ตอนที่ 2689

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,689 : ไม่ใช่ธรรมดา!

 

“ข้าว่าไม่พ้นเป็นอย่างที่โจวอันรองเจ้าสำนักราชันพิษกล่าวไว้…ปรมาจารย์อมตะผู้นั้นของนิกายมังกรบินสมควรเสแสร้งทำเป็นลึกลับอยู่แน่”

 

อ๋อง 3 หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

 

“ข้าว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้น…เสียงกล่าวขณะที่มันเอ่ยเรื่องเดิมพันฟังดูมั่นใจจริงๆ”

 

อ๋องฉินกล่าว

 

“ได้! ข้าโจวอันจะพนันกับเจ้า!”

 

ทันใดนั้นเองอ๋องฉินกับอ๋อง 3 ก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นจากด้านนอก เป็นรองเจ้าสำนักราชันพิษโจวอันที่ประกาศเสียงดัง!

 

และวาจาที่มันกล่าวออก ก็คือการยอมรับการเดิมพันไม่เป็นธรรมที่ต้วนหลิงเทียนเสนอขึ้นมา!

 

“เพียงแต่…ข้าอยากรู้นัก ว่าหากเจ้าแพ้แล้วจะไม่ผิดคำพูดแน่หรือ?”

 

เสียงโจวอันยังคงดังขึ้นสืบต่อ และวาจาก็เผยให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจในตัวต้วนหลิงเทียน

 

“อย่าได้กังวลไป…กับอีแค่หินอมตะระดับสูงแสนก้อนไม่นับเป็นอะไรสำหรับข้า อย่างไรก็ตามพอเจ้าพูดขึ้นมาแบบนี้ ข้าก็ชักสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน ว่าถ้าหากเจ้าแพ้…เจ้าจะจ่ายหินอมตะระดับสูงให้ข้า 50,00 ก้อนหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ดัดเสียงแหบทำเป็นกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงแคลงใจ

 

“ผายลม! ข้าโจวอัน รองเจ้าสำนักราชันพิษไหนเลยจะกลับคำพูด!?”

 

เสียงเปี่ยมโทสะของโจวอันดังขึ้น

 

“แล้วผู้ใดจะไปรู้?”

 

เสียงชราของต้วนหลิงเทียนยังคงดังสืบต่อ

 

“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งคู่ต่างไม่เชื่อใจอีกฝ่าย แต่ยังอยากจะพนันกันให้ได้…เช่นนั้นให้เปิ่นหวางเป็นคนกลางปะไร?”

 

ตอนนี้เองเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความคึกคักหนึ่งพลันดังขึ้น ขณะเดียวกันร่างอ๋อง 3 ก็ลอยออกมาจากม่านชั้นลอย ก่อนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าอัฒจันทร์สำหรับบุคคลพิเศษ

 

“ท่านอ๋อง 3!”

 

“คารวะอ๋อง 3!”

 

 

ทันใดนั้นเหลาผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษก็ประสานมือคารวะออกไป

 

เพราะสุดท้ายแล้วอ๋อง 3 ที่ลอยอยู่เบื้องหน้า ไม่ใช่แค่จะเป็นน้องชายของอ๋องฉินเท่านั้น แต่ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนที่ร้ายกาจอย่างหาตัวจับยากของวังฉินอีกด้วย

 

เรียกว่าในวังฉินนั้น พลังฝีมือของอ๋อง 3 จะเป็นรองก็แต่อ๋องฉินเพียงผู้เดียว!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นดั่ง โฆษก ของอ๋องฉิน กระทั่งการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ เดิมทีอ๋องฉินก็ไม่คิดมาดู มอบหมายให้มันจัดการทั้งหมด

 

“ว่าอย่างไร หากพวกเจ้าเชื่อใจข้า…ข้าจะเป็นคนกลางและถือเงินเดิมพันให้พวกเจ้าเอง ผลออกมาเมื่อไหร่ข้าจะเป็นคนจ่ายเดิมพันให้ผู้ชนะ”

 

ไม่นานอ๋องฉินกก็มาหยุดลอยยระหว่างคนของสำนักราชันพิษและนิกายมังกรบิน

 

“เป็นธรรมดาที่ข้าจะเชื่อใจอ๋อง 3”

 

โจวอันพอเห็นว่าอ๋อง 3 ถึงกับออกหน้ามาเพราะสนใจเรื่องการเดิมพันระหว่างมันกับคนของนิกายมังกรบิน มันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่คิดชักช้า เร่งหยิบแหวนพื้นที่ว่างเปล่าก่อนจะบรรจุหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนลงไป แล้วส่งมอบให้อ๋อง 3 ทันที

 

“มีอ๋อง 3 ให้เกียรติเป็นคนกลางเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องกลัวเจ้านั่นมันโกงแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกด้วยเสียงแหบชรา ขณะเดียวกันก็หยิบแหวนพื้นที่อันบรรจุไว้ด้วยหินอมตะระดับสูงแสนก้อนส่งไปให้อ๋อง 3 ทันที

 

อ๋อง 3 ตรวจสอบแหวนทั้ง 2 เล็กน้อยย ค่อยกล่าวรับรองออกมา “เอาล่ะ หินอมตะครบทั้ง 2 วง ไม่มีปัญหา”

 

“แต่ว่า…”

 

หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยและเก็บบแหวนพื้นที่ทั้ง 2 วงไปแล้ว อ๋อง 3 ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนที่ถูกปกปิดไว้ด้วยชุดคลุมปรมาจารย์อมตะสีดำมิดชิด ค่อยเอ่ยขึ้นว่า “ปรมาจารย์ท่านนี้ ดูเหมือนท่านจะเป็นอาวุโสกิตติมศักดิ์ของนิกายมังกรบินใช่หรือไม่? มิทราบท่านช่วยไขข้อข้องใจให้ข้าได้หรือไม่…ว่าไฉนท่านถึงมองฉู่เหยียนในแง่ดีกว่า?”

 

“เมื่อครู่พอดีข้าเองก็ได้ยินที่ท่านกล่าว ว่าหากเทียบกับหยางจิ้นแล้ว ฉู่เหยียนเป็นคนที่ใจเย็นกว่า…กระทั่งหากจะมีผู้ใดเสียสมาธิก่อนก็สมควรเป็นหยางจิ้นไม่ใช่ฉู่เหยียน…”

 

“เพียงแค่…ข้าสงสัยนัก ไฉนท่านคิดว่าหยางจิ้นจะต้องเป็นฝ่ายวอกแวกและเผยช่องโหว่ก่อนเล่า?”

 

อ๋อง 3 กล่าวถามออกมาจนจบ

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่อ๋อง 3 ถามจคำ ทุกสายตาในอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ ก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนยด้ยความสนใจทันที

 

แม้แต่รองเจ้าสำนักราชันพิษอย่างโจวอันก็ไม่เว้น

 

ส่วนทางด้านอัฒจันทร์ที่นั่งของเหล่าผู้คนจาก 16 มณฑลและอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษอีกฟากนั้น ล้วนยังคงจับจ้องการประลองระหว่างหยางจิ้นกับฉู่เหยียนกลางหาวไม่วางตา

 

เลยไม่ทันมีใครสังเกตเห็นความวุ่นวายของอัฒจันทร์ฟากนี้…

 

“อันที่จริงข้าก็แค่เดาไปเรื่อย…”

 

โดนอ๋อง 3 กล่าวถามเชิงไต่สวนแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เพียงกล่าวตอบออกมาด้วยเสียงชรา “ข้าคิดว่าฉู่เหยียนนั้นสมควรควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า เพราะมันถึงขั้นงำประกายไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อรับชื่อเสียงอันใดมานาน จนเมื่อการประลอง 16 มณฑลถูกจัดขึ้น…ค่อยสำแดงพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วจนกลายเป็นม้ามืดไป…”

 

“จากเรื่องนี้เผยให้เห็นว่าฉู่เหยียนนั้นเป็นคนใจเย็นเพียงใด”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดซ่อนอะไร เพียงกล่าวความเห็นของเขาออกไปตามตรง

 

“ดูเหมือน…จะเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ”

 

หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน อ๋อง 3 ก็ผงะนิ่งคิดไปพักหนึ่ง พอรู้สึกตัวแล้วก็พยักหน้ารับ ด้วยรู้สึกว่าคำพูดของต้วนหลิงเทียนนั้น มันไม่อาจกล่าวแย้งได้เลย…

 

ถ้าพิจารณาจากเรื่องราวในอดีต ฉู่เหยียนที่เพิกเฉยลาภยศสรรเสริญ กับหยางจิ้นที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟ ฉู่เหยียนนับว่านิ่งกว่าจริงๆ…

 

แต่แน่นอนว่าเรื่องเพียงเท่านี้ยังไม่มากพอจะตัดสินว่าฉู่เหยียนนั้นใจเย็นกว่าหยางจิ้นจริงๆ และหยางจิ้นเป็นคนใจร้อนกว่า…

 

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

 

หลังอ๋อง 3 กล่าวจบได้ไม่ทันไร ก็เป็นรองเจ้าสำนักราชันพิษโจวอัน ที่พึ่งเดิมพันกับต้วนหลิงเทียน พอกลับมารู้สึกตัวมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า!

 

จากนั้นครู่หนึ่งมันก็พึ่งตระหนักได้ว่าอ๋อง 3 ยังอยู่ตรงหน้าจึงหยุดหัวเราะ ค่อยหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประชด “แม้ที่เจ้ากล่าวมามันจะเป็นความจริงอยู่บ้าง…แต่ไฉนเจ้ามั่นใจนักว่าหยางจิ้นจะใจร้อนกว่า?”

 

“เจ้าสมควรทราบว่าตอนนี้หยางจิ้นกับฉู่เหยียนมีพลังฝีมือทัดเทียม เช่นนั้นมันย่อมทุ่มจิตสมาธิถึงขีดสุด ไหนเลยจะกล้าไม่ระวัง?”

 

ในความคิดของมัน

 

ถึงแม้ว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูดจะมีเหตุผล แต่ก็ไม่มากพอจะเผยให้เห็นว่าฉู่เหยียนสามารถเอาชนะหยางจิ้นได้แน่ๆ

 

เพราะสุดท้ายแล้วหยางจิ้นก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน

 

คนอื่นๆบนอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษก็คิดเช่นนั้น

 

ดังนั้นแล้ว พอมันได้ฟังคำตอบของต้วนหลิงเทียน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

 

ตอนแรกพวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะให้เหตผลน่าเชื่อถืออะไรเสียอีก

 

แต่ไม่คิดเลย

 

ว่าที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยมาแม้จะมีเหตุผล แต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักมากพอ

 

“ท่านผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิง ท่านวู่วามเกินไปแล้ว…”

 

รองประมุขนิกายมังกรบิน หวงกวงจี๋ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียนพลางยิ้มเหยเก

 

ในความคิดมันแม้สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนจะมีเหตุผล แต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักมากพอจะตัดสินผลลัพธ์สุดท้ายของการประลอง อย่างดีก็ให้ภาษีฉู่เหยียนเพิ่มจนมีโอกาสชนะเป็น 6 ต่อ 4 เท่านั้น

 

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น โอกาสชนะของฉู่เหยียนยังห่างกว่า 9 ส่วนที่พูดไว้อยู่ดี

 

มันจึงขบคิดไม่ออกจริงๆ

 

อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงผู้นี้ ไปเอาความมั่นใจ 9 ส่วนมาแต่ที่ใด?

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังขอหวงกวงจี๋ ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพียงกล่าวตัดบทไปว่า “รองประมุขหวงเพียงรอดูไปเถอะ…อย่างไรเสียต่อให้ข้าแพ้ ก็มิใช่ว่านิกายมังกรบินจะเป็นผู้จ่ายหินอมตะ”

 

“ท่านอาวุโสข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”

 

หวงกวงจี๋ได้แต่เผยยิ้มขื่นขมอีกรอบ

 

ขณะเดียวกัน ด้านอ๋อง 3 ก็เหินร่างกลับมายังชั้นลอย

 

“ฮัย ข้าหลงคิดว่าปรมาจารย์อมตะผู้นั้นของนิกายมังกรบินจะพูดอะไรที่ทำให้ข้าเชื่อ…แต่คิดไม่ถึงเลย่าสุดท้ายมันก็แค่กล่าวเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่ฉู่เหยียนแลดูใจเย็นกว่าเท่านั้นหรือ…เหตุผลข้อนี้อย่างดีก็เพิ่มโอกาสชนะให้ฉู่เหยียนแค่ส่วนเดียว มิทราบมันไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใดถึงได้เอาหินอมตะระดับสูงแสนก้อนไปเสี่ยงพนันกับหินอมตะระดับสูงแค่ 50,000 ก้อนจากโจวอันรองเจ้าสำนักราชันพิษ…”

 

หลังกับมานั่งที่แล้ว อ๋อง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาด้วยความผิดหวังให้อ๋องฉินฟัง

 

“นั่นก็มิใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเสมอไป…”

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำของอ๋อง 3  อ๋องฉินถึงกับขมวดคิ้ว กล่าวแย้ง

 

“เอ๊า? พี่ใหญ่ไฉนท่านกล่าวเช่นนั้นเล่า??”

 

อ๋อง 3 หันไปมองถามอ๋องฉินด้วยความอยากรู้

 

“ศึกครั้งนี้…หยางจิ้นมีโอกาสแพ้กว่า 9 ส่วน!”

 

อ๋องฉินกล่าวเสียงหนัก

 

“หา! 9 ส่วนเลยหรือ!?”

 

ลูกตาของอ๋อง 3 หดเล้กลงโดยพลัน

 

ต้องทราบด้วยว่าหลังได้ฟังคำตอบของต้วนหลิงเทียน มันก็ตัดสินว่าอย่างดีฉู่เหยียนก็มีโอกาสชนะเพิ่มเป็น 6 ส่วนเท่านั้น

 

ทว่าตอนนี้ฟังจากวาจาพี่ใหญ่ของมัน เหมือนฉู่เหยียนจะมีโอกาสชนะกว่า 9 ส่วน!

 

หากฉู่เหยียนมีโอกาสชนะ 9 ส่วนจริง อย่าว่าแต่ลงเดิมพัน 100,000 หินอมตะระดับสูงเพื่อหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนเลย ต่อให้ลงเดิมพันหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อน เพื่อเดิมพันหินอมตะระดับสูง 50,000ก้อนก็ถือว่าคุ้ม!

 

“พี่ใหญ่ ไฉนท่านคิดเช่นนั้นล่ะ?”

 

อ๋อง 3 กล่าวถาม

 

ขณะเดียวกันด้านฉินอวี่ จากที่ไม่ได้สนใจเรื่องราวความขัดแย้งด้านนอก ก็ยังอดหันไปมองอ๋องฉินด้วยความสงสัยไม่ได้ ว่าไฉนลุงของมันคนนี้ถึงพูดว่าหยางจิ้นของมณฑลผิงชานมีโอกาสแพ้กว่า 9 ส่วนออกมา…

 

“หากปรมาจารย์อมตะของนิกายมังกรบินไม่ได้กล่าวถึงอดีตของฉู่เหยียน และความเฉยเมยต่อชื่อเสียงลาภยศของมันออกมา…ข้าก็คงคิดว่าฉู่เหยียนกับหยางจิ้นนั้นผู้ใดจะชนะก็มีโอกาสครึ่งๆเช่นกัน…”

 

อ๋องฉินถอนหายใจ

 

และภายใต้สายยตาที่แลดูอยากรู้นักของน้องกับหลานชาย อ๋องฉินก็เริ่มกล่าวสืบต่อว่า “ตอนนี้พอข้ามานึกย้อนดูการประลองก่อนหน้าของหยางจิ้น…ให้เทียบกับฉู่เหยียนแล้ว ดูเหมือนมันจะควบคุมอารมณ์ได้ด้อยกว่าจริงๆ”

 

“เป็นเพราะคู่ต่อสู้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ของมันมีพลังฝีมือต่ำกว่ามันมากเกินไป แม้มันจะชักสีหน้าหยิ่งลำพองแค่เล็กน้อย แต่ก็คงไม่มีใครสนใจ…เช่นนั้นข้าจึงไม่ทันฉุกคิดถึงเรื่องนี้เลย”

 

“ข้ากำลังสงสัยว่า…ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของนิกายมังกรบินผู้นั้น ต้องสังเกตเห็นความถือดีของหยางจิ้นในการประลองก่อนหน้าได้อย่างชัดเจนแล้วเป็นแน่…”

 

พูดถึงจุดนี้สายตาของอ๋องฉินก็มองผ่านม่านด้านข้างออกไปตกยังร่างในชุดคลุมปรมาจารย์อมตะสีดำบนอัฒจันทร์สำหรับบุคคลพิเศษ โดยไม่ละสายตาออกมาอยู่นาน…

 

“จริงด้วย…เรื่องง่ายๆเพียงเท่านี้ แต่ข้าไม่ทันคิดมาก่อนเลย หากข้ารู้เรื่องนี้แต่แรก ข้าต้องสรุปได้ทันทีเช่นกันว่าหยางจิ้นอ่อนด้อยกว่าฉู่เหยียน”

 

หลังจากได้ยินคำของอ๋องฉินแล้ว ในที่สุดอ๋อง 3 ก็เข้าใจได้เสียทีว่าไฉนพี่ใหญ่ของมันบอกว่าหยางจิ้นมีโอกาสแพ้กว่า 9 ส่วน!

 

“แต่ว่า…กระทั่งข้ายังไม่ทันสังเกตเห็นเรื่องนี้ แล้วไฉนปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำคนนั้นถึงสังเกตเห็นแต่แรกเล่า หรือพลังฝึกปรือมันจะเหนือกว่าข้า?”

 

อ๋อง 3 กล่าวออกมาด้ยความเหลือเชื่อ

 

“ไม่จำเป็นต้องมีพลังฝึกปรือสูงอะไรก็สามารถมองเห็นเรื่องพวกนี้…ขอเพียงเจ้าสังเกตุให้ดีแต่แรกก็สมควรพบเห็น กระทั่งจินเซียนตะวันเหลืองก็สมควรมองออกได้ง่ายๆ”

 

อ๋องฉินกล่าว

 

“อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของนิกายยมังกรบินผู้นั้น…ไม่ใช่ธรรมดา!”

 

สุดท้ายอ๋องฉินก็ประเมินอีกฝ่ายด้วยคำนี้

 

เวลาครึ่งชั่วยามนั้นไม่นับว่าไม่ได้นานมากนัก ไม่ทันไรก็ผ่านไปครบแล้ว

 

ฉู่เหยียนกับหยางจิ้นก็ยังสู้กันไม่รู้ผล

 

“พวกเจ้าทั้งคู่จงระวังให้ดี…ตอนนี้ข้าจะแผ่พลังกดดันพวกเจ้าแล้ว!”

 

เสียงพิธีกรดำเนินการประลอง 16 มณฑลดังขึ้น ทำให้ใจของผู้ชมเริ่มเต้นรัวขึ้นทันที

 

เมื่อเวลานี้มาถึง ย่อมหมายความว่า…

 

ผู้ชนะกำลังจะถูกตัดสิน!