บทที่ 2119 ทำไมถึงใหญ่ขึ้นได้ล่ะ?

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

ทะเลป่ากว้างใหญ่ เขียวชอุ่มเจริญงอกงาม

ในโพรงต้นไม้ มู่น่านอนเงียบอยู่บนเตียงไม้ กระโปรงเลิกขึ้น เผยให้เห็นท้องที่นูนออกมา

ศีลแปดนอนหมอบอยู่ข้างๆ เอาหูแนบบนท้องที่นูนขึ้นมาของมู่น่า ใช้มือลูบสัมผัสเบาๆ สุดท้ายก็ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิข้างๆ ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ทำไมถึงใหญ่แล้วล่ะ?” ไม่รู้ว่าเขากล่าวคำถามแบบเดียวกันนี้กี่รอบแล้ว

เขาจนใจมาก นึกไม่ถึงว่าทำให้ท้องของมู่น่าใหญ่แล้ว จนกระทั่งมู่น่าท้องใหญ่แล้ว เขาถึงได้รู้ว่ามู่น่าไม่เข้าใจเรื่องวุ่นวายไร้ระเบียบพวกนั้นเลย ไม่มีประสบการณ์เหมือนอวี้หลัวช่า ไม่รู้ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดแบบนี้ได้อย่างไร เวลาที่ทั้งสองมีความสุขกัน มู่น่าจึงไม่ได้ป้องกันใดๆ ตามหลักแล้วก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน เผ่าปีศาจกับมนุษย์ก็เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อนเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีตัวอย่างการสืบเผ่าพันธุ์มีทายาท นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมผ่านมานานขนาดนี้แล้วมู่น่าถึงได้เริ่มท้องใหญ่

นี่คือกรณีพิเศษ แม้แต่ศีลแปดเองก็ตระหนักได้ว่าสิ่งนี้เหนือความคาดหมายสุดๆ แต่เขากลับบังเอิญประสบแล้ว

ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ มู่น่าคือธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจนะ เขาทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าปีศาจท้องโตแล้ว ถ้าให้เผ่าปีศาจรู้จะต้องอาละวาดแน่นอน เกรงว่าถ้าปล่อยให้เรื่องราวใหญ่โตแล้ว แม้แต่ปราสาทแมกไม้ก็ไม่ปล่อยเขาไปเช่นกัน ถ้าข่าวแพร่ไปถึงหูพี่ใหญ่ ผลที่ตามมาก็ทำให้เขาตัวสั่นหวาดกลัว ต้องโดนตีตายแน่นอน

ยังมีฝั่งอวี้หลัวช่าอีก ตอนนี้เขานับว่ารู้ถึงความเจ้าอารมณ์ของอวี้หลัวช่าแล้ว ถ้าให้อวี้หลัวช่ารู้เรื่อง อวี้หลัวช่าต้องฆ่าเขาแน่นอน

ผลที่ตามมาเป็นชุดร้ายแรงขนาดนี้ จะไม่ให้ศีลแปดถอนหายใจได้อย่างไร แต่เขาก็ทำเรื่องโหดร้ายกับมู่น่าไม่ได้ เพราะเขารักนางจริงๆ ที่รู้สึกกับอวี้หลัวช่าเป็นเพียงความใคร่ แต่กับมู่น่าคือรักแท้

มู่น่าลุกขึ้นมาแล้วเช่นกัน นั่งพิงข้างกายเขา กะพริบตาพลางลูบท้องถามว่า “เจ้าไม่ชอบเหรอ?”

ดวงตางามบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ราวกับอัญมณีสีฟ้าที่สะอาดที่สุดในโลก ตราตรึงอยู่ในใจคนได้โดยตรง

“ชอบสิ!” ศีลแปดฝืนยิ้ม เขามีเงามืดในใจกับสิ่งนี้ จำได้ว่าเรื่องที่เกิดกับอวี้หลัวช่าทำให้เขาไม่อยากนึกย้อนกลับไป

“อย่าไปเลยได้มั้ย?” มู่น่าคว้าแขนเขา

ศีลแปดถอนหายใจ “ไม่ไปไม่ได้หรอก ประมุขพุทธะเปิดพลับพลาเทศนาธรรมที่แดนสุขาวดี พี่ใหญ่ของข้าก็จะไปด้วย พอเขาไปแดนสุขาวดี ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไปหาข้า ถ้าเขาพบว่าข้าไม่อยู่ จะต้องตัดขาข้าแน่นอน ข้าต้องกลับไปรับมือสักหน่อย เจ้าวางใจเถอะ รอให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วข้าจะกลับไป”

กลับมา? ตอนที่พูดว่ากลับมาเขาก็แทบร้องไห้ ถึงตอนนั้นจะอธิบายกับเผ่าปีศาจอย่างไรล่ะ!

“เจ้ากลัวพี่ใหญ่ของเจ้ามากเหรอ? พี่ใหญ่เจ้าดุมากเหรอ?” มู่น่าอยากรู้อยากเห็น

“เอ่อคือ…” ศีลแปดเอามือลูบคาง “บางครั้งก็ดุนิดหน่อย”

“พี่ใหญ่เจ้าทำอะไร วิชาพุทธธรรมล้ำลึกกว่าเจ้าเหรอ?” มู่น่าถาม

จนกระทั่งตอนนี้ ศีลแปดยังไม่เปิดเผยให้นางรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ใช่ว่าต้องการจะหลอกนาง แต่ผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป บริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาวเสมอ ไม่เคยสัมผัสกับของในด้านลบมาก่อน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ เลย โดนคนวางอุบายเล่นงานได้ง่ายมาก

ศีลแปดเกาะปากแล้วบอกว่า “พุทธธรรมไม่สูงเท่าข้าหรอก แต่จะพูดยังไงดีล่ะ มีอำนาจเยอะมาก ถ้าเขาโมโหคนขึ้นมา ก็ข้าเสียเปรียบมาก…”

พอพูดถึงตรงีน้ เขาก็นับถือพี่ใหญ่จริงๆ แล้ว แม้ที่ผ่านมาเขาจะคิดว่าพี่ใหญ่ของตัวเองเก่งกาจมาก แต่ก็นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ใหญ่จะกลายเป็นอ๋องสวรรค์คุมทัพใต้ ส่วนเมียของเขาก็คือพุทธะหน้าหยกแห่งแดนสุขาวดี พี่ใหญ่เป็นบุคคลเรืองอำนาจที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของตำหนักสวรรค์ เมียก็เป็นบุคคลเรืองอำนาจที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ของแดนสุขาวดี ตามหลักแล้วเมื่อมีคนใหญ่คนโตสองคนนี้คุ้มครองอยู่ เขาก็สามารถหัวเราะเสียงดังได้เลย แต่เขาดีใจไม่ออกเลยสักนิดจริงๆ อยากจะหลบให้ไกลหน่อยดีกว่า

มู่น่าไม่มีแนวคิดอะไรกับฝ่ายอำนาจพวกนั้นเลย ทำได้เพียงคิดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากๆ?

แต่นางก็ยังจับมือศีลแปดแน่น กล่าวอย่างกังวลว่า “ข้ากลัว!”

ศีลแปดตบมือนางเบาๆ พลางปลอบใจ “ไม่ต้องกลัว พี่ใหญ่ดุนิดหน่อย แต่มีคนที่เอาชนะเขาได้ พี่ใหญ่กลัวพี่สะใภ้ใหญ่ เดี๋ยวกลับไปข้าไปขอร้องพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ปากเหมือนมีดใจเหมือนเต้าหู้ ถ้ามีพี่สะใภ้ใหญ่ออกหน้าให้ พี่ใหญ่จะทำอะไรข้าได้ เจ้าวางใจได้เลย”

“ข้าไม่ได้กลัวพี่ใหญ่” มู่น่าส่ายหน้า นางลูบท้องนูนของตัวเอง กล่าวเสียงต่ำว่า “กระโปรงบังไม่อยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่อยู่ ข้ากลัวมาก!”

เขากังวลว่าถ้าศีลแปดไม่อยู่แล้วคนของเผ่าปีศาจมองออก ถ้าศีลแปดยังอยู่ ก็เป็นอย่างที่ศีลแปดบอก ว่าถ้ามีเขาอยู่ก็ไม่ต้องกลัว ส่วนมู่น่าก็เชื่อแล้วจริงๆ เชื่อว่าถ้ามีเขาอยู่ก็ไม่ต้องกลัว ความเชื่อใจนี้ทำให้ศีลแปดกดดันมาก!

“…” ศีลแปดเอามือเดาศีรษะล้าน เขาไม่มีทางอธิบายสิ่งนี้ได้ เขาเองก็กลัวเหมือนกันนะ!

เขาเคยคิดว่าจะไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ดีไหม อาศัยอำนาจของพี่ใหญ่ทุกวันนี้ ถ้าออกหน้าคลายความขัดแย้งกับปราสาทแมกไม้และเผ่าปีศาจ ก็น่าจะทำได้นะ แต่ปัญหาก็คือ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่จะช่วยเขาปิดบังอวี้หลัวช่าเหรอ? แบบนั้นอาจจะทำให้พี่ใหญ่กับอวี้หลัวช่าจะกลายเป็นศัตรูกันก็ได้! อวี้หลัวช่าจะว่าดีก็ดี ถ้าไปยั่วโมโหขึ้นมา นางก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ถึงตอนนั้นเกรงว่าต่อให้เขาทนโดนตีก็จบเรื่องไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายล้วนมีอำนาจมหาศาล ถ้าปะทะกันขึ้นมาเกรงว่าจะเจ็บตัวทั้งสองฝ่าย นี่คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น เขาไม่อยากให้ความเห็นแก่ตัวและความโลภของตัวเองสร้างปัญหาให้ทุกคน

ดังนั้น ถ้ายังไม่ถึงคราวจนตรอก เขาก็ไม่อยากเปิดเผยเรื่องนี้

มู่น่าเขย่ามือนางเบาๆ “ข้ากลัว อย่าทิ้งข้านะ พาข้าไปด้วยได้ไหม?”

ศีลแปดตาเป็นประกายทันที โดนคำพูดมู่น่ากระตุ้นแล้ว ใช่แล้ว สามารถพามู่น่าไปด้วยกันได้นี่นา ทางใต้ดินยาวขนาดนั้น มู่น่าสามารถซ่อนตัวจนให้กำเนิดบุตรออกมาได้เลย จากนั้นก็พาลูกไปอยู่ในที่ปลอดภัย เมื่อมู่น่ากลับมาที่เผ่าปีศาจอีกครั้ง ก็น่าจะไม่มีใครมองออก แค่นั้นปัญหาทุกอย่างก็แก้ไขได้แล้วไม่ใช่หรอกเหรอ?

“ฮ่าๆ!” ศีลแปดหัวเราะอย่างลำพองใจ ในที่สุดก็เจอวิธีแก้ปัญหาแล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ถึงคิดไม่ออกนะ

มู่น่าเห็นเขาเลิกทำสีหน้ากังวลแล้ว ก็ถามอย่างใสซื่อว่า “เจ้ายินดีจะพาข้าไปเหรอ?”

ศีลแปดพยักหน้าซ้ำๆ “ได้ๆๆ ข้าจะพาเจ้าไปด้วยกัน เดี๋ยวข้าจะทิ้งจดหมายไว้ บอกว่าข้าพาเจ้าออกไปทัศนาจร ขอเพียงเจ้าติดต่อกับฝั่งนี้ไว้เสมอ ยืนยันว่าเจ้าไม่เป็นอะไร อาศัยบารมีความน่าเชื่อถือที่ข้ามีต่อเผ่าปีศาจ ก็น่าจะปลอบโยนพวกเขาได้”

มู่น่าดีใจแล้ว เอามือคล้องคอเขา “ข้าไม่เคยไปเห็นโลกภายนอกเลย” นางค่อนข้างเฝ้าคอย ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยออกจากป่าผืนนี้ ยิ่งไม่ต้องพุดถึงว่าออกไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้ ทั้งยังได้อยู่กับคนที่ตัวเองชอบ เมื่อมีศีลแปดอยู่ด้วย นางก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ขอเพียงศีลแปดบอกว่าได้ นางก็คิดว่าได้แน่นอน

ศีลแปดทำสีหน้าสุขสันต์ เขารู้สึกประสบความสำเร็จยามอยู่ต่อหน้ามู่น่า เขาคือฟ้าของมู่น่า เขาก็คือเขาของมู่น่า ความรู้สึกแบบนี้เขาหาไม่พบจากตัวผู้หญิงคนไหน ยกตัวอย่างเช่นยามอยู่ต่อหน้าอวี้หลัวช่า เขามีสิทธิ์แค่แหงนหน้ามอง…

“ไต้ซือ!”

พอใต้ซือศีลเจ็ดโผล่หน้ามาในโถง เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวก็ประนมมือพร้อมกัน ส่วนเหยียนซิวที่พาใต้ซือศีลเจ็ดมาก็ถอยไปยืนข้างๆ

ส่วนปีศาจโลหิตกับซินหู ใต้ซือศีลเจ็ดก็ไม่อนุญาตให้พวกเขามาด้วยกัน จะเห็นได้เลยว่าเตรียมใจเพื่อป้องกันอันตรายและไม่ให้ใครมาพัวพันเอาไว้แล้ว

ใต้ซือศีลเจ็ดเผยรอยยิ้มเปร่ยมเมตตา ประนมมือกล่าวว่า “อาตมาทักทายท่านอ๋อง”

ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ เขานึกไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่พบในเมืองโบราณฉางเฟิงในปีนั้นจะประสบความสำเร็จเหมือนวันนี้ ชื่อเสียงบารมีสะเทือนฟ้า

เหมียวอี้ยิ้มเจื่อน “เป้นแค่ชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าไต้ซือไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลย”

ใต้ซือศีลเจ็ดถอนหายใจ “ยามอยู่ต่อหน้าท่านอ๋อง ยังไม่ถึงคราวให้อาตมาพูดอะไรหรอก แต่ขอบ่นสักหน่อย หวังว่าท่านอ๋องจะรักษาจุดมุ่งหมายเดิมเอาไว้!”

“จำไว้แล้วขอรับ!” เหมียวอี้พยักหน้ายิ้ม แต่ในใจกลับไม่คิดอย่างนั้น ถ้าทำตามจุดมุ่งหมายเดิม เกรงว่าตัวเองคงตายไปแปดร้อยรอบแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเถียงอะไรกับใต้ซือศีลเจ็ด พระเฒ่ารูปนี้ดื้อดึง ยิ่งเจ้าพูดอีกฝ่ายก็ยิ่งต้องการโปรดเจ้า อุดมการณ์ต่างกัน อธิบายได้ไม่ชัดเจน ภายนอกเอ่ยรับก็พอ

ใต้ซือศีลเจ็ดส่ายหน้าเบาๆ เห็นได้ชัดว่ามองอะไรบางอย่างออกแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จุดประสงค์ของการมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องนี้ ประนมมือกล่าวว่า “รบกวนท่านอ๋องแล้ว”

เหมียวอี้ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไต้ซือพูดแบบนี้ห่างเหินไปนะ! แต่สถานการณ์ของข้าที่นี่ซับซ้อน เกรงว่าไต้ซือคงไม่สะดวกจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่นาน อวี้หลัวช่าเตรียมตัวต้อนรับอยู่ฝั่งแดนสุขาวดีไว้เรียบร้อยแล้ว นางต้องหาที่พักให้ไต้ซือก่อน ดังนั้นไต้ซือต้องเดินทางไปก่อน เดี๋ยวข้าจะให้เหยียนซิวส่งท่านไปก่อน ไม่ทราบว่าไต้ซือมีอะไรต้องกำชับหรือไม่?”

“อาตมาไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ฝั่งนี้ ทุกอย่างล้วนทำตามที่ท่านอ๋องเตรียมการ” ใต้ซือศีลเจ็ดกล่าว

“เช่นนั้นก็ได้ ข้าไม่รั้งไต้ซือไว้แล้ว” เหมียวอี้พยักหน้า แล้วพยักหน้าบอกใบ้เหยียนซิวอีก

“ไต้ซือเชิญตามข้ามา!” เหยียนซิวยื่นมือเชิญด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เป็นท่าทีเคารพนับถือที่หาได้ยากจากตัวเขาเช่นกัน

“อามิตตาพุทธ!” ใต้ซือศีลเจ็ดประนมมือให้สองสามีภรรยา จากนั้นก็หันตัวเดินไป

เหมียวอี้กับฮูหยินประนมมือกลับอย่างนอบน้อม หลังจากมองคล้อยหลังเขาจากไปแล้วถึงได้วางมือลง จากนั้นก็สบตากันด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ว่าแม้พระเฒ่าท่านนี้จะดึงดัน แต่กลับใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายดี ตอนอยู่พิภพเล็กหกปราชญ์ก็ปฏิบัติด้วยอย่างมีมารยาท ตอนนี้มาถึงพิภพใหญ่แล้ว คนระดับอวี้หลัวช่าก็ไม่กล้าดูแลต้อนรับไม่ดี เมื่อเห็นเขาแล้วก็สุภาพเกรงใจทุกครั้ง แค่พระเฒ่ารูปนี้บอกคำเดียว ทั้งสองฝั่งล้วนช่วยเหลือเต็มที่

เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย เหมียวอี้ไม่คิดจะส่งใต้ซือศีลเจ็ดไปแดนสุขาวดีผ่านอารามแปดทิศ เขาให้เหยียนซิวถือโอกาสพาใต้ซือศีลเจ็ดไปทางลับ ทำไมต้องถือโอกาสตอนผ่านทาง? เพราะเดิมทีเหยียนซิวต้องการแอบนำกำลังพลไปเตรียมซุ่มไว้นอกทางลัดล่วงหน้า ถ้าเหมียวอี้ประสบอันตรายอะไรที่คาดไม่ถึงที่แดนสุขาวดี เหยียนซิวก็จะนำกำลังพลบุกผ่านทางลับเข้าไปช่วยที่แดนสุขาวดีทันที จะได้โจมตีจนฝ่ายตรงข้ามลนลานทำอะไรไม่ถูก

เพื่อรับมือกับเรื่องที่งานบุญแดนสุขาวดี อาณาเขตสี่ทัพนำกำลังพลไปด้วยก็เป็นเรื่องปกติมาก ไม่ทำให้คนสงสัยว่ามีเจตนาไม่ซื่อ ฝั่งนี้แอบเตรียมกำลังพลร้อยล้านเอาไว้เป็นทัพหนุนผ่านทางลับล่วงหน้าแล้ว เหยียนซิวเป็นคนนำไปก่อน ใต้ซือศีลเจ็ดติดตามไป

ในดาราจักรอันกว้างใหญ่ หลังจากเข้ามาในอาณาเขตดาวนิรนาม ศีลแปดฉีกหน้ากากที่ปลอมตัวออก ปล่อยมู่น่าออกมาแล้วเช่นกัน

มู่น่าที่ถูกควบคุมด้วยกฏจากเผ่าปีศาจทำได้เพียงแหงนมองท้องฟ้าผ่านป่าลึก นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวอยู่ในดาราจักรอย่างแท้จริง แม้ตอนแรกจะมีบางอย่างที่ปรับตัวไม่ได้ แต่เมื่อมีศีลแปดคอยชี้แนะอย่างสุดจิตสุดใจ ก็ปรับตัวได้เร็วมาก

ดาราจักรสีสันแพรวพราว ราวกับภาพฝันมายา มนุษย์เล็กน้อยกะจิ๊ดริด จักรวาลกว้างใหญ่ ทุกสิ่งทำให้มู่น่าจิตใจเบิกบานผ่อนคลาย

………………