บทที่ 1396 คุณคิดมากไปหรือเปล่า

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1396 คุณคิดมากไปหรือเปล่า?

นั่นคือไข่ม้วนห่อกุ้งจานหนึ่ง

พี่ภาที่ตกใจจนตัวขาวซีดไปทั้งตัว ในช่วงที่โทอิสนำมันไปทดสอบ เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเลย

ดลธีเองก็ตื่นตกใจมากเช่นกัน

เพราะว่าเขาก็ไม่เคยตระหนักได้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ ท่านประธานถึงได้นำสิ่งของชนิดนี้ไปทำการทดสอบ

ทุกคนนอนหลับไม่สนิทกันเลยทั้งคืน

วันต่อมา

เมื่อโทอิสปรากฏตัวออกมา ทุกคนต่างจับจ้องสายตาไปที่เขา

“เป็นยังไงบ้าง? เจ้ากระต่ายน้อย ของนั่นมีปัญหาอะไรไหม?”

“ใช่ อิส นายรีบพูดมาเร็วเข้า มีปัญหาอะไรกันแน่?”

พี่ภาก็ถามอย่างอดใจรอไม่ไหว

แต่เรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องแปลกประหลาดใจมากก็คือ โทอิสกลับส่ายหน้า สีหน้าแบบนั้นก็คือการแสดงออกถึงความว่างเปล่า

“ไม่มีปัญหานะ เมื่อคืนผมยังทดสอบอยู่หลายรอบมาก สุดท้ายก็ได้เพียงแค่ทำตัวนี้ออกมา”

พอเขาพูดจบ ก็นำข้อมูลที่เขาเขียนไว้ใบหนึ่งมาให้ดู

ดลธีเห็นแล้วก็รีบคว้าเอามาดู

“ปริมาณโปรตีนXX ปริมาณแคลอรี XX ปริมาณวิตามิน….แม่ง! เจ้ากระต่ายน้อย นายทำอะไรของนาย? ใครให้นายทดสอบอันนี้?”

“ท่านประธานไม่ได้หมายความว่าแบบนี้เหรอ? คุณชายเล็กชินจังไม่กินข้าว ท่านประธานเลยให้ผมทดสอบแยกสารอาหารไม่ใช่เหรอ?”

ชายวัยรุ่นที่หน้าตาหล่อเหลาพูดด้วยเหตุผลแบบเต็มปากเต็มคำ

ดลธี: “……..”

พี่ภา: “……..”

ชั่วขณะหนึ่งที่พวกเขาทั้งสองจ้องมองดูเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้โดยไม่มีอะไรจะพูด

ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า แสนรักก็ได้พาชินจังที่ตื่นนอนแล้วลงมาจากชั้นบน

เด็กน้อยคนนี้หลังจากที่ได้นอนแบบเต็มอิ่มด้วยกันกับแด๊ดดี้แล้ว คนทั้งคนก็ดูมีชีวิตชีวาสดใสขึ้นมากเลยทีเดียว ซึ่งดูเหมือนว่ากลับสู่สภาวะแบบเมื่อก่อนแล้ว

“แด๊ดดี้ น้องสาวกับหม่ามี๊พวกเขาล่ะอยู่ที่บ้านสบายดีไหม?”

“อืม ดีมากเลย พวกเขาก็คิดถึงลูกมาก ลูกจะกลับไปพร้อมกับแด๊ดดี้ไหม?”

นี่คือผลลัพธ์ที่แสนรักพิจารณาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

แต่หลังจากที่เด็กน้อยคนนี้ฟังแล้ว ดวงตาสวยงามคู่หนึ่งกลับเบิกกว้างขึ้นมาทันที

“ไม่ ผมไม่กลับไป การทดลองของผมยังไม่เสร็จเลยครับ ครั้งนี้คุณปู่มัตถ์ พวกเขาศึกษาวิจัยยานอวกาศลำหนึ่ง ผมได้เพิ่มชิปเข้าไปข้างใน มันจะสามารถสำรวจสัญญาณจากต่างดาวในจักรวาลได้ ผมยังกลับไปไม่ได้ครับ”

เจ้าเด็กตัวน้อยที่เพิ่งอายุจะสิบเอ็ดขวบ เหตุผลที่ใช้ปฏิเสธแด๊ดดี้ของเขาถึงกับทำให้คนอับอายจนเหงื่อตกได้ขนาดนี้

เอาเถอะ นี่ก็คืออัจฉริยะ

ในท้ายที่สุดแสนรักก็หยุดหัวข้อสนทนานี้ลงก่อน จากนั้นก็ให้เด็กน้อยคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าแล้วพาเขาลงไป

“คุณชาย คุณลงมาแล้วเหรอคะ? อิส เขาบอกว่า……สิ่งของนั้นเมื่อวานไม่มีปัญหา”

พี่ภามองเห็นจากชั้นล่าง จึงรีบเดินมาแล้วแย่งพูดผลลัพธ์ออกมาก่อนทันที

อันที่จริงนี่ก็ไม่สามารถโทษเธอได้

เพราะว่าในช่วงเวลานี้เป็นเธอที่ดูแลลูกชายคนนี้อยู่ ถ้าหากมีปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ งั้นเธอก็มีความรับผิดชอบที่ใหญ่มาก เกรงว่าคงจะไม่มีความสุขใจไปตลอดชีวิต

กลับเห็นว่าหลังจากที่เจ้านายผู้ชายคนนี้ฟังแล้ว ในดวงตาที่มั่นคงคู่นั้นค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความแปลกใจเล็กน้อย

“ไม่มีปัญหา?”

“ใช่ครับ ท่านประธาน ผมทดสอบหลายรอบแล้ว ท่าน…..เป็นเพราะว่าคุณชายเล็กไม่ยอมกินข้าว จึงคิดอยากสร้างสูตรที่สมดุลทางโภชนาการสารอาหารสำหรับเขาใช่หรือไม่ครับ?”

โทอิสก็เดินมาหา หลังจากที่เห็นท่านประธานคนนี้แล้วก็เอ่ยถามถึงหัวข้อนี้อีกครั้ง

แต่แสนรักไม่พูดอะไร

เขาโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาออกไปเสร็จแล้ว จึงพาลูกชายที่จูงอยู่ในมือไปที่โต๊ะอาหารทางนั้น

ไม่มีปัญหา?

หรือเพราะเขาคิดมากไป?

เขาเปิดอาหารเช้าที่พี่ภาจัดเตรียมเอาไว้เสร็จแล้วบนโต๊ะ สายตาก็ก้มลงมองยังลูกชาย: “อยากกินอันไหน?”

“นม และก็แซนด์วิช”

ชินจังหยิบมีดและส้อมที่อยู่ตรงหน้าขึ้น ตอบคำถามแด๊ดดี้ด้วยท่าทีดูเจริญอาหารดีมาก

แสนรัก: “…….”

จนกระทั่งกินอาหารเช้ามื้อนี้เสร็จเรียบร้อย คิ้วของเขาก็ยังคงขมวดเข้าหากันแน่น

อีกสักครึ่งชั่วโมงต่อมา ชินจังที่กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ถูกดลธีพาออกไปเที่ยวเล่นแล้ว ส่วนแสนรักก็โทรศัพท์วิดีโอคอลหาไพบูลย์อยู่ในห้องรับแขก

“ถ้าหากบอกว่าหลังจากที่คุณมาแล้ว สภาพของเด็กคือปกติ งั้นก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะบนเกาะไม่มีใครให้เขาได้พูดคุยด้วย จากนั้นส่งผลให้เขาไม่ยอมพูด เด็กคนนี้เดิมทีก็เป็นคนนิสัยโดดเดี่ยว พวกคุณไม่อยู่ เขาจึงกลายเป็นแบบนี้ก็ถือว่าปกติมาก”

หลังจากที่ไพบูลย์ได้ยินถึงสถานการณ์นี้ผ่านทางในโทรศัพท์แล้ว ก็เสนอว่าอาจจะเป็นเพราะรอบตัวของชินจังไม่มีคนในครอบครัวอยู่ข้างๆ จึงทำให้เป็นแบบนี้

แสนรักฟังจบ คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันแน่นมากยิ่งขึ้น

แต่หากเป็นเพียงเพราะปัญหานี้ล่ะก็ งั้นก็ดีเลย แค่ปัญหาการอยู่เป็นเพื่อนแค่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ในวันนั้น แสนรักจึงโทรศัพท์ไปหาแสงดาวที่อยู่ที่เมืองหลวง ให้เธอรีบไสหัวกลับไปเมือง A เขาไม่มีเวลาว่างจะไปจัดการเรื่องที่บริษัท จำเป็นต้องอยู่ดูแลลูกที่บนเกาะต่อไป

แสงดาวทั้งหัวเราะจนแทบจะร้องไห้

“คุณว่าเขาไม่สบายหรือเปล่า? ให้ฉันไปบริหารที่บริษัท เขาไม่ให้ฉันไปดูแลลูกของเขาเหรอ? ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ดูแลเด็กคือเป็นเรื่องที่ฉันควรทำไม่ใช่เหรอ?”

ม็อกโกเห็นแล้วก็ได้แค่ปลอบใจ: “ที่รัก คุณต้องคิดแบบนี้ว่า ที่ให้คุณไปบริหารจัดการบริษัทหนึ่งที่ใหญ่ขนาดนี้ นั่นต้องคิดว่าความสามารถของคุณเทียบชั้นกับเขาได้แล้ว แบบนี้ถือเป็นเรื่องดีนะ”

“จริงเหรอ?”

หญิงสาวถูกเกลี้ยกล่อมจนดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาในทันที

ช่วยไม่ได้ สิ่งมีชีวิตเช่นพวกเธอคือชอบที่จะได้ยินคำพูดดีๆ แบบนี้

ดังนั้นวันนี้แสนรักจึงค้างอยู่บนเกาะต่อ ส่วนแสงดาวก็เร่งรีบกลับไปยังเมือง A อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร และก็ต้องแบกรับมันเอาไว้อีกครั้ง ในช่วงที่ผู้มีอำนาจของหิรัญชากรุ๊ปไม่อยู่

พี่น้องตระกูลหิรัญชาถือเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว