ผู้คนต่างรู้ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ฝึกปราณมาถึงวันนี้ ไม่เคยแขวนกระบี่ของตนไว้ที่เอว หากแต่พาดกระบี่ไว้ที่หลัง
นี่คือหลักในการฝึกกระบี่ของเขา
กระบี่ก็คือมรรคาแห่งตน ไหนเลยจะอยู่ต่ำกว่าศีรษะตัวเองได้
การกระทำเล็กๆ อย่างการพาดกระบี่กลายเป็นกระแสในนครหยกขาวทันใด ถูกผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์นับไม่ถ้วนเลียนแบบ
การกระทำนี้อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ด้วยการปรากฏตัวของเขาจึงทำให้เป็นที่นิยมในปัจจุบัน!
แต่ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋ได้เปิดกล่องกระบี่ที่พาดหลัง กระบี่เทียมฟ้าปรากฏขึ้นแล้ว
กระบี่นี้เดิมเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหลือไว้ ยาวสองฉื่อสามชุ่นกว้างสามนิ้ว ทึบแสงหม่นมัวตลอดเล่ม เก่าแก่ไม่ธรรมดา ดูหนักแน่นแม้ไร้คมประกาย
กระบี่นี้เดิมคือสมบัติอริยะ แต่ตั้งแต่อวิ๋นชิ่งไป๋ได้มาก็ถูกผนึกพลัง ถูกอวิ๋นชิ่งไป๋ฟูมฟักติดตัวทุกวันคืน
กระบี่นี้หากไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแกร่งจะไม่นำออกมาโดยง่าย ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงเห็นภาพที่อวิ๋นชิ่งไป๋ใช้กระบี่นี้สังหารศัตรูน้อยมาก
แต่ตอนนี้กระบี่ได้ออกจากผนึกแล้ว
ชิ้ง!
เสียงใสของกระบี่ราวอสนีปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทันทีที่กระบี่เทียมฟ้าปรากฏ กลางฟ้าดินก็สั่นสะเทือนรุนแรงทันใด เผยรุ้งเจตกระบี่หลายสายไขว้พาดแผ่กระจายกลางอากาศ
อานุภาพยิ่งใหญ่ของเงากระบี่ที่ทบเป็นชั้นๆ คมประกายที่พร่างพราว ปราณกระบี่ที่โหมกระหน่ำ มรรคกระบี่ที่หมุนวน… ครอบคลุมทั่วฟ้าดินแถบนั้น
ราวกับแดนกระบี่!
ด้านอวิ๋นชิ่งไป๋ที่ควบคุมทุกอย่างนี้ เวลานี้เป็นดั่งเทพกระบี่ไร้เทียมทานในตำนาน กลายเป็นคมกระบี่สายหนึ่งที่เจิดจ้าที่สุดกลางฟ้าดิน
ต่อให้อยู่ห่างไกลก็ยังทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายดวงตาแสบแปลบ ผิวเหมือนถูกกระบี่เฉือน จิตวิญญาณถูกทำให้หวั่นหวาด เกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่ง!
แม้แต่ระดับนายเหนือหัวแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็สีหน้าจริงจังหาใดเปรียบ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างโคจรอย่างไร้สุ้มเสียงเหมือนเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง
“นี่จึงจะเป็นตัวจริงของอวิ๋นชิ่งไป๋ คือผู้ยิ่งใหญ่บนมรรคกระบี่ที่ไร้คู่ต่อกร!”
ราชันคนอื่นหน้าตาตื่นเช่นกัน
อวิ๋นชิ่งไป๋เปิดกล่องกระบี่ ชักกระบี่เทียมฟ้าออกจากฝัก ก็หมายความว่าเขาจะเอาจริง เผยไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ต่อให้พวกเขาลงมือเต็มกำลังก็ยังไม่แน่ว่าจะต้านอวิ๋นชิ่งไป๋ได้
เหล่าอัจฉริยะและผู้กล้าที่ฝึกกระบี่เหมือนกันในที่นั้นยิ่งกำหมัดอย่างอดไม่อยู่ รู้สึกได้ถึงความหวาดหวั่นอย่างหนึ่ง
“แดนกระบี่พลิกฟ้า!”
อวิ๋นชิ่งไป๋ออกโจมตีทันใด กระบี่เทียมฟ้าหมุนวนกลางอากาศดังสนั่น ก็เห็นปราณกระบี่ทบเป็นชั้นๆ แปลงเป็นม่านบังนภา ภายในนั้นหยินหยางเวียนวน ปราณกระบี่ซัดโหมราวก่อเกิดสืบเนื่องไม่สิ้นสุด
“เยี่ยม!”
เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินเหวี่ยงตัวออกหมัดพุ่งสังหาร
พลังหมัดโหมกระหน่ำ ดุดัน หนักแน่นเหมือนการเปลี่ยนแปลงแห่งมรรค ปะทะเข้ากับเงากระบี่ทั่วฟ้าจนฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน
จากมุมมองคนนอก
บนเวิ้งฟ้านั่นหลินสวินพุ่งเข้าไปในม่านแดนกระบี่มือเปล่า บุกตะลุยซัดเงา ขยี้ปราณ ทำลายคมกระบี่ทั่วทิศ…
แข็งแกร่งจนน่ากลัว!
แต่ไม่ว่าเขาจะบุกตะลุยอย่างไรก็ไม่อาจทลายม่านแดนกระบี่ทั้งหมดออกจากกันได้!
“ฟัน!”
แขนเสื้ออวิ๋นชิ่งไป๋โบกสะบัด ผมยาวแผ่สยาย ออกคำสั่งสำแดงวิชา ในแดนกระบี่พลิกฟ้าพลันปรากฏกระบี่บินส่องประกายแวววาวนับหมื่นพันฟาดผ่าลง
ปึงๆๆ!
กระบี่บินแต่ละเล่มต่างมีอานุภาพฆ่าฟันเทพผี ต่อให้ถูกหลินสวินทลายออกจากกันทีละเล่มก็ยังกดอัดร่างเขาจนสั่นสะเทือนไม่หยุด
ด้านนอกทุกคนต่างตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้เทพมารหลินพลิกสถานการณ์ต่อสู้ ซัดหมัดทำลายฟ้าดิน กวาดความเพลี่ยงพล้ำออกไปจนหมด ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋กระอักเลือด ได้รับบาดเจ็บและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แต่หลังจากกระบี่เทียมฟ้าปรากฏ อวิ๋นชิ่งไป๋เผยยอดวิชาก้นหีบออกมา ความเป็นต่อบางส่วนที่เทพมารหลินพลิกกลับมาได้อย่างยากลำบากก็อันตรธานหายไป!
พูดได้อย่างไม่เกินจริงว่า เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีลวกๆ ของอวิ๋นชิ่งไป๋หรือหลินสวิน ก็พอที่จะสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่อยู่นอกลานแล้ว
ล้วนแข็งแกร่งจนวิปริตผิดธรรมดาอย่างยิ่ง
แต่ไม่จำเป็นต้องสงสัย อวิ๋นชิ่งไป๋กำลังสำแดงพลังที่เหนือกว่าในการประลองใหม่อีกครั้ง!
“ฟัน!”
อวิ๋นชิ่งไป๋ดีดนิ้ว สีหน้าราบเรียบ กลางอากาศกระบี่เทียมฟ้าส่องประกาย ไหลวนด้วยแสงกระบี่บดบังฟ้าคลุมตะวัน ทำให้อานุภาพของแดนกระบี่พลิกฟ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานคืออย่างนี้นี่เอง!
คนไม่น้อยต่างทอดถอนใจ
แต่พร้อมกันนี้เสียงของหลินสวินก็ดังขึ้นทันใด
“ทลาย”
คำเดียวกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบง่ายๆ
จากนั้นแดนกระบี่พลิกฟ้าก็ถูกคมประกายเจิดจ้าสายหนึ่งบุกทะลวงจากภายใน แตกระเบิดดังสนั่นกลางอากาศ
เงาร่างหลินสวินพุ่งออกมาท่ามกลางละอองแสงโปรยปราย ดาบหักเล่มหนึ่งหมุนวนรอบตัวเขา ส่งเสียงบางเบาดุจเสียงจากธรรมชาติก้องฟ้าดินเป็นระลอก
ในจุดที่ห่างออกไป อวิ๋นชิ่งไป๋นัยน์ตาหดรัดทันที
“ฟัน!”
“ฟัน!”
ทั้งสองคำต่างดังมาจากปากของอวิ๋นชิ่งไป๋และหลินสวิน
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะหนกของทุกคน กระบี่เทียมฟ้าและดาบหักต่างพุ่งโฉบเผยคมประกายที่ไม่อาจทัดเทียม ประจัญบานกลางอากาศ
ฝ่ายแรกเผยแดนกระบี่ออกมา แสงกระบี่ส่องประกายวาววาบ ไอสังหารสะเทือนฟ้าดินเคลื่อนนภสินธุ์
ฝ่ายหลังสำแดงนัยเร้นลับแห่งหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า ประกายคมราวแสงไหวเคลื่อน ทุกหนแห่งที่พาดผ่านสรรพสิ่งล้วนดับสิ้นดั่งเงาอากาศ
มองจากไกลๆ ยังทำให้ผู้คนสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกหายใจไม่ออกอย่างไม่อาจอธิบายได้
ด้วยอานุภาพที่เกิดจากการปะทะนั่นอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา!
“กระบี่เทียมฟ้าถูกสกัดแล้ว…”
ผู้คนนับไม่ถ้วนในที่นั้นไหวหวั่น
ตอนนี้พวกเขาถึงได้ตระหนักว่า อวิ๋นชิ่งไป๋อาจมีไพ่ตายที่เพียงพอให้ลำพอง แต่เทพมารหลินจะไม่มีได้อย่างไร
บางทีเขาอาจฝึกปราณช้ากว่าอวิ๋นชิ่งไป๋สิบกว่าปี รากฐานแต่กำเนิดอาจด้อยกว่าอยู่บ้าง
แต่ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอบนโลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้เวลาในการฝึกปราณมาตัดสิน!
เหมือนอย่างหลินสวินที่ฝึกปราณมาถึงวันนี้ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขากลับพอที่จะทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันนับไม่ถ้วนในดินแดนรกร้างโบราณต้องละอายจนก้มหัว!
การประลองกับอวิ๋นชิ่งไป๋ตอนนี้ก็เหมือนกัน
ตูม!
ในขณะเดียวกันหลินสวินออกโจมตีอีกครั้ง
“อวิ๋นชิ่งไป๋ กระบี่เทียมฟ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ
อวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งมากแค่ไหน
เขาไม่รู้
แต่หลินสวินรู้ว่าตั้งแต่ครึ่งปีก่อนที่จำศีลอยู่บนเขาฝนดาวตก เขาไม่หวาดกลัวเหล่าศัตรูรุ่นเดียวกันแล้ว รอแค่โอกาสสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋เท่านั้น!
ตอนนี้บุญคุณความแค้นทุกอย่างต้องจบลงที่นี่
บางทีอวิ๋นชิ่งไป๋อาจมีไพ่ตายอีกมาก แต่นั่น… ก็ไม่สำคัญเลย
“กระบี่เทียมฟ้าเป็นของนอกกาย แค่ถูกข้าใช้เท่านั้น มรรคกระบี่ของข้าไม่เคยต้องพึ่งพลังอื่นเข้ามาช่วย การสังหารเจ้ามันก็ไม่เท่าไร”
เผชิญหน้าการบุกสังหารของหลินสวิน อวิ๋นชิ่งไป๋ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม
ทว่าบนตัวเขากลับมีกลิ่นอายน่ากลัวหาใดเปรียบสายหนึ่งอบอวลออกมา
สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเส้นผมปลายจอนของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหงอกขาว ผิวพรรณที่เดิมกระจ่างแวววาวเริ่มเสียความเปล่งปลั่งไป
แต่สายตาของเขากลับเฉียบคมยิ่งกว่าเดิม กลิ่นอายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ห้วงอากาศทั่วทิศทรุดตัว ราวกับแบกรับอานุภาพของเขาไว้ไม่อยู่!
“นี่…”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตระหนก คนไม่น้อยต่างหน้าเปลี่ยนสี
องค์ชายเซ่าเฮ่าและเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคพากันตกตะลึง สามารถคาดเดาได้เลยว่าอวิ๋นชิ่งไป๋กำลังใช้ไพ่ตายที่แท้จริงแล้ว
เวลานี้หลินสวินเองก็อดมุ่นคิ้วไม่ได้ เผยสีหน้าคร่ำเคร่งวูบหนึ่ง
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอย่างหนึ่งจากตัวอวิ๋นชิ่งไป๋
ตูม!
หลินสวินเหยียดกายโดยไม่ลังเล ทั้งตัวส่งเสียงกัมปนาทเหมือนกลองเทพอสนี รูขุมขนทั่วร่างเปล่งแสงมรรคเจิดจ้า ส่องประกายแวววาวราวหินหยกหลากสี
เวลานี้เขาใช้วิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ ที่ราชันผีเสวียนคงถ่ายทอดมาเค้นพลังต่อสู้ของตนถึงขีดสุด!
วู้ม!
เบื้องหน้า อวิ๋นชิ่งไป๋ยืนอยู่กลางอากาศ พลังแห่งฟ้าดินรวมตัวพุ่งตรงไปทางเขาดังสนั่นราวถูกกระชากดึง
เคลื่อนย้ายอานุภาพแห่งศุภโชคฟ้าดินโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าคำราม ห้วงอากาศแตกระเบิด
ขณะเดียวกันนัยน์ตาของอวิ๋นชิ่งไป๋ฉายแววเด็ดเดี่ยว รวบนิ้วดุจกระบี่ วาดผ่านตัดกลางอากาศ
ปราณกระบี่สายหนึ่งที่รวมอยู่ในร่างเขามานาน ตอนนี้ได้ทะลวงขึ้นเหนือเมฆ
พลังที่ควบรวมจากฟ้าดินใกล้ๆ เหมือนเจอคู่อุปถัมภ์ ทั้งหมดล้วนหลอมรวมเข้าไปในกระบี่ ทำให้ปราณกระบี่นี้กลายเป็นแสงเจิดจ้าที่สุดในใต้หล้า
เวิ้งฟ้า ณ ที่นั้นถูกสะเทือนทลายลง มืดสลัวหม่นแสง
มีเพียงปราณกระบี่ที่เหมือนคงอยู่ชั่วนิรันดร์
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนต่างลืมหายใจ ตกตะลึงอ้าปากค้าง เซียนกระบี่บรรพกาลในตำนานก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง
“เปิดทาง!”
หลินสวินซัดหมัดออกไป
พลังยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดพุ่งออกจากร่างเขาชั่วพริบตา แสงมรรคไร้ขอบเขตสาดส่องทั่วฟ้า เวลานี้พลังของเขาปล่อยออกมาเต็มกำลัง กลายเป็นกำปั้นหนึ่ง
ตูม!
พริบตานั้นฟ้าดินราวพลิกตลบ สะท้อนลักษณ์วันสิ้นโลก
พริบตานั้นเหล่าผู้กล้าที่อยู่นอกลานหน้าพลันเปลี่ยนสี ตาแข็งทื่อ
พริบตานั้นปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ปะทะเข้ากับพลังหมัดของหลินสวิน ราวกับการพบเจอที่น่าตกตะลึงที่สุดในช่วงกาลเวลาหมื่นสมัย ไม่อาจบรรยายอานุภาพของมันได้
เหมือนความงามแห่งฟ้าดินที่ไม่อาจอธิบาย
ตูม!
จากนั้นทุกคนต่างหูดับ เบื้องหน้าพร่าเลือน จิตรับรู้ถูกขัดขวาง มองไม่เห็นการประลองที่ปะทะกันกลางอากาศนั้นอีก
แม้แต่องค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็ยังแผ่พลังของตนออกมา ไม่อาจไม่สลายคลื่นพลังอันน่ากลัวที่เกิดจากการปะทะนั่น
การประลองแห่งยุค ฟ้าดินสั่นสะเทือน ลักษณ์ประหลาดปรากฏ สรรพสิ่งพังทลายคืออย่างนี้นี่เอง!
“พลังเช่นนี้สิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นมกุฎอย่างแท้จริง!”
นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนใจสั่นระรัว เปรียบเทียบกันแล้วไม่ว่าจะเป็นพลังที่อวิ๋นชิ่งไป๋หรือหลินสวินใช้ ก็ล้วนอยู่เหนือนัยที่แท้จริงของขอบเขตมกุฎระดับราชันทั้งสิ้น ช่างสะเทือนใต้หล้าเกินไป
“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเหล่าบุคคลที่เจิดจรัสทรงอำนาจมีมากเพียงใด แต่ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน ด้วยคมประกายของพวกเขาทั้งคู่ ก็สามารถเกริกก้องสะท้านอดีตจวบจนปัจจุบันเหนือผู้คนระดับเดียวกันแล้ว!”
“น่าเสียดาย ในการต่อสู้แห่งยุคคราวนี้ต้องมีคนถึงแก่ชีวิต…”
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนก หวาดผวา ทอดถอนใจ ในที่สุดทัศนวิสัยก็ค่อยๆ เด่นชัด สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ก็เห็นบนเวิ้งฟ้าร่างของหลินสวินถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ผมยาวแผ่สยาย ใบหน้าซีดเผือด เสื้อผ้าขาดวิ่น รอยเลือดเส้นหนึ่งปรากฏตรงมุมปากเขา
ด้านอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ผมยาวหงอกขาว ร่างซีดเซียว ผิวพรรณเปล่งปลั่งสลัวราง แต่กลิ่นอายของเขายังคงแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนใจสั่นเหมือนเดิม
“กระบี่นี้ถูกขวางไว้ได้!”
“แต่ดูเหมือนเทพมารหลินจะเพลี่ยงพล้ำ”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นเบิกตากว้าง
ก่อนหน้านี้กระบี่นั้นของอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่อาจทัดเทียมจริงๆ พอที่จะทำให้คนสิ้นหวัง แต่สุดท้ายก็ถูกต้านไว้ได้!
แต่เช่นเดียวกัน แม้หลินสวินจะขวางกระบี่นี้ได้ก็ไม่ง่ายเลย!
ดูเหมือนว่ายังเป็นการปะทะที่ไม่แบ่งผลแพ้ชนะ
แต่ต่อมาก็เห็นหลินสวินกล่าวราบเรียบ “กระบี่นี้คงทำให้เจ้าเปลืองแรงมาก เจ้าจะใช้ได้อีกกี่ครั้งเชียว”
“อวิ๋นชิ่งไป๋ วันนี้เวลานี้ ท้ายที่สุดเจ้าก็สู้ข้าไม่ได้!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสง่างามมาดมั่นประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร!
……………..