“หลินสวินชนะแล้ว!”

องค์ชายเซ่าเฮ่าน้ำเสียงเจือความทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง

จนถึงตอนนี้สภาวะจิตของเขายังทิ้งร่องรอยสั่นสะเทือนไว้ ไม่อาจขับออกไปได้ นึกถึงภาพต่างๆ ของการต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้ยามเขามองไปยังหลินสวิน กลางนัยน์ตาจึงฉายแววอัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูก

“เสียดายอวิ๋นชิ่งไป๋ที่เหมือนตะวันกลางนภา แต่กลับร่วงหล่นสู่นิรันดร์ในยุคสมัยนี้ สำหรับทั้งดินแดนรกร้างโบราณคงอ้างว้างเพิ่มสามส่วน”

เทพธิดารั่วอู่พึมพำ นัยน์ตากระจ่างดั่งวารี เงาร่างดูประหนึ่งควันมายา

ช่างน่าเสียดายจริงๆ

หากไม่มีการประลองนี้ ในมหายุคปัจจุบันอาศัยระดับความเชี่ยวชาญลึกซึ้งในมรรคกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ ภายหน้าจะต้องผงาดเป็นอริยะกระบี่แห่งยุคที่เพียงพอจะเย้ยก้องนิรันดร์กาลคนหนึ่งแน่!

น่าเสียดาย วันนี้เขาสิ้นชีพแล้ว

‘จากการประลองนี้อานุภาพของหลินสวินไร้ผู้ต้านทานแล้ว ทั้งไม่มีใครสามารถสยบ ภายหน้า… เกรงว่าคงไม่มีใครอาจเอื้อมด้วยกระมัง’

เย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจิน หวังเสวียนอวี๋ ชื่อหลิงเซียวและบุคคลระดับนายเหนือหัวแห่งยุค เวลานี้กลับรู้สึกซับซ้อน!

การต่อสู้นี้ไร้ใดเปรียบตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์

แต่การตายของอวิ๋นชิ่งไป๋กลับกลายเป็นฐานเหยียบ จะต้องทำให้อานุภาพของหลินสวินบรรลุถึงขั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์แน่

ต่อจากนี้อย่าว่าแต่กำราบเขา แค่คิดจะไล่ตามให้ทันเขาเกรงว่ายังยาก!

สำหรับบุคคลระดับพวกเขาที่อยู่ในขอบเขตมกุฎมรรคาอมตะเหมือนกัน ในใจย่อมรู้สึกซับซ้อนเป็นธรรมดา

ไม่มีใครเต็มใจยอมรับว่าตนสู้เขาไม่ได้!

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินในยามนี้ พวกเขากลับไม่อาจไม่ยอมรับว่าหากประลองกับอีกฝ่าย แรงกดดันต้องมากมายมหาศาลแน่

“ชนะแล้ว!”

พวกเจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่ต่างจิตใจฮึกเหิม รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

มีเพียงพวกเขาที่รู้ดีว่าหลินสวินรอวันนี้มานานแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าสิบปีลับกระบี่ ทดแทนคุณชำระแค้นในวันนี้!

“อวิ๋นชิ่งไป๋แพ้แล้ว…”

โม่เทียนเหอสีหน้ามึนงง

“ทำไม เจ้าหวังให้เขาชนะรึ”

จี้ซิงเหยากล่าวเย็นชา

โม่เทียนเหอเก้กังทันที รีบร้อนกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าแค่ทอดถอนใจว่าผู้ฝึกกระบี่แห่งยุคคนหนึ่งเช่นนี้ถึงกับมาตายที่นี่ ช่างเหมือนฝันจริงๆ”

พวกเซียวชิงเหอ เยวี่ยเจี้ยนหมิง เยี่ยเฉินและเซี่ยวชางเทียนได้ยินดังนั้นก็ต่างรู้สึกแบบเดียวกัน ทอดถอนใจไม่หยุด

ดินแดนรกร้างโบราณในอดีต อวิ๋นชิ่งไป๋เป็นถึงตัวตนที่เจิดจรัสหาใดเปรียบคนหนึ่ง โดดเด่นเหนือคนรุ่นเดียวกัน สยบวีรชนคนกล้าในใต้หล้าจนไม่อาจเงยหน้าขึ้น

บ่อยครั้งที่มีคนพูดว่า การอยู่ร่วมยุคกับอวิ๋นชิ่งไป๋คือโชคร้ายใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ได้แค่อยู่ใต้รัศมีของเขา

แต่ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋แพ้แล้ว และยังร่วงหล่นไปชั่วนิรันดร์…

นี่จะไม่ให้ผู้คนทอดถอนใจได้อย่างไร

“และด้วยเหตุนี้จึงเสริมให้หลินสวินประหนึ่งไร้คู่ต่อกรยิ่งกว่าเดิม!”

เยวี่ยไฉ่เวยยิ้มเอ่ยปาก แววตาไหลวนด้วยคลื่นอัศจรรย์

‘พวกเขารู้เพียงความเจิดจรัสของเจ้าในวันนี้ แต่อาจมีเพียงข้าที่เข้าใจว่าตั้งแต่เด็กถึงตอนนี้ เจ้าทุ่มเทความพยายามและหยาดเหงื่อไปเท่าไหร่’

อีกด้านหนึ่งไป๋หลิงซียืนอยู่ในฝูงชน พึมพำในใจ

ยังจำได้ว่าตอนเด็กพวกเขาเข้าร่วมฝึกที่ค่ายกระหายเลือดของจักรวรรดิพร้อมกัน เวลานั้นใครเล่าจะคาดคิด ว่าเด็กหนุ่มที่มาจากบ้านนอกคนนั้นจะเผยคมประกายที่ไร้คู่ต่อกรเช่นนี้ที่แดนเก้าบนในวันนี้

จักรวรรดิเล็กมาก ดินแดนรกร้างโบราณใหญ่ยิ่ง

แต่หลินสวินกลับมาผงาดอยู่ที่นี่ วันหน้าต้องชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้าแน่!

ห่างออกไปยังมีผู้ชมมากมายตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์ สีหน้าอึ้งงันไม่เอ่ยวาจา

ทุกคนต่างเหม่อลอยมึนงง มองเงาร่างนั้นที่ยืนตระหง่านอยู่ใต้เวิ้งฟ้า ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกดุจเขาถล่มสมุทรคำราม

การต่อสู้ก่อนหน้านี้อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกคาดหวังไว้มากกว่า ไม่ว่าพวกเขาจะประเมินหลินสวินสูงอย่างไร ต่างก็คิดไม่ถึงว่าการโจมตี ‘พลีชีพสังเวยกระบี่’ สุดท้ายของอวิ๋นชิ่งไป๋จะถึงกับล้มเหลว…

หลินสวินกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด!

ผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมาย ทำให้ผู้คนไม่ทันตั้งตัว

คาดไม่ถึงและไม่อาจเข้าใจ

ราวกับตำนาน!

ด้านผู้แข็งแกร่งพวกนั้นที่มองหลินสวินเป็นศัตรู แต่ละคนต่างราวสูญพ่อสิ้นแม่ อกสั่นขวัญหาย แม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ยังพ่ายแพ้ ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเทพมารหลินนั่นได้อีก

สวบ!

เงาร่างของหลินสวินโฉบลงมาจากเวิ้งฟ้า

“ยินดีด้วยพี่หลิน” องค์ชายเซ่าเฮ่ายิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยปาก

เพียงพริบตาผู้แข็งแกร่งอื่นบางส่วนที่รู้จักหลินสวินต่างก้าวเข้าไปคารวะแสดงความยินดี อย่างเช่นหมีเหิงเจิน ชื่อหลิงเซียว โม่เทียนเหอ จี้ซิงเหยาและเยวี่ยไฉ่เวยเป็นต้น

เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่กลับระแวดระวังยิ่ง คุ้มกันอยู่ข้างหลินสวินอย่างไร้ร่องรอย ทั้งนี้จะได้ไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันบางส่วน

“หลินสวิน เจ้าต้องระวังตัวแล้ว เพิ่งผ่านศึกใหญ่ แม้จะสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ได้ แต่ตัวเจ้าก็คงบาดเจ็บหนัก ล่อแหลมอันตราย เวลานี้หากมีคนฉวยโอกาสลงมือ ผลที่ตามมานั้นเกรงว่าคงร้ายแรงยิ่ง”

ทันใดนั้นเสียงสะท้อนหนึ่งดังขึ้นกลางฟ้าดิน

ดูเหมือนกำลังกล่าวเตือน แต่เสียงดังเช่นนี้ถูกทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินหมด ‘การกล่าวเตือน’ นี้เห็นได้ชัดว่าคือการซ่อนแผนชั่วร้ายไว้

เพียงพริบตาผู้แข็งแกร่งไม่น้อยต่างแววตาวาววาบ

จริงดังว่า เทพมารหลินเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่อันตรายดุเดือดหาใดเปรียบ ต่อให้ได้ชัยชนะก็ต้องเป็นชัยชนะที่เสียหายสาหัส ถูกโจมตีอย่างหนักมากเกินไป ทั้งพลังกายจะต้องผลาญไปมากอย่างแน่นอน

สรุปง่ายๆ ก็คือยามนี้เทพมารหลินกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุดหลังผ่านศึกใหญ่ เวลานี้หากมีคนคิดไม่ซื่อ…

จะต้องเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารเทพมารหลินอย่างแน่นอน!

“รนหาที่ตาย!”

พวกเจ้าคางคกโกรธจัด “ยุแยงตะแคงรั่ว คดในข้องอในกระดูก เป็นสุนัขลอบกัดตัวไหน กล้าออกมาพูดซึ่งหน้าไหมเล่า”

ขณะเดียวกันพวกเขาก็แผ่จิตรับรู้ออกค้นหา

หลินสวินสีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม เขาเคยผ่านเรื่องแบบเดียวกันมามากมาย ไม่มีสิ่งใดผิดจากที่คาด

“ข้าหวังดีกล่าวเตือน ทำไมกลายเป็นยุแยงตะแคงรั่ว คดในข้องอในกระดูกไปได้เล่า แน่นอนว่าต่อให้ครั้งนี้หลินสวินจะจากไปได้อย่างปลอดภัยก็ต้องระวังตัวอยู่ดี เพราะอีกไม่นานแดนยอดมรดกก็จะปรากฏ หากได้รับบาดเจ็บหนักเกินไป เกรงว่าคงจะเกิดอันตรายไม่น้อย”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้ทุกคนถึงได้เห็นชัดเจนว่าคนที่พูดก็คือชายหนุ่มดวงตาโลหิตชุดดำ กลิ่นอายเย็นชาคนหนึ่ง

“โก่วเหยียนป้าแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!”

มีคนรู้ฐานะของฝ่ายตรงข้ามแล้วร้องออกมา นำพาให้เกิดความแตกตื่นขึ้นในที่นั้น

คนมากมายต่างรู้ว่าเมื่อครั้งยังอยู่แดนฐิติประจิม หลินสวินก็ผูกพยาบาทกับเผ่านี้แล้ว

กระทั่งเข้าสู่แดนชัยบูรพา หลินสวินยังเคยเหยียบประตูเขาเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬพร้อม ‘อริยะหญิง’ ปริศนาคนนั้นแล้วสังหารพวกเขาเสียราบคาบ ชักนำมาซึ่งแรงสะเทือนทั้งใต้หล้า

“เหอะ เป็นหมาตัวหนึ่งจริงด้วย!”

อาหลู่สบถออกมา

เพียงพริบตาเหล่าผู้กล้าในที่นั้นสีหน้าแปลกประหลาด โก่วเหยียนป้านี่ช่างเป็นสุนัขกล้าคับฟ้ายิ่งนัก เวลานี้ยังมายั่วยุ ไม่กลัวประสบหายนะรึ

โก่วเหยียนป้าไม่สนสายตาแปลกประหลาดโดยรอบสักนิด กล่าวเสียงดัง “เช่นเดียวกัน ข้าเชื่อว่าในที่นี้ต้องมีคนไม่อยากให้เจ้าหลินสวินฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นหากเจ้าเข้าร่วมการช่วงชิงของแดนยอดมรดก คนอื่นไหนเลยจะมีโอกาสไปแย่ง ‘อริยะนำพา’ ที่เร้นลับนั่น”

ประโยคเดียวทำให้คนไม่น้อยในที่นั้นหน้าพลันเปลี่ยนสีอีกครั้ง

นัยในคำพูดของโก่วเหยียนป้าชัดเจนเกินไปแล้ว เทพมารหลินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เข้าร่วมการแย่งชิงของแดนยอดมรดกก็ไม่มีภัยคุกคามเท่าไร

แต่ถ้าเขาฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แล้วไปร่วมช่วงชิงด้วย คนอื่นก็มีโอกาสไม่เท่าไหร่แล้ว!

ถึงอย่างไรแม้แต่อวิ๋นชิ่งไป๋ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แล้วใครจะกำราบเขาได้อีก

ไม่ว่าใครขอแค่มีปณิธานจะเข้าร่วมช่วงชิงในแดนยอดมรดก คงไม่อาจไม่พิจารณาถึงสถานการณ์นี้

และการที่โก่วเหยียนป้ากล่าวคำพูดพวกนี้ออกมาเวลานี้ ไม่ใช่แค่ซ่อนแผนชั่วร้าย แต่เห็นชัดว่ากำลังทำให้เหล่าผู้กล้าหลงผิดหันปลายหอกจ่อใส่หลินสวิน!

ด้วยเวลานี้หลินสวินอ่อนแอที่สุด หากสามารถจัดการเขาได้ในทันที ก็เท่ากับกำจัดคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดในการแข่งขันแดนยอดมรดกไปได้คนหนึ่ง!

เหล่าผู้กล้าในที่นั้นสามารถรอดชีวิตในการช่วงชิงและเข่นฆ่าหลายปีนี้มาได้ถึงตอนนี้ แน่นอนว่าไม่มีสักคนที่เป็นพวกโง่เขลา เพียงพริบตาก็เข้าใจจุดสำคัญในประเด็นนี้

สีหน้าต่างวูบไหวไม่หยุดขึ้นมาทันที

หลินสวินมุ่นคิ้ว คำพูดที่จู่โจมกะทันหันพวกนี้ของโก่วเหยียนป้าแน่นอนว่าเหี้ยมโหดลอบกัดหาใดเปรียบ ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น!

ฟุ่บ!

เวลานี้องค์ชายเซ่าเฮ่าลงมือทันใด เพียงพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่หน้าโก่วเหยียนป้าแล้วยื่นมือออกไป ฝ่ายหลังไม่ทันแม้แต่จะตอบสนองก็ถูกตัดหัว!

ซ่า…

เลือดแดงสดดั่งน้ำพุสาดกระจายออกมาจากศพไร้หัวของโก่วเหยียนป้า ภาพนองเลือดนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงทันใด

“เสี้ยมคนให้ทำผิด เจตนาชั่วช้า!”

เซ่าเฮ่าสีหน้าเย็นชา นัยน์ตาดุจอสนีกวาดมองทั่วลาน “หากใครไม่พอใจก็ไปสู้กับหลินสวินอย่างผ่าเผย ใช้วิธีชั้นต่ำเช่นนี้ก็ได้แต่ทำให้ผู้คนดูถูก!”

คำพูดมีจังหวะจะโคน เสียงกึกก้องสะท้านปฐพี

ประกอบกับเดิมทีเซ่าเฮ่าก็เป็นราชันแห่งยุคที่แข็งแกร่งยิ่งคนหนึ่ง ทันทีที่เขาเอ่ยปากก็พาให้บรรยากาศในที่นั้นเงียบสงัด

หลินสวินยิ้มไม่พูดอะไร เพียงแต่มองเซ่าเฮ่าวูบหนึ่ง

“มาๆๆ ใครไม่พอใจก็ก้าวออกมา!”

เจ้าคางคกตะโกนกระเหี้ยนกระหือรือ

นกทมิฬและอาหลู่ก็สีหน้าเย็นชา

“ยังมีพวกเราด้วย”

พวกเซียวชิงเหอ ชื่อหลิงเซียว จี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอ เยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน เยวี่ยไฉ่เวย… ก็ต่างทยอยก้าวออกมา

นี่ทำให้เหล่าผู้กล้าในที่นั้นใจสั่นสะท้าน สีหน้าปรวนแปรยิ่งกว่าเดิม

หลินสวินคนเดียวก็แข็งแกร่งจนพาให้ผู้คนสิ้นหวังแล้ว เมื่อลองดูเหล่าคนข้างกายเขา มีใครไม่ใช่บุคคลขอบเขตมกุฎที่ร้ายกาจโดดเด่น และครองอำนาจในฝ่ายหนึ่งบ้าง

บุคคลร้ายกาจกลุ่มหนึ่งเช่นนี้ยืนอยู่หน้าหลินสวินพร้อมกัน ใครจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกเล่า

ประกอบกับท่าทีขององค์ชายเซ่าเฮ่า พูดได้ว่าเวลานี้ใครกล้าหาเรื่องหลินสวิน ก็เท่ากับสร้างความลำบากให้ชีวิตของตัวเอง!

“แดนยอดมรดกคือการต่อสู้ของผู้กล้าที่แท้จริง มีเพียงผู้ที่เคยมีชื่อปรากฏอยู่บนกระดานทองคำผู้กล้าถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม”

ทันใดนั้นเทพธิดารั่วอู่เอ่ยปาก น้ำเสียงแผ่วเบา งดงามเงียบสงบและเลือนราง “ในเมื่อเป็นผู้กล้าก็ต้องรับผิดชอบต่อสองคำนี้ให้ได้ หากใช้วิธีลอบกัดต่ำทรามบางอย่างด้วยเกรงกลัวและหวาดหวั่นใครบางคน เช่นนั้นก็ไม่คู่ควรที่จะเรียกว่าผู้กล้าแต่แรก”

พูดจบเงาร่างนางก็พุ่งวาบ ลอยล่องจากไป

ต่อจากนั้นเหล่าผู้กล้าในที่นั้นก็ทยอยแยกย้ายกันไปทันที ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกต้องถูกเข้าใจผิดว่าเจตนาทำร้ายหลินสวินแน่

และวันนั้นเอง ข่าวเกี่ยวกับการประลองนี้เสมือนสายฟ้าแลบผ่าน ตัดทำลายแหวกอากาศเหนือแดนเก้าบน

เพียงพริบตา ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ต่างบริเวณของแดนเก้าบนแต่ไม่ได้มาชมการประลองพวกนั้น ต่างตกอยู่ในความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

เทพมารหลินชนะแล้ว!

เขาเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ผู้ฝึกกระบี่อันดับหนึ่งแห่งยุคได้!

ได้ยินว่าช่วงสุดท้ายอวิ๋นชิ่งไป๋พลีชีพสังเวยกระบี่ แต่ยังไม่อาจหลุดพ้นความตาย ส่วนเทพมารหลินแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ภายใต้สายตาของมวลชนที่จับจ้องกลับจากไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ถูกขัดขวางใดๆ!

นัยแฝงที่เผยออกมาอย่างชัดเจนเบื้องหลังทุกอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจไม่ไหวหวั่น

………….