มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1286

ตั้งแต่ที่ได้สำนักเต๋าเสวียนเทียนมา บวกกับระยะเวลาที่หลัวซิวได้ฝึกฝนในโลกาศุภร สำนักเต๋าได้วิวัฒนาการติดต่อกันมาเป็นเวลาถึงสิบปี!

ตำหนักจื่อเซียวนั้นเป็นสมบัติสำคัญในการฝึกตนของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพ ในอนัตตาไม่สิ้นในปีนั้น หงเทียนได้ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักจื่อเซี่ยวหาโอกาสที่จะครอบครองวิญญาณ สุดท้าย กลับได้ถูกหลัวซิวควบคุม รับเอาไว้ให้เป็นจิตภัณฑ์ของหอกยุทธ์มังกรดำ

ประตูตำหนักเต๋าแห่งนี้กลับได้กลืนกินตำหนักจื่อเซียวที่พังทลายลงไป พอวิวัฒนาการ ก็เป็นเวลาสิบกว่าปี

วินาทีที่สัมผัสได้ว่าสำนักเต๋าเสวียนเทียนวิวัฒนาการสำเร็จ กระแสสัมผัสของหลัวซิวก็ได้รวบรวมไปยังตัวหยั่งรู้อย่างแทบจะทนรอไม่ได้

ประตูแห่งนี้ยังคงดูเก่าแก่เรียบง่ายเหมือนเดิม ให้ความรู้สึกโบราณสุดลูกหูลูกตา เพียงแค่แสงที่กะพริบออกมาจากประตูนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย กลายเป็นประตูสีม่วง ที่ขอบประตูมีควันสีม่วงรายล้อมรอบ ดูสูงส่งไม่ธรรมดา

“กลืนกินตำหนักจื่อเซียวของข้าลงไป ประตูแห่งนี้ได้เพิ่มระดับมาเป็นอัญเทพฟ้าแล้ว” เสียงของหงเทียนดังลอยออกมาจากหอกยุทธ์มังกรดำ

“อัญเทพฟ้า?” หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ตำหนักจื่อเซียวนั้นเป็นราชาแห่งศัสตราวุธ ตามหลักแล้วอานุภาพจะเหนือกว่าอัญเทพฟ้า แต่หลังจากที่ประตูตำหนักเต๋าเสวียนเทียนได้กลืนกินเข้าไป กลับวิวัฒนาการมาเป็นอัญเทพฟ้าเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันทำให้หลัวซิวไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก

“อย่าได้คิดว่าระดับของอัญเทพฟ้าไม่สูง ประตูตำหนักเต๋าเสวียนเทียนระดับอัญเทพฟ้านั้น มีอานุภาพทัดเทียมได้กับศัสตราวุธแห่งราชาอย่างแน่นอน!”

อานุภาพของอาวุธของขลังจะร้ายกาจหรืออ่อนแอ นอกจากระดับชั้นของอาวุธของขลังจะมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว วัสดุที่ใช้ในการหลอมอาวุธ วิธีที่ใช้หลอมอาวุธ หรือความลึกลับมหัศจรรย์ที่แฝงอยู่ในตัวของอาวุธของขลังเอง ต่างก็ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งนั้น

“ร้ายกาจเช่นนี้เชียวหรือ?”

หลังจากที่ได้ฟังหงเทียนอธิบาย หลัวซิวก็ตะลึงเล็กน้อย เดิมทีตัวประตูสำนักเต๋าเสวียนเทียนเอง ก็มีช่องว่างในการเติบโตที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ว่ากันว่ามีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่จะสามารถวิวัฒนาการกลายเป็นประตูอันล้ำค่าบานที่สองของฟ้าดิน!

หากอยู่ในระดับอัญเทพฟ้าสามารถทัดเทียมกับศัสตราวุธแห่งราชาได้ เช่นนั้นหลังจากที่วิวัฒนาการถึงขั้นศัสตราวุธแห่งราชา ก็จะไม่สามารถทัดเทียมได้กับราชาแห่งศัสตราวุธหรอกหรือ?

แน่นอน จากผลการขอฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้ไม่สามารถแสดงอานุภาพของประตูตำหนักเต๋าเสวียนเทียนออกมาได้สักเท่าไหร่นัก เพราะอย่างไรเสียระดับชั้นของอัญเทพฟ้าก็วางอยู่ตรงนั้นแล้ว

ความจริงแล้วหลัวซิวมีของวิเศษอยู่ในมือจำนวนมาก แต่จากผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ ที่สามารถใช้ได้และทำให้มันแสดงอานุภาพสูงสุดออกมาได้ ก็มีเพียงระฆังเทพฟ้ากำหนดวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพและหอกยุทธ์มังกรดำสามอย่างนี้เท่านั้น

ประตูสำนักเต๋าเสวียนเทียนและเกราะเทพเวหากาลต่างก็อยู่ในระดับอัญเทพฟ้า มีเพียงต้องรอจนกระทั่งผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงระดับเทพฟ้า ถึงจะสามารถใช้อานุภาพทั้งหมดของมันออกมาได้

ในตอนที่หลัวซิวถูกการวิวัฒนาการสำเร็จของประตูตำหนักเต๋าเสวียนเทียนดึงดูดอยู่นั่นเอง วิญญาณมรณะที่ซ่อนอยู่ในความมืดก็ได้ลงมือ

มันลอยออกมาจากช่องอากาศที่ซ่อนตัวอยู่ เหมือนดั่งลำแสงสีดำสายหนึ่ง ได้พุ่งกระแทกเข้าไปยังพลังเทพที่คุ้มกายที่อยู่บนร่างกายของผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าทั้งสองคนอย่างแรง

“ตูม!”

การโจมตีของพลังเทพกฎความตายทรงพลังยิ่งนัก พลังเทพคุ้มกายของชายวัยกลางคนชุดเขียวและฝูกานต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แทบจะแตกกระจายไปในทันที

ชายวัยกลางคนชุดเขียวที่มีผลการฝึกตนสูงที่สุดสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขายกมือขึ้นและล้วงเอา กระบี่ยุทธ์เล่มหนึ่งออกมา ตวาดกล่าว: “มีคนรอบโจมตีพวกเรา!”

“หรือว่าจะเป็นอสูรจิตที่อาศัยอยู่ในเหวมรณะ?” ฝูกานเองก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี

ในตอนนี้เอง พลังเทพกฎความตายสายแล้วสายเล่าได้โจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่โดนกระแทกล้วนแล้วแต่ทำให้พลังเทพคุ้มกายของพวกเขาสั่นสะท้าน เป็นเหมือนดังเปลวเพลิง ในพายุลม ที่อาจจะถูกมอดดับได้ทุกเมื่อ

นี่ทำให้สีหน้าของเทพฟ้าทั้งสองคนเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ อสูรจิตที่ซ่อนอยู่ในความมืดแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่?

“ผลัวะ!”

พลังเทพคุ้มครองกายของฝูกานแตกออกเป็นรอยแยกหนึ่งสาย พลังกฎความตายที่กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งได้แทรกซึมเข้าไป และกัดกินร่างกายซีกหนึ่งของเขา ไปจนหมดสิ้นในทันที ไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดได้เลย