“น่าขัน!”
อวิ๋นชิ่งไป๋สีหน้าเย็นเยียบ
เขาต่อสู้มาถึงตอนนี้มีหรือจะดูไม่ออก ความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของหลินสวินอยู่เหนือการคาดเดาของเขามาก
ปีนั้นที่ถูกหลินสวินตามฆ่าที่แดนธรรมสถูป ด้วยตอนนั้นเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เขากำลังหลอมพลังพรสวรรค์ของกู่ฝอจื่อจึงไม่อาจสำแดงพลังทั้งหมดออกมาได้
นี่ถูกเขามองเป็นเรื่องอัปยศอย่างใหญ่หลวง
แต่ความจริงตอนนั้นในใจเขากลับไม่เห็นหลินสวินในสายตา
ปัจจุบันเขาจำศีลมาหลายปี เมื่อทะลวงด่านออกมาพลังต่อสู้ก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าอดีต เดิมคิดว่าการสังหารหลินสวินจะเป็นเรื่องง่ายชั่วดีดนิ้ว
แต่ใครจะคิดว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทางที่ทำให้เขารู้สึกผิดคาด ตกตะลึง ไม่เข้าใจและจริงจัง!
อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กทารกที่เดิมควรตายไปแล้วในปีนั้น ยามนี้จะใช้ท่วงท่ามีอำนาจมาต้านทานเขาได้
และไม่เคยคิดเลยว่าต่อสู้มาถึงวันนี้ เขาจะได้รู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงจนไม่อาจไม่ใช้พลังแฝงและไพ่ตายทั้งหมดของตัวเอง
‘ความคาดไม่ถึง’ อย่างต่อเนื่องนี้ราวสิ่งไม่คาดฝันมากมายที่ทับซ้อนสะสม ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของภัยคุกคามเช่นกัน
เขาไม่อาจไม่ตั้งท่ารับมือ ใช้พลังเต็มกำลัง
“มา!”
อวิ๋นชิ่งไป๋สูดหายใจลึก เสื้อผ้าพลิ้วไหว ฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง
เส้นผมของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีหิมะทันที ผิวพรรณซีดเซียวหม่นแสงเหมือนเปลือกไม้ที่คายน้ำ
ยังไม่ทันเงื้อกระบี่ผมก็ขาวแล้ว!
เหล่าผู้กล้าทุกคนตรงนั้นต่างเหม่อลอย
วู้ม!
ก็เห็นปราณกระบี่เจิดจ้าสายหนึ่งพุ่งออกจากตัวอวิ๋นชิ่งไป๋ท่ามกลางเสียงฟาดฟันดังสนั่น เจิดจรัสจนไม่อาจเพ่งมองโดยตรง
เทียบกับกระบี่เมื่อครู่แล้วดูเหนือกว่าอยู่สามส่วน!
เกือบจะเวลาเดียวกัน หลินสวินก็สูดหายใจลึกโคจรวิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ พร้อมโทสะหยาจื้อและวิชาอริยะยุทธ์เต็มกำลัง เค้นพลังทั่วร่างถึงขีดสุดแล้วซัดหมัดออกไป
ตู้ม ครืน…
เสียงปะทะอึกทึกสนั่นหูแผ่กระจายเป็นวงกว้าง
ไม่นานทุกคนก็เข้าใจว่าทำไมหลินสวินถึงกล้าพูดว่า ‘วันนี้เวลานี้ เจ้าสู้ข้าไม่ได้’
ในการปะทะนี้ปราณกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ดั่งไร้เทียมทาน สามารถเกริกก้องสะท้านอดีตจวบจนปัจจุบัน ผงาดผยองเหนือคนระดับเดียวกันได้อย่างหยิ่งทะนง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งหาใดเปรียบ
จริงอยู่ที่หลินสวินถูกสะเทือนจนเซถอยอย่างต่อเนื่อง สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นกระอักเลือดไม่หยุด
แต่กลับไม่เคยถูกกำราบอย่างสมบูรณ์!
ตรงกันข้ามลักษณะพลังของหลินสวินดุจเพลิงผลาญ พลังต่อสู้ดั่งไฟไร้พ่ายนิรันดร์ เผยมรรคาแห่งตน สำแดงอัตวิชา ยิ่งแพ้ยิ่งหาญกล้า
และระหว่างนี้ผมยาวทั้งศีรษะของอวิ๋นชิ่งไป๋ขาวเงินเหมือนอาบหิมะ ผิวหนังบนกายเขาเกิดรอยแยกแตกระแหงมากมายเหมือนเปลือกไม้แห้งจวนเป็นไม้ผุ!
นี่ทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ใครก็มองออกว่าการประลองแห่งยุคคราวนี้ได้เข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดและอันตรายที่สุดแล้ว การตัดสินเป็นตายใกล้จะปรากฏ!
สะท้านสะเทือนโดยไม่ต้องอธิบาย
อย่างน้อยที่สุดแดนเก้าบนในอดีต หรือดินแดนรกร้างโบราณที่ผ่านมา การประลองแห่งยุคเช่นนี้เหลือบแลตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็หาการประลองที่ทัดเทียมเสมอเหมือนไม่พบ!
สรุปง่ายๆ ก็คือ การต่อสู้นี้ไร้ใดเปรียบตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน!
“อวิ๋นชิ่งไป๋ ผู้คนต่างยกย่องว่ามรรคกระบี่ของเจ้าคือที่สุดในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเจ้าจะกล้ารับหนึ่งกระบี่ของข้าหรือไม่”
หลินสวินพลันเอ่ยปาก
ทั่วทั้งลานตกตะลึง แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เทพมารหลินเคยฝึกมรรคกระบี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
เวลานี้แม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ก็ชะงักเล็กน้อย ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเฉยชายิ่งกว่าเดิม การยั่วยุเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกขบขัน
“กระบี่ผงาด!”
ก็เห็นหลินสวินพลันสูดหายใจลึก สีหน้าราบเรียบ แต่นิ้วมือเขากลับเปลี่ยนเป็นกระบี่แหลมพุ่งออกไปช้าๆ
วู้ม!
ปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศทีละน้อย ทุกชั่วขณะที่ปรากฏจะทำให้ห้วงอากาศส่งเสียงครวญคล้ายแบกรับไม่อยู่ทันที
พร้อมๆ กับการกระทำนี้ของหลินสวิน ทุกคนที่อยู่นอกลานกลับรู้สึกเพียงหัวใจเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปมือหนึ่งบีบเข้าเต็มแรง เลือดลมตีกลับไปทั้งตัว ยากจะรับจนเกือบกระอักเลือด
ปึง! ปึง! ปึง!
เมื่อปราณกระบี่นี้เผยออกมาทีละน้อย ทั่วฟ้าดินก็ตกอยู่ในความพังทลาย มลายล้าง ราพณาสูร อานุภาพไร้รูปทำให้ฟ้าดินถล่มทรุดตัวดังสนั่น
นัยน์ตาอวิ๋นชิ่งไป๋พลันหดรัด สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังหาใดเปรียบในชั่วพริบตา ความหยามเหยียดในใจก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
กล่าวถึงระดับความรู้อันลึกซึ้งบนมรรคกระบี่ กวาดสายตามองทั่วแดนเก้าบนอวิ๋นชิ่งไป๋มั่นใจว่าไร้คู่ต่อกร ด้วยชีวิตของเขาแสวงหามรรคกระบี่ที่สมบูรณ์แบบมาตลอด
เพราะเข้าใจในกระบี่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ดีกว่าคนอื่นว่าพลังที่แฝงอยู่ในกระบี่นี้ของหลินสวินน่ากลัวเพียงใด!
เพียงแต่…
อวิ๋นชิ่งไป๋กลับยังไม่อาจเชื่อ!
เขาหลินสวิน ยึดกุมพลังมรดกมรรคกระบี่ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร
มรรคกระบี่คือมรรคาที่อวิ๋นชิ่งไป๋หยิ่งทะนงและภาคภูมิที่สุด แต่ยามนี้เมื่อเห็นกลิ่นอายกระบี่ของหลินสวิน กลับทำให้เขาเหมือนถูกโจมตีจิตใจอย่างหนักหน่วง!
“ผสาน!”
อวิ๋นชิ่งไป๋ตวาดลั่น ไม่อาจนิ่งเฉยและอดกลั้น เหมือนศักดิ์ศรีถูกทิ่มแทงอย่างใหญ่หลวง ทำให้เขาเกรี้ยวกราดเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ในร่างกายเขาแสงกระบี่ชวนประหวั่นสายหนึ่งกำลังเบ่งบาน ทำให้ทั้งตัวเขาราวส่องประกายสว่างไสว ผมเผ้าผิวพรรณของเขาต่างมีปราณกระบี่เอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
“ฝึกกระบี่มาถึงวันนี้หลายสิบปี ฟูมฟักอานุภาพกระบี่ถึงปัจจุบัน หลินสวิน เจ้าคือคนแรกที่บีบข้าให้ใช้กระบี่นี้ได้ เจ้าตายไปก็ไม่ต้องเสียดายแล้ว!”
พูดจบผมขาวดุจหิมะทั้งศีรษะของอวิ๋นชิ่งไป๋ป่วนคลั่ง ผิวกายเขาแตกระแหง ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตระหนกหาใดเปรียบของฝูงชน ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างเขา
ปราณกระบี่นี้รวมสิ่งที่อวิ๋นชิ่งไป๋เรียนรู้มาทั้งชีวิต สะสมอยู่ในตัวเขามาหลายสิบปี มหามรรคนานัปการ แก่นอัศจรรย์นับไม่ถ้วน แรงกายแรงใจทั้งมวลต่างรวบรวมอยู่ในนี้
กระบี่นี้คือรูปย่อส่วนของมรรคกระบี่อันสมบูรณ์ที่เขาแสวงหา!
“นี่คือ…”
ผู้ชมที่อยู่นอกลานไม่มีใครไม่ถูกทำให้หวั่นหวาด ตื่นตระหนกจนร้องเสียงหลง
แม้แต่คนระดับองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ยังเงียบ ในใจมีคลื่นซัดสาด
กระบี่ของหลินสวินยังไม่ปรากฏก็ทำให้ฟ้าดินไร้สี โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร
ส่วนกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็เหมือนรอยมรรคกระบี่สายหนึ่งที่เจิดจ้าหาใดเปรียบปรากฏขึ้นบนโลกหล้า ความส่องประกาย เรืองรอง ตระการตาและน่าหวาดกลัวนั่นราวกับสิ่งที่ไม่อาจมีบนโลก!
“กระบี่จงมา!”
ในจุดที่ห่างออกไป ใต้ปลายนิ้วหลินสวิน ปราณกระบี่ที่โผล่มาทีละน้อยในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรูปร่าง ปลายคมหาใดเปรียบ ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง อานุภาพไม่เป็นสองรองใคร พาให้เทพผีถอยร่น
กระบี่นี้อัดแน่นฟ้าดิน ตัดทำลายทุกหัวระแหง คล้ายมีสิ่งอัศจรรย์ไร้สิ้นสุดแฝงอยู่ภายใน ทั้งมีท่วงทำนองแห่งการกลับคืนสู่สามัญของมหามรรคอันเรียบง่าย
ไม่ว่าใครก็ต่างมีความรู้สึกว่าตัวเล็กเหมือนมดปลวก ไม่อาจต้านทานได้
กระบี่นี้นามว่า ‘ไปไร้หวน’ !
“ฟัน!”
คำเดียวหลุดออกจากปากหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋พร้อมกัน
ก็เห็นบนเวิ้งฟ้า ปราณกระบี่สองสายพุ่งเข้าหากันจากต่างทิศทาง
ทุกคนต่างรู้สึกแสบตา การรับรู้ทั่วร่างเหมือนถูกตัดขาด ในใจรู้สึกหวาดกลัวสั่นสะท้านไม่อาจสงบ
องค์ชายเซ่าเฮ่าและเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคต่างลืมตาไม่ขึ้น ไม่อาจใช้จิตรับรู้สังเกตรายละเอียดของการต่อสู้นี้อีก
ต่อให้พวกเขาใช้พลังเต็มกำลังก็ไม่เป็นผล
นี่สื่อได้แค่ว่า การต่อสู้คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ของหลินสวินหรืออวิ๋นชิ่งไป๋ ก็ล้วนแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถสยบพวกเขาทุกคน ด้วยเหตุนี้อานุภาพของมันจึงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหยั่งรู้ได้!
ตูม!
มีเพียงเสียงระเบิดสนั่นหู ก้องรัวอยู่ในใจราวกลองศึกที่มาจากเก้าชั้นฟ้า ทำให้ทุกคนต่างหวาดกลัว
รสชาติของความหวาดกลัวที่มองไม่เห็นแต่กายใจยังถูกทำให้หวั่นหวาดนี้ ในอดีตที่ผ่านอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
แต่ตอนนี้กลับเหมือนเนิ่นนานนัก
และไม่รู้ว่านานเท่าไร บางทีอาจเป็นเพียงชั่วแล่น แต่สำหรับทุกคนกลับเหมือนผ่านวัฏจักรความเป็นและความตาย พังทลายและเกิดใหม่มารอบหนึ่ง
เมื่อความรู้สึกกลับมา ทัศนวิสัยค่อยๆ ชัดเจน ก็เห็นใกล้สังเวียนพิฆาตมารนั่นเปลี่ยนไปจากเค้าเดิมราวพลิกฟ้า
ท้องฟ้าแถบนั้นล้วนราพณาสูร แตกระแหงเป็นรอยแยกและช่องแคบแน่นขนัด ราวกับร่องรอยบาดแผลแห่งท้องนภา
ปราณกระบี่โหมกระหน่ำยังส่องประกายในความว่างเปล่าไม่หายไป กลิ่นอายที่แผ่อบอวลยังน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบเหมือนเดิม
ในแสงกระบี่ทั่วฟ้า ร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ชโลมเลือด โลหิตหลั่งย้อมผมขาวดุจหิมะ แผ่กลิ่นอายชวนสังเวชอย่างหนึ่ง
หลินสวินที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร ร่างอาบโลหิต เลือดสดหลั่งริน หน้าซีดเผือดถึงขีดสุดเช่นกัน
ทั้งคู่ต่างบาดเจ็บหนักอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผลลัพธ์นี้ทำให้ผู้คนงุนงง ตกตะลึง ล้วนคิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ใช้พลังมรรคกระบี่ในการต่อสู้เป็นครั้งแรกจะต้านกระบี่ที่อวิ๋นชิ่งไป๋ฟูมฟักมาหลายสิบปีได้!
แค่ภาพนี้ก็พอจะทำให้ผู้คนหันมองมา
ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้จักอวิ๋นชิ่งไป๋ในนามผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นเดียวกันยุคปัจจุบัน กระบี่ที่เขาใช้พลังเต็มกำลัง เวลานี้กลับถูกขวางกั้น ผลลัพธ์นี้เดิมก็เหมือนปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
ที่คาดไม่ถึงที่สุดคือ สิ่งที่ขวางกระบี่นี้ได้คือกระบี่เหมือนกัน!
สำหรับอวิ๋นชิ่งไป๋ที่เด่นผงาดจากพลังของมรรคกระบี่ นี่ต้องเป็นการโจมตีอย่างหนักหน่วงแน่
‘ข้าสู้พวกเขาไม่ได้…’
นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนทอดถอนใจอยู่ภายในใจ ไม่อาจไม่ยอมรับ ชื่นชมจากใจจริง!
“เทพมารหลิน ถึงกับใช้มรรคกระบี่รับมืออวิ๋นชิ่งไป๋… น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…”
เหล่าผู้กล้าเหม่อลอย
ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่อาจเห็นภาพการปะทะของกระบี่ทั้งสองเมื่อครู่กับตาตัวเอง
‘หากเปลี่ยนเป็นข้าจะต้านทานอย่างไร…’
พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ต่างกำลังใคร่ครวญเงียบๆ อารมณ์เปลี่ยนเป็นปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่อาจสงบใจ
อั่ก!
บนเวิ้งฟ้าอวิ๋นชิ่งไป๋พลันไออย่างรุนแรง มุมปากหลั่งเลือด นัยน์ตาฉายแววสลัวรางอย่างบอกไม่ถูก
นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งใจสั่นสะท้าน หน้าพลันเปลี่ยนสี คาดเดาความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง หรือว่า…
“อวิ๋นชิ่งไป๋ ตอนนี้เจ้าจะเอาอะไรมาสู้ข้าอีก”
ในจุดที่ห่างออกไปหลินสวินกล่าวเย็นชา ในสายตาที่มองอวิ๋นชิ่งไป๋เต็มไปด้วยความเฉยชา
มอบการโจมตีอย่างหนักหน่วงให้ฝ่ายตรงข้ามในสิ่งที่อีกฝ่ายหยิ่งทะนงที่สุด ความรู้สึกเช่นนี้ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เกรงว่าคนที่อวดดีอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋คงไม่เคยสัมผัสมาก่อนกระมัง
“เจ้าก็บาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน”
ห่างออกไปอวิ๋นชิ่งไป๋สูดหายใจลึกกล่าวเนิบช้า แผ่นหลังเขายังตรงดิ่งไม่โก่งงอแม้แต่น้อย เหมือนความหยิ่งทะนงของเขาที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ต่อให้ถูกโค่นก็ไม่ยอมก้มหัว!
“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่รึ”
หลินสวินกล่าวราบเรียบ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ไม่บาดเจ็บคงเป็นไปไม่ได้ เขาบาดเจ็บหนักเหมือนที่อวิ๋นชิ่งไป๋บอก
แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ก็เป็นธนูแกร่งหมดแรงบินเช่นกัน
การสังหารเขาไม่จำเป็นต้องรอนานแล้ว!
……………