคนให้รู้สึกพะวงสงสัย

“สามนาฬิกาแล้วนี่ กษัตริย์เฉายังไม่เห็นเสด็จ?”

“นั่นสิ งานพิธีระดับใหญ่ขนาดนี้ ถ้าไม่มีกษัตริย์เฉาเป็นประจักษ์พยาน จะยกระดับเป็นพิธีหลวงได้ยังไง?”

“พวกท่านว่า จะเป็นไปได้ไหมว่า ความสัมพันธ์ของตระกูลคิงเฉากับตระกูลฉิน พังไปแล้ว?”

พอมีคนทักเดาว่าความสัมพันธ์ของตระกูลคิงเฉากับตระกูลฉินมีอันเป็นไป สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปกันอย่างรุนแรง

“ชูว์!”

หัวหน้าตระกูลมหาเศรษฐีท่านหนึ่งในเมืองเฉาจุ๊ปากทำท่าให้สงบปาก กระซิบกระซาบบอกว่า “รีบหยุดปากเสีย ตระกูลฉินกับตระกูลคิงเฉาเขาสนิทแนบแน่นดีมาก มีใครไม่รู้มั่ง?คำพูดของแกนี่ถ้าได้ยินไปถึงตระกูลคิงเฉาหรือตระกูลฉิน ตระกูลพวกแกมีหวังเตรียมรอโดนถล่มล่มสลายได้เลย!”

ได้ยินเข้าไปนั่น หัวหน้าตระกูลเศรษฐีท่านนั้นรีบปิดปากเงียบ พูดแก้เกี้ยวไปเป็นว่า “ข้าพูดเล่นส่งเดชไปงั้นแหละ!”

เรื่องพูดเล่นส่งเดชที่พูดออกไปนั้น กลับทำให้หัวหน้าตระกูลเศรษฐีหลายคน ต่างให้รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องปกติ

ในสถานะภาพความสัมพันธ์ของตระกูลฉินกับตระกูลคิงเฉา งานสำคัญระดับนี้ กษัตริย์เฉาไม่น่าจะมาช้า นี่ก็เลยสามนาฬิกาไปแล้ว กษัตริย์เฉาก็ยังมาไม่ถึง พิธีการรับสืบทอดตำแหน่ง ก็ยังไม่ได้มีการเริ่ม

มีหลายหัวหน้าตระกูลเศรษฐี ต่างเริ่มมีความรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีนั้น ในใจเริ่มรู้สึกมีกังวล

ถ้าหากว่าความสัมพันธ์ของตระกูลคิงเฉากับตระกูลฉินแตกหักกัน พวกเขาที่มาร่วมงานสืบทอดตำแหน่งของตระกูลฉินในวันนี้ ก็ย่อมเป็นการไปกระทบกระทั่งกษัตริย์เฉาเป็นแน่

“มาแล้ว!”

ในเวลานั้นเอง ก็ได้มีร่างคนหลายคนเดินเข้ามาในห้องโถงงานเลี้ยง

ฉินเต๋อเจิ้งห้อมล้อมด้วยผู้มีอันดับสูงในตระกูลฉิน เดินก้าวเช้ามา

“ท่านผู้นำตระกูลฉิน ขอแสดงความยินดีด้วย!”

พอได้เห็นฉินเต๋อเจิ้งปรากฎตัว ก็มีหัวหน้าตระกูลเศรษฐีลุกยืนขึ้นทันที แสดงความยินดีด้วยอย่างอยากออกหน้า

ติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ตระกูลต่าง ๆ ที่พอมีศักดิ์ศรีเทียบเคียงตระกูลฉินได้ ต่างก็เอ่ยปากแสดงความยินดีด้วย

“ขอบคุณทุก ๆ ท่าน!”

ฉินเต๋อเจิ้งหัวเราะ ยกมือคำนับไปรอบ ๆ ทุกด้าน

ขณะนั้น รอบ ๆ ตัวฉินเต๋อเจิ้งมีแต่ผู้สูงอายุในวัยประมาณหก-เจ็ดสิบปี และถึงแปดสิบปีก็มี แต่มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่ง

และชายหนุ่มคนดังกล่าว ก็เดินอยู่เคียงข้างฉินเต๋อเจิ้ง แม้กระทั่งอู่เลี่ยผู้แข็งแกร่งมือหนึ่งของตระกูลฉิน ก็ยังยืนอยู่ข้างหลังหยางเฉิน

ภาพที่เห็นนั้น ทำให้หลายคนเกิดความสนใจ สายตาเป็นจำนวนมากพุ่งไปที่หยางเฉิน

ดูจากตำแหน่งยืนของคนตระกูลฉิน ก็มองออกได้ว่า ตำแหน่งฐานะหยางเฉิน เพียงแค่รองจากฉินเต๋อเจิ้ง

แต่ทว่า ที่ให้ทุกคนสงสัยก็คือ ไม่เคยเห็นมีใครพูดถึงในตระกูลฉินมีชายหนุ่มอะไรคนนี้อยู่เลย

ในขณะที่กลุ่มคณะของฉินเต๋อเจิ้งเข้านั่งประจำที่ พ่อบ้านตระกูลฉินก็ได้ก้าวเข้ามา กวาดตามองไปรอบ ๆ ประกาศออกมาด้วยเสียงอันดัง “พิธีราชาภิเษก เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”

คำประกาศของพ่อบ้านเฒ่าว่าพิธีราชาภิเษก ทอดสายตามองไปทั่วจิ่วโจว นอกเหนือจากตระกูลคิง ยังมีตระกูลหน้าไหน บังอาจจัดพิธีราชาภิเษกได้?

แต่ทว่า หัวหน้าตระกูลเศรษฐีเป็นจำนวนมากที่อยู่ในบริเวณ ตอนนี้แต่ละคนคงยังคิดว่าตัวเองฟังผิด

“บวงสรวงบรรพชนตระกูลฉิน!”

สิ้นเสียงพ่อบ้านเฒ่า ฉินเต๋อเจิ้งลุกยืนขึ้น นำหน้าพาลูกหลานตระกูลฉิน มุ่งตรงไปยังศาลเจ้าประจำตระกูล

ฉินเต๋อเจิ้งจุดธูปสามดอกด้วยตัวเอง ปักลงในกระถางธูป แล้วคุกเข่าลงทั้งสองข้าง ค้อมหัวลงโขกพื้นสามครั้ง แล้วจึงลุกยืนขึ้น

เขามองป้ายสถิตย์วิญญาณบรรพชนที่เรียงรายอยู่ สีหน้าให้มีความรู้สึกตื้นตัน

หลังจากเซ่นไหว้เสร็จ ฉินเต๋อเจิ้งนำลูกหลานในตระกูลย้อนกลับมาที่โถงใหญ่จัดงาน พ่อบ้านเฒ่าประกาศขึ้นมาอีกครั้ง “อัญเชิญเครื่องทรงกษัตริย์!”

ติดตามจากเสียงประกาศพ่อบ้านเฒ่า ลูกหลานหญิงสาวนางหนึ่ง ประคองถาดที่ทำจากไม้หอม บนถาดวางเครื่องทรงกษัตริย์พับมาอย่างเรียบร้อยครบชุด

“ว้าว!”

ฉินเต๋อเจิ้งจัดแจงคลี่ชุดเครื่องทรงสรวมใส่บนร่างตัวเอง

บรึม!

วินาทีทันใดนั้น เหล่าบรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐีเมืองเฉา ทั้งหมดลุกขึ้นยืน แต่ละคนตะลึงกันตาค้าง

มาจนถึงนาทีนี้เอง พวกเขาถึงสำนึกได้ ก่อนหน้าที่คิดว่าฟังผิด ที่พ่อบ้านเฒ่าตระกูลฉินประกาศว่าพิธีราชาภิเษก

มาถึงขณะนี้ ฉินเต๋อเจิ้งสวมเครื่องทรงกษัตริย์ แผ่อานุภาพความเป็นกษัตริย์เต็มตัว

ตัวเขานี้ จะตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์