บทที่ 1359 พบกันที่เดิม

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,359 พบกันที่เดิม

“อีกไม่เกินห้าวัน พวกเราจะกลับจักรวรรดิเป่ยไห่”

หลินเป่ยเฉินคำนวณเวลาและกำหนดเส้นตาย

“ประเสริฐ”

ไต้จือฉุนร้องออกมาด้วยความยินดี

ตลอดเวลาอันยาวนานเขาใช้ชีวิตอยู่ในเหมืองใต้ดินอย่างทุกข์ทรมาน เมื่อได้รับอิสรภาพอีกครั้ง ไต้จือฉุนจึงหวังที่จะได้กลับบ้านเกิดโดยเร็วที่สุด

เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับไปพบเจอภรรยาและบุตรสาว

ฉู่เหินพยักหน้า ไม่พูดคำใด

หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไป “เมืองเยี่ยเฉิงมีพลังปราณเทวะอุดมสมบูรณ์ อาจารย์ฉู่จงดูดซับพลังให้เยอะ ๆ เข้าไว้ขอรับ พี่ใหญ่ไต้เองก็เช่นกัน หลังดูดซับพลังปราณเทวะเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย เมื่อเรากลับสู่จักรวรรดิเป่ยไห่ รับรองว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับพวกเราได้อีก”

ไต้จือฉุนพยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น

เรื่องนี้สำคัญที่สุด

สำหรับเขา การเดินทางมาสู่ดินแดนทวยเทพเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีงามเช่นกัน

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีสถานะยิ่งใหญ่คับเมืองเยี่ยเฉิง พวกเขาจึงสามารถดูดซับพลังได้อย่างสบายใจ

หลินเป่ยเฉินขอตัวกลับไปนั่งฝึกวิชาในห้องเพียงลำพัง

เขานำโทรศัพท์มือถือออกมาดูการทำงานของแอปพลิเคชันคัมภีร์ไพรีดาราราย

มันยังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

คัมภีร์ไพรีดารารายซึ่งได้เป็นของรางวัลที่ได้มาจากงานเลี้ยงเบิกฟ้านั้น เมื่อนำมาแปลงเป็นแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ หลินเป่ยเฉินก็เปิดการใช้งานมาโดยตลอด เท่ากับว่าไม่เคยมีวันใดที่เขาจะไม่ฝึกวิชานี้

ซึ่งนับดูเวลานี่ก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว

เมื่อเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันคัมภีร์ไพรีดาราราย เด็กหนุ่มก็พบสถานะว่าตนเองสามารถฝึกขั้นแรกของวิชานี้ได้แปดสิบเก้าเปอร์เซ็นต์

หากมีสถานะหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่ ก็เท่ากับว่าหลินเป่ยเฉินสามารถบรรลุเคล็ดวิชาขั้นแรกได้สำเร็จ

คัมภีร์ไพรีดารารายมีลำดับชั้นอยู่ด้วยกันห้าขั้น หากเขาสามารถบรรลุทั้งห้าขั้นได้สำเร็จ ในดินแดนแห่งนี้ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับหลินเป่ยเฉินได้อีก

แต่เด็กหนุ่มไม่รีบร้อน

ในบรรดาคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ทั้งหลายที่ผ่านการแปลงไฟล์เป็นแอปพลิเคชันมาอยู่ในโทรศัพท์มือถือของหลินเป่ยเฉิน ไม่เคยมีวิชาใดใช้เวลาฝึกฝนนานขนาดนี้มาก่อน

หลินเป่ยเฉินเชื่อมั่นว่าเมื่อตนเองฝึกวิชานี้สำเร็จ เขาจะต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มเริ่มคาดเดา

เขาเข้าใจว่าเมื่อตนเองเดินทางกลับสู่จักรวรรดิเป่ยไห่ โทรศัพท์มือถือก็คงจะต้องได้รับการอัปเกรดอีกครั้ง

เมื่อกดออกมาจากแอปไพรีดาราราย หลินเป่ยเฉินก็สำรวจดูการทำงานของแอปพลิเคชันอื่น ๆ

แอปพลิเคชันแผนภูมิจิตจำแลงยังคงทำงานต่อไป

นี่คือวิชาสำหรับการฝึกพลังจิต ช่วยทำให้หลินเป่ยเฉินมีพลังจิตแข็งแกร่งมากขึ้น

แต่เห็นได้ชัดว่ามันออกจะ ‘ตกรุ่น’ ไปสักหน่อย

สิ่งที่ชาวเป่ยไห่เรียกว่าพลังจิต คือสิ่งที่ผู้คนในดินแดนทวยเทพให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

จากข้อมูลที่เขาได้รับทราบโดยการบอกเล่าของเฉียนหลง เมื่อได้รับตำแหน่งเทพเจ้าอย่างเป็นทางการ หลินเป่ยเฉินยังจำเป็นต้องมีพลังจิตแข็งแกร่งให้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เขาจึงจะสามารถปลดผนึกวงแหวนเทพเจ้าที่อยู่ด้านหลังศีรษะได้

นอกจากจะต้องมีพลังจิตแข็งแกร่งแล้ว พลังวิญญาณก็ต้องแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากัน

“สงสัยต้องหาคัมภีร์ฝึกพลังจิตเล่มใหม่มาใช้งานซะแล้วสิ”

หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจ

เขาส่งข้อความไปหาเฉียนหลงผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม และขอให้อีกฝ่ายช่วยจัดหาคัมภีร์ฝึกพลังจิตตามที่ตนเองต้องการ

ไม่ว่าจะเป็นที่จักรวรรดิเป่ยไห่หรือเป็นที่ดินแดนทวยเทพ การมีพลังจิตแข็งแกร่งก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญทั้งสิ้น

หลินเป่ยเฉินคำนวณดูประโยชน์ของแอปพลิเคชันฝึกวิชาต่าง ๆ ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้น เขาจึงลบแอปบางส่วนที่แทบไม่ได้ใช้งานแล้วทิ้งไป

เพื่อเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำให้แก่โทรศัพท์

และบางที การที่โทรศัพท์มือถือมีความจำเครื่องเพิ่มมากขึ้น มันก็อาจจะทำให้แอปพลิเคชันคัมภีร์ไพรีดารารายและแอปพลิเคชันกระบี่เร้นกายทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้นและก็อาจจะช่วยให้เด็กหนุ่มมีความคืบหน้าในการฝึกวิชารวดเร็วขึ้นเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินเปิดดูแอปพลิเคชัน Keep และเริ่มการออกกำลังกายประจำวันขั้นพื้นฐาน

ก่อนหน้านี้ แอปพลิเคชัน Keep ได้วางแผนการออกกำลังกายระยะยาวให้แก่หลินเป่ยเฉิน และมันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จตามตารางในทุก ๆ วัน ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นจากการฝึกวิชาคู่กับชิงเล่ยอยู่แล้ว แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยละเลยการออกกำลังกายตามตารางของแอป Keep แม้แต่วันเดียว

เพราะมันเป็นการออกกำลังกายที่ไม่มีสิ่งใดยุ่งยากซับซ้อน

เพียงยกขาขึ้น ส่ายเอว และกระโดดตบหรืออะไรทำนองนั้น

แต่ถึงมันจะเป็นการออกกำลังกายด้วยท่วงท่าขั้นพื้นฐาน และหลินเป่ยเฉินซึ่งมีขั้นพลังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ก็ยังมีสภาพเหงื่อท่วมตัวหลังออกกำลังกายเสร็จเสมอ

ทว่า ความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ยังห่างไกลจากความแข็งแกร่งทางร่างกายของเซียวปิงหลายเท่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาถึงได้รู้ว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของเซียวปิง นับเป็นสวรรค์ประทานพรอย่างแท้จริง

เดี๋ยวก่อนนะ?

ดูเหมือนเขาจะมีความแข็งแกร่งทางร่างกายน้อยกว่าเซียวปิงอย่างนั้นหรือ?

ให้ตายสิ หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าตนเองไม่ควรคิดเช่นนี้เลย

เขาไม่ควรคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

มิเช่นนั้น นักอ่านอาจจะด่าคนเขียนได้ว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ

หลินเป่ยเฉินกำลังจะเก็บโทรศัพท์

ทันใดนั้น…

ครืด ครืด

โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นเล็กน้อย

มีข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามาในแอปวีแชต

เมื่อเปิดดู น้ำตาก็แทบไหล

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบข้อความของเขาแล้ว

ในที่สุด หลังจากที่เงียบหายไปนาน นางก็ตอบข้อความของเขาสักที

‘ช่วงหลังข้ามีธุระยุ่งมาก’

‘เพิ่งเห็นข้อความของเจ้า’

‘ข้ารู้ทุกอย่างแล้ว’

‘พบกันที่เดิม’

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตอบกลับมาสี่ข้อความรวด

พบกันที่เดิม?

หลินเป่ยเฉินชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นถึงนึกออกว่ามันคือที่ไหน

ครึ่งชั่วยามให้หลัง

ร้านสุราข้างทางแห่งหนึ่งในพื้นที่ระดับสาม แดนตะวันตกเฉียงเหนือ

รสชาติของสุราหมักยังคงเร่าร้อน และบรรยากาศภายในร้านก็ยังคงเงียบเหงา เถ้าแก่นั่งสัปหงกอยู่หลังคอกเสมียน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามาหยุดยืนมองสภาพภายในร้านด้วยความพิศวง…

เขาไม่ทราบเลยว่าเพราะเหตุใดเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงถึงเลือกร้านแห่งนี้เป็นสถานที่นัดพบเสมอ

สุราประจำร้านมีรสชาติย่ำแย่

หลินเป่ยเฉินสงสัยว่าร้านแห่งนี้น่าจะมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

เพราะในนิยายจำนวนมาก เถ้าแก่ร้านสุราเหล่านี้มักมีตัวตนจริงเป็นยอดฝีมือเร้นกาย

ไม่ทราบว่าหากตนเองลงมือจู่โจมออกไป เถ้าแก่ร้านจะสามารถต้านรับเอาไว้ได้หรือไม่?

หลินเป่ยเฉินปรารถนาอยากจะลองทดสอบ

แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงผู้มาถึงก่อนหน้านี้ได้กวักมือเรียกเขาพอดี “มานั่งนี่สิ”

หลังจากนั้น

สุราและอาหารก็ถูกจัดวางลงบนโต๊ะ

“ระหว่างทางมาที่นี่ พี่สาวได้เห็นข่าวของเจ้าแล้ว เจ้าไม่ได้ทำให้พี่สาวผิดหวังเลยจริง ๆ ในที่สุด เจ้าก็สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ควรค่าแก่การฉลองแล้ว”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยิ้มออกมาด้วยความจริงใจ

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปหน้าบึ้ง “หากท่านยังไม่ติดต่อมาหลังจากนี้ ข้าก็คงชนะการแข่งขันและกลับเป่ยไห่ไปแล้ว… ช่วยมีความรับผิดชอบหน่อยได้หรือไม่ อย่าได้หายตัวไปตอนที่ข้าเดือดร้อนบ่อยนักสิ”

“ข้าไปเตรียมพร้อมให้เจ้าต่างหาก”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอธิบายด้วยความเดือดดาล “นี่เจ้าโกรธเคืองข้าอย่างนั้นหรือ? เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็ง คิดว่าไม่ต้องการข้าแล้วงั้นสิ?”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปเสียงแข็ง

“เจ้านี่ไม่รู้อะไรเสียแล้ว”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกล่าวด้วยความฉุนเฉียว “หากเจ้าคิดเช่นนั้น เจ้าก็กำลังจะพลาดโอกาสร่ำรวยไปชั่วชีวิต”

“ท่านยังจะมาล้อเล่นอะไรอีก”

หลินเป่ยเฉินสวนกลับไปอย่างไม่เห็นด้วย “หากจะกล่าวกันตามตรง การที่ข้ามาดินแดนทวยเทพในครั้งนี้ เป็นท่านหลอกลวงให้ข้ามาไม่ใช่หรือ? และที่ข้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้า นี่ก็เป็นความต้องการของท่านอีกเช่นกัน ทุกสิ่งที่ข้าทำลงไปนั้น ล้วนแต่เป็นความต้องการของท่านทั้งสิ้น”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงยกไหสุราขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย

นางดื่มโดยแทบไม่พักหายใจ

น้ำสีอําพันไหลย้อยผ่านคางเลื่อนไหลลงสู่ลำคอและซึมลงสู่หน้าอก ก่อนจะหายลับเข้าไปในร่องเขาอันเย้ายวนใจที่ดันเสื้ออันรัดติ้วของเทพธิดาสาวให้เด่นหรา…

ต้องยอมรับเลยจริง ๆ ว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจเหลือเกิน

หากจะกล่าวถึงเรื่องความงามแต่เพียงอย่างเดียว นับว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสามารถเอาชนะฮันลั่วเซวี่ยกับนักบวชสาวเซียงเหยียนได้ขาดลอย

“ข้ามีอะไรจะบอกเจ้า”

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงตบโต๊ะเสียงดังปัง ก่อนลดเสียงลงเป็นกระซิบ “เจ้าเองก็มาอยู่ในดินแดนทวยเทพนานแล้ว คงเคยได้ยินชื่อของท่านมหาเทพมาบ้างแล้วกระมัง?”

“ท่านคงหมายถึงคนที่รับเทพเจ้าแห่งแดนรกร้างเป็นบุตรบุญธรรมใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินถามออกไปด้วยความพิศวง

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นและกล่าวต่อ “เป็นเขาเอง…. ฮ่า ๆๆ แล้วเจ้าอยากจะได้สมบัติทั้งหมดของท่านมหาเทพมาครอบครองหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็เกือบจะอุทานคำหยาบออกมา

เขารู้ดีว่าเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นบุคคลที่โลภมากในทรัพย์สินเงินทองขนาดไหน

แต่หลินเป่ยเฉินไม่คิดเลยว่านางจะโลภมากถึงเพียงนี้

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?