ตอนที่ 1320 พลีชีพสังเวยกระบี่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ฟ้าดินกลับคืนสู่ความสงบ บรรยากาศที่กดดันและตึงเครียดทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก

ใครๆ ต่างก็มองออกว่าการต่อสู้นี้ใกล้จะปิดฉาก!

และช่วงสุดท้ายนี้จะต้องเป็นภาพฉากอันน่ากลัวระหว่างความเป็นตายแน่

วู้ม!

บนเวิ้งฟ้า อวิ๋นชิ่งไป๋พลันเรียกกระบี่เทียมฟ้าที่กำลังประชันกับดาบหักอย่างดุเดือดกลับมาสู่มือตน

“ไม่ตายไม่เลิกรารึ ข้าไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว…”

เสียงพึมพำแผ่วเบาดังมาจากปากอวิ๋นชิ่งไป๋

แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นหาใดเปรียบ ร่างกายที่เปื้อนเลือดเปลี่ยนเป็นเหยียดตรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งตัวราวกระบี่เล่มหนึ่ง แผ่กลิ่นอายน่าเลื่อมใส นิ่งสงบ มองความตายเป็นเรื่องธรรมดา

เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างหนาวเยือกในใจ หนังหัวแทบระเบิด อวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ประหนึ่งกำลังจะพลีชีพ หลอมกายตัวเอง!

เทพมารหลินสามารถบีบบังคับผู้ยิ่งใหญ่บนมรรคกระบี่ที่เหมือนตำนานแห่งยุคคนนี้ให้ไปถึงขั้นไม่อาจไม่สละชีวิตได้ ใครจะนิ่งเฉยอยู่ได้เล่า

ฟ้าดินมืดสลัว ห้วงอากาศครวญคร่ำ

บรรยากาศน่าหวาดกลัวไร้รูปหนึ่งค่อยๆ แผ่กระจายออกมาหลังอวิ๋นชิ่งไป๋กุมกระบี่เทียมฟ้านั่น

ไม่จำเป็นต้องสงสัย ต่อจากนี้คงได้เปิดฉากการต่อสู้เป็นตายที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนจะปิดม่านลงแน่!

เวลานี้ใจของพวกเจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่พลันเคว้งขึ้นมา แข็งทื่อไปทั้งตัว เปลี่ยนเป็นตึงเครียดและกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ห่างออกไปสีหน้าหลินสวินยังนิ่งสงบ แต่ภายในร่างเขาตอนนี้พลังทั้งมวลกลับถูกโคจรถึงขีดสุดแล้ว ไม่เก็บงำอะไรไว้แม้แต่น้อย!

“ระหว่างความเป็นความตายนั้นน่ากลัวยิ่ง ข้าไม่เหมือนเจ้า หลายปีนี้ข้าผ่านมันมาหลายครั้ง แม้จะไม่ถึงขั้นมองข้ามความเป็นตาย แต่อย่างน้อยก็มีประสบการณ์มากกว่าเจ้า”

หลินสวินเอ่ยปากน่ำเสียงสบายๆ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

ต่อให้อวิ๋นชิ่งไป๋พลีชีพโรมรันแล้วอย่างไร

ประสบการณ์ที่สู้สุดตัวนี้เขารู้ดียิ่งกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋นัก!

เพราะตั้งแต่เกิดเขาก็ดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย กระทั่งหนีออกมาจากคุกใต้เหมืองก็ยิ่งรู้ชัดถึงความลำบากของการอยู่รอด

หลายปีนั้นที่โลกชั้นล่าง เขาเด่นผงาดขึ้นมาจากฐานะอันต่ำต้อยราววัชพืช บนเส้นทางชีวิตเต็มไปด้วยคลื่นลมและการนองเลือด

ความเป็นและความตาย เลือดและเปลวเพลิงอยู่ร่วมกันตลอดเวลา!

ส่วนอวิ๋นชิ่งไป๋ ตั้งแต่เด็กได้กราบเป็นศิษย์ฝึกตนในสำนักกระบี่เทียมฟ้า หนทางฝึกปราณตลอดทางมีอาจารย์ชี้แนะ มีคนใหญ่คนโตปกป้อง มีทรัพยากรในการฝึกปราณนับไม่ถ้วนให้ใช้ตามใจชอบ มรรคาของเขาแม้จะฆ่าฟันเด็ดเดี่ยว มีจิตใจห้าวหาญที่เหยียดหยันใต้หล้า แทบจะไม่เคยสัมผัสความพ่ายแพ้ แต่…

เขามีหรือจะเคยสัมผัสรสชาติของการผงาดขึ้นมาจากความเป็นตาย

เวลานี้เขาต้องการพลีชีพต่อสู้ แต่ยังทำทีว่าทอดถอนใจ สำหรับหลินสวินแล้วท่าทางนี้ช่างน่าขันจริงๆ!

อวิ๋นชิ่งไป๋ชะงักเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิมกล่าว “เจ้าผิดแล้ว ใจข้ามีเพียงกระบี่ ไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย ถูกลิขิตให้ต่างจากเจ้า!”

พูดจบทั้งตัวเขาถูกแสงกระบี่ไร้สิ้นสุดปกคลุม ปราณกระบี่ล้นฟ้าทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ฟ้าดินแถบนั้นกลายเป็นพายุปราณกระบี่อย่างสมบูรณ์

ฟ้าดินเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ห้วงอากาศทั่วบริเวณล้วนอลหม่านแตกระเบิดในพริบตา!

ตูม!

พริบตานั้นทุกคนต่างตื่นตระหนก มองเห็นว่ากายหยาบ จิตวิญญาณและเลือดลมของอวิ๋นชิ่งไป๋ราวถูกหลอมรวมเข้าไปในกระบี่เทียมฟ้านั้นอย่างสมบูรณ์

ใช้ร่างกาย สังเวยกระบี่!

“นี่… จะพลีชีพสู้สุดตัวรึ”

ผู้ชมต่างสีหน้าอึ้งงัน เมื่อบุคคลแห่งยุคคนหนึ่งสู้สุดตัวโดยไม่เสียดายชีวิต ผลกระทบที่ยากจะบรรยายนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ตื่นตระหนก

“สมเป็นผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุค อัจฉริยะมรรคกระบี่ที่หาได้ยากในดินแดนรกร้างโบราณ อาศัยเพียงความอาจหาญที่เห็นความเป็นตายราวสิ่งไร้ค่านี้ นับตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันจะมีสักกี่คนที่สามารถเทียบเทียม”

องค์ชายเซ่าเฮ่าถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง

“กระบี่นี้เหมือนการเซ่นไหว้ ใช้มรรคกระบี่ทั้งชีวิตมาหลอมถึงขีดสุดในพริบตา ใคร… จะต้านทานได้…”

เทพธิดารั่วอู่สีหน้าเลื่อนลอย

“ไม่รู้ว่าหลินสวินจะรับกระบี่นี้ได้หรือไม่”

สำหรับพวกเจ้าคางคก หัวใจอันตึงเครียดเหมือนจะกระโดดออกมาอยู่แล้ว ต่อให้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวหลินสวินยิ่ง แต่ก็ไม่อาจไม่เคร่งเครียด

ด้วยอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้ไม่เสียดายชีวิตแล้ว!

ตูม!

ในจุดที่อวิ๋นชิ่งไป๋ยืนอยู่ อานุภาพของกระบี่เทียมฟ้าเชื่อมต่อนภาเข้าจริงๆ แสงกระบี่ ปราณกระบี่ คมกระบี่ เจตกระบี่ไม่สิ้นสุดซัดสาดหมุนวน

กลายเป็นน้ำวนขนาดมหึมาหาใดเปรียบ!

มรรคกระบี่ยากบรรยายสายหนึ่งม้วนกลืนอากาศ อบอวลไปทั่วบริเวณในชั่วพริบตา เมื่อน้ำวนเริ่มหมุนท้องฟ้านั่นถูกฉีกกระจุย ในเสียงระเบิดห้วงอากาศพลันกลายเป็นกระแสน้ำปั่นป่วนไร้สิ้นสุดราวไหมทอที่ถูกบดขยี้

ครืน…

ต้นไม้ ก้อนหิน พื้นดินในรัศมีพันลี้ล้วนแตกระเบิดดังสนั่น กลายเป็นฝุ่นคลั่งร่ายระบำทั่วฟ้า

“แย่แล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งร่างกายพุ่งลอยเข้าไปในวังวนกระบี่มหึมากลางฟ้าดินนั่นเหมือนควบคุมไม่อยู่

กลืนกิน!

นั่นคือพลังกลืนกินที่ไร้ใดเปรียบ ผสานเข้าไปในวังวนกระบี่ ปรากฏอยู่กลางฟ้าดิน ราวกับจะกลืนกินฟ้าดินและทุกสรรพสิ่งนี้จนสิ้น!

แม้จะอยู่ห่างไกลก็ยังทำให้ผู้คนหวาดกลัว รู้สึกสิ้นหวังหาใดเปรียบ

“เขา… นำมรรควิถีทั้งหมดหลอมเข้าไปในกระบี่นี้ ชีวิตข้าได้เห็นภาพนี้ก็ไม่เสียดายแล้ว!”

นายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนต่างต้านทานเต็มกำลัง เหมือนเจอศัตรูผู้แข็งแกร่ง ในใจตื่นเต้นหาใดเปรียบ

“หลินสวิน เจ้าใช้มรรคกระบี่มาสู้กับข้า เวลานี้ได้เวลาเอาคืน เจ้าจงตายอยู่ที่นี่ซะ!”

เสียงของอวิ๋นชิ่งไป๋เด็ดเดี่ยวเฉยชา ดังก้องกลางฟ้าดิน

เงาร่างของเขาหายไปในวังวนกระบี่มหึมาหาใดเปรียบนั่นนานแล้ว

สิ่งที่เขาเรียนรู้ แรงกายแรงใจชั่วชีวิต เวลานี้ต่างหลอมรวมเป็นหนึ่งกับกระบี่นี้อย่างสมบูรณ์

เพื่อฆ่าหลินสวิน ย่อมไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย!

“มรรคกระบี่ของเจ้าใช้พรสวรรค์ของข้าเป็นรากฐาน ต่อให้เสาะหาทั้งชีวิตก็ไม่ใช่ของเจ้าอยู่ดี!”

หลินสวินยิ้มหยันทันที ผมยาวทั้งศีรษะพลันพลิ้วไหว ก้าวออกไปข้างหน้า

วังวนกระบี่ที่ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีกลับราวถูกหลินสวินมองข้าม เขาก้าวไปข้างหน้า บุกตะลุยเข้าไปด้วยตัวเอง

เงาร่างของเขาเด็ดเดี่ยวและนิ่งสงบ

อวิ๋นชิ่งไป๋พลีชีพสังเวยกระบี่ เขาหลินสวินมีหรือจะกลัวความเป็นตาย

“ดับสิ้นไปด้วยกันก็ไม่เลว…”

เสียงของอวิ๋นชิ่งไป๋ดังขึ้นรางๆ

หลินสวินถึงขั้นเห็นว่าในส่วนลึกของวังวนกระบี่ที่โหมกระหน่ำนั่น สีหน้าท่าทางของอวิ๋นชิ่งไป๋ดูน่าเลื่อมใส นิ่งสงบเหมือนใกล้บรรลุอริยะ

ตูม!

พลังดุดันชวนประหวั่นไร้ขอบเขต ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง ฉีกกระชากห้วงอากาศจนทรุดลง กลายเป็นสภาพอากาศแปรปรวนไร้สิ้นสุด

เงาร่างของหลินสวินที่พุ่งเข้าไปนั้นถูกปกคลุมในพริบตา

มองจากไกลๆ ก็เหมือนผีเสื้อราตรีตัวหนึ่งกระโจนเข้าไปในวังวนกลืนสวรรค์ที่เชื่อมต่อฟ้าดิน ครอบคลุมอยู่รอบทิศ ทั้งเล็กจ้อยทั้งไม่หวาดกลัวอะไรเลย

“ดับสิ้นไปด้วยกัน? ไม่ การสังหารเจ้าจะเริ่มขึ้นตอนนี้!”

นี่คือเสียงสุดท้ายที่หลินสวินกล่าวก่อนถูกวังวนนั่นกลืนกิน ยังคงนิ่งสงบไร้อารมณ์ ไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย

ครืน!

วังวนกระบี่มหึมาโคจร แสงกระบี่ไร้สิ้นสุดซัดโหมอยู่ภายในราวประตูใหญ่สู่นรกภูมิ พอที่จะทำให้ผู้คนหนาวสะท้าน

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินถูกกลืนเข้าไปในนั้นด้วยตาตัวเอง ในที่นั้นก็มีเสียงตกตะลึงด้วยความสั่นสะท้าน ตื่นตระหนก สิ้นหวังดังขึ้นไม่รู้เท่าไร

“ทั้งสองคนจะพินาศย่อยยับไปด้วยกันจริงหรือ”

“การต่อสู้แห่งยุคเช่นนี้ ไม่ว่าใครจะสิ้นชีพ สำหรับทั้งใต้หล้าล้วนเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง หากทั้งสองคนตายไป… คงทำให้ผู้คนเสียดายนัก”

เหล่าผู้กล้าในที่นั้นสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่อาจสังเกตสถานการณ์ในวังวนกระบี่นั้นได้

ที่นั่นน่ากลัวเกินไป สกัดกั้นทุกสรรพสิ่ง!

พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ถูกทำให้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ สีหน้าวูบไหว การต่อสู้ยืดเยื้อมาถึงตอนนี้ทำให้พวกเขาต่างคาดไม่ถึง ในใจถูกจู่โจมอย่างหนัก

หลินสวินที่พุ่งเข้าไปด้วยตัวเอง อวิ๋นชิ่งไป๋ที่พลีชีพสังเวยกระบี่… สุดท้ายใครจะมีชีวิตรอดกันแน่

หรือจะพินาศย่อยยับไปด้วยกัน

ไม่มีใครรู้!

แต่ทุกคนต่างเบิกตากว้างจับจ้องเขม็ง ติดตามอย่างตื่นเต้น

พวกเขาอยากได้คำตอบโดยไว หาบทสรุปให้การต่อสู้แห่งยุคที่นับแต่โบราณมายากจะได้เห็นนี้

เพียงแต่ไม่มีคนรู้ว่าหลินสวินที่ถูกม้วนกลืนเข้าไปในวังวนกระบี่ ดูเหมือนสถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด ทว่า…

กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ!

ถึงขั้นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่เส้นผม

ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่หน้าอกของเขาร้อนฉ่าส่องประกาย คลื่นพลังประหลาดไหลวน ทำให้เขาแม้จะอยู่ในพายุปราณกระบี่ชวนประหวั่นก็ประหนึ่งเดินเล่นบนทางราบ!

เพียงแต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนเป็นทอดถอนใจ สับสน ไม่นิ่งสงบเหมือนก่อนหน้านี้

ด้วยเวลานี้หลินสวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย แม้ไม่เคยเจอมาก่อน แต่กลับทำให้เขามีความรู้สึกดุจเป็นสายเลือดเดียวกัน

เขารู้ว่านี่คือกลิ่นอายพรสวรรค์ที่เดิมทีเป็นของตน!

“เจ้า…”

ส่วนลึกของวังวน เห็นหลินสวินก้าวเข้ามาราวเดินเล่นในสวนบ้าน อวิ๋นชิ่งไป๋ที่เดิมทีสีหน้านิ่งสงบและเด็ดเดี่ยวพลันตกตะลึงคล้ายยากจะเชื่อ

นี่เป็นถึงกระบี่ที่เขาทุ่มเททุกอย่าง พลีชีพสังเวยกระบี่ ไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย!

แต่ที่ไร้สาระที่สุดคือ การโจมตีที่ถูกเขามองว่าแข็งแกร่งที่สุดกลับไม่เหมือนแต่ก่อน ถึงขั้นไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย

การขาดดุลอย่างรุนแรงนี้เหมือนถูกคนฟาดกระบองเตือนสติจากด้านหลัง ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋หน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์ ในใจรู้สึกพ่ายแพ้อย่างเด่นชัด

เขาไม่หวาดกลัวต่อความเป็นตาย ด้วยในใจของเขามีเพียงมรรคกระบี่ ต่อให้ตายไปก็สามารถหยิ่งทะนงได้ชั่วชีวิต แม้จะตายก็ไม่แพ้!

ทว่าเหตุการณ์ตรงหน้ากลับทำให้เขาไม่อาจยอมรับ!

เพราะอะไร

นัยน์ตาเขาขยายออก ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธอย่างบอกไม่ถูก

“สิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้า สุดท้ายก็ไม่ใช่ของเจ้า”

หลินสวินหยุดเดิน มองอวิ๋นชิ่งไป๋ที่อยู่ห่างออกไป มองศัตรูผู้แข็งแกร่งแห่งยุคที่เคยเหมือนเงามืดปกคลุมตัวเองในวัยเยาว์ แววซับซ้อนทอดถอนใจบนใบหน้าถูกความนิ่งสงบเข้ามาแทน

“ข้าครองมรรคกระบี่ สรรพสิ่งในใต้หล้า พลังแห่งยุคสมัย ขอเพียงมีส่วนช่วยต่อมรรคาของข้าก็สามารถนำมาให้ข้าใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เจ้า… ไม่เข้าใจ!”

อวิ๋นชิ่งไป๋กล่าวเน้นทีละคำ เด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง

หลินสวินกลับไม่คัดค้าน เพียงแต่กล่าว “ข้าไม่เข้าใจมรรคาของเจ้าจริงๆ แต่ข้ารู้ว่าความพ่ายแพ้ของเจ้าในวันนี้เกิดจากการที่เจ้าช่วงชิงพรสวรรค์จากข้าไปในปีนั้น!”

“แพ้?”

ใบหน้าของอวิ๋นชิ่งไป๋บิดเบี้ยวและคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที คนที่เย่อหยิ่งภาคภูมิอย่างเขา ฝึกปราณมาถึงวันนี้มีหรือจะเคยพ่ายแพ้

“ตายซะ!”

เขาตวาดลั่น ร่างกายดั่งไฟลุกโชน กระบี่เทียมฟ้าหมุนวน ในวังวนกระบี่มหึมาปราณกระบี่แน่นหนาพุ่งไปทางหลินสวินดังสนั่นดุจกระแสน้ำ

หลินสวินยืนไม่ขยับแต่กลับเหมือนเข้าไม่ถึง ไม่ว่าปราณกระบี่โดยรอบจะจู่โจมเข้ามาราวกระแสน้ำหลากก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย

ด้วยเพราะการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดนี้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ หากสละเปลือกนอกทิ้งไป แก่นแท้ของมันที่สุดแล้วก็เกิดจากพลังพรสวรรค์ที่เดิมทีเป็นของเขา!

หลินสวินมีหรือจะหวาดกลัว

………..