บทที่ 1364 คำเชิญที่ไม่คาดฝัน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,364 คำเชิญที่ไม่คาดฝัน

ดินแดนทวยเทพเปรียบเสมือนตะแกรงขนาดใหญ่

มีรูโหว่มากมายให้ผู้คนสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้

“ตัวบัดซบที่พวกท่านเอ่ยถึงคือเซียนกระบี่แห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ใช่หรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นประหลาดใจ “บุคคลผู้นี้ตัวจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ตัวเขาเพียงคนเดียวสามารถเอาชนะบรรดาแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิจี้กวงเราได้อย่างไร?”

ชื่นชมข้าซะ จงชื่นชมข้า

หลินเป่ยเฉินแอบคาดหวังอยู่ในใจ

“กราบเรียนท่านใต้เท้าน้อย เซียนกระบี่แห่งเป่ยไห่หลินเป่ยเฉินเป็นปีศาจร้ายที่เพิ่งสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้ประมาณปีเศษเท่านั้น ว่ากันว่าเขาคือบุตรชายของหลินจิ้นหนาน อดีตขุนนางนักรบแห่งสวรรค์ของจักรวรรดิเป่ยไห่ นับแต่เด็กจนโตได้รับความเกลียดชังจากชาวเมืองด้วยพฤติกรรมที่ชั่วโฉด แต่เมื่อหลินจิ้นหนานหายตัวไปและตระกูลหลินล่มสลาย เด็กหนุ่มผู้นี้จึงได้แสดงฝีมือที่แท้จริงของตนเองออกมา เพียงระยะเวลาไม่นาน เขาก็สามารถบรรลุขอบเขตพลังขั้นเซียนได้สำเร็จ ผู้แข็งแกร่งของจักรวรรดิเราต้องตายด้วยฝีมือของเด็กผู้นี้ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับเขาอีกแล้ว”

ชายฉกรรจ์หนวดยาวรีบอธิบาย

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความเยือกเย็นสุขุม

ช่างเป็นรสชาติที่หอมหวาน

ชายฉกรรจ์หนวดยาวผู้นี้นับว่ามีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่ง

“ตามที่ท่านว่ามา หลินเป่ยเฉินเข่นฆ่าสังหารชาวจี้กวงไปไม่น้อย เหตุไฉนน้ำเสียงของท่านถึงได้ดูชื่นชมเขาขนาดนี้?”

หลินเป่ยเฉินยังคงถามต่อไป

“หากถามในฐานะชาวจี้กวง ผู้ต่ำต้อยก็ต้องกล่าวว่าหลินเป่ยเฉินสมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง แต่หากถามในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ต่ำต้อยมีความเคารพต่อความแข็งแกร่งของเขาและก็เคารพต่อหลินจิ้นหนานบิดาของเขาเป็นอย่างยิ่ง”

ชายฉกรรจ์หนวดยาวถอนหายใจ “น่าเสียดายที่หลินเป่ยเฉินไม่ได้เกิดมาเป็นชาวจี้กวง”

“หากจักรวรรดิจี้กวงมียอดฝีมือเช่นเขาสักคน พวกเราก็คงครอบครองแผ่นดินตงเต้าได้ไม่ยาก แม้แต่จักรวรรดิเจิ้งหลงกับจักรวรรดิต้าเกี๋ยนก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อีกแล้ว”

“หลินเป่ยเฉินสังหารผู้คนอย่างอำมหิตก็จริง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ควรค่าต่อการเคารพยกย่อง”

“หลินเป่ยเฉินอาจจะเป็นศัตรูกับจักรวรรดิจี้กวง แต่เขาก็ทำเพื่อประเทศชาติของตนเอง เช่นเดียวกับพวกเราที่ทำเพื่อประเทศชาติของเรา… แม้แต่ชาวทะเลก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลินเป่ยเฉิน นับเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนักขอรับ”

กลุ่มผู้ติดตามของชายฉกรรจ์หนวดยาวรีบประสานเสียงพูดออกมา

ชาวจี้กวงกลุ่มนี้มีสัญชาตญาณหวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง

หลินเป่ยเฉินอดสงสัยไม่ได้ว่าหรือพวกของชายฉกรรจ์หนวดยาวจะรู้ว่าเขาเป็นใคร

เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงได้เอาแต่พูดจาชมเชยหลินเป่ยเฉินซึ่งเป็นศัตรูของจักรวรรดิไม่ขาดปากเช่นนี้

เมื่อได้ยินถ้อยคำสรรเสริญจนพอใจ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง เขารีบวกกลับเข้าเรื่องสำคัญโดยทันที “แล้วพวกท่านพบเจอเบาะแสของฮันปู้ฟู่บ้างหรือไม่? คนผู้นี้ได้เดินทางมาที่ดินแดนทวยเทพเช่นกันหรือเปล่า?”

ชายฉกรรจ์หนวดยาวส่ายหน้า “ผู้ต่ำต้อยไม่พบเบาะแสเลยขอรับ หลังจากที่หลงทางในหุบเหวดาวตก ผู้ต่ำต้อยก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง พวกเราได้แต่ร่อนเร่พเนจรอยู่ในดินแดนทวยเทพ… โชคดีที่ในระยะหลัง ที่นี่เกิดความวุ่นวายโกลาหล พวกเราจึงสามารถเอาตัวรอดจากการถูกจับกุมมาได้นับครั้งไม่ถ้วน แต่หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณชายผู้สูงส่งท่านหนึ่ง พวกเราก็คงตายไปนานแล้วขอรับ”

ผู้ฝึกยุทธ์จากโลกมนุษย์มีร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานพลังบนดินแดนทวยเทพ เมื่อขึ้นมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็แทบไม่ต่างไปจากบุคคลธรรมดาไร้ความสามารถเชิงยุทธ์ใด ๆ

แต่ดูจากพละกำลังของชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ พวกเขาคงค้นพบวิธีปรับสมดุลร่างกายให้เหมาะสมต่อพลังปราณในดินแดนทวยเทพได้พอสมควร

หลินเป่ยเฉินอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ที่ไม่พบเบาะแสของฮันปู้ฟู่

ดูเหมือนภารกิจค้นหาในหุบเหวดาวตกคงไม่เป็นผลสินะ

“คุณชายผู้สูงส่งที่ท่านเอ่ยถึงเป็นใครหรือ?”

หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง

ชายฉกรรจ์หนวดยาวรีบตอบออกมาโดยไม่กล้าปิดบัง

“คุณชายท่านนั้นสวมใส่เสื้อคลุมสีดำทมิฬ ปิดบังหน้าตาที่แท้จริงของตนเอง เราไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขาเลย แต่เขาก็ช่วยสอนให้เราปรับสมดุลในร่างกายให้เหมาะสมต่อพลังของดินแดนทวยเทพ และยังช่วยหางานให้บรรดาผู้ต่ำต้อยทำในตลาดแห่งนั้นอีกด้วย…”

“ใช่แล้วขอรับ จนกระทั่งบัดนี้ พวกเราก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครกันแน่”

“คุณชายท่านนั้นมีที่มาที่ไปลึกลับเป็นปริศนา และบางครั้ง เขาก็จะมอบภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แก่พวกเรา”

ตอบกันมาตั้งยาวเหยียด สรุปใจความสำคัญก็คือไม่รู้อยู่ดีว่าคุณชายท่านนั้นเป็นใครนั่นเอง

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วหน้ายุ่ง “ภารกิจอันใด?”

“ซื้อหาอาหาร ซื้อหาสมุนไพร ซื้อหาก้อนแร่ ซื้อหาอาวุธ ซื้อหาเสื้อผ้า… แต่ละครั้งสิ่งของจะไม่เหมือนกันเลยขอรับ ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบว่าเขากำลังวางแผนทำอะไรอยู่ และมันก็ดูมีความแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไร คุณชายท่านนั้นก็เป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ ข้าน้อยจึงไม่กล้าถามให้มากความ…”

ให้ตายสิ

หลินเป่ยเฉินยกมือนวดขมับตนเอง

ฟังดูไม่เห็นจะแปลกประหลาดตรงไหนเลย

บัดนี้ ดินแดนทวยเทพกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล บรรดาอสูรร้ายและเหล่างูพิษที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดจึงกล้าแสดงตัวออกมา

หากคาดเดาไม่ผิด ชาวจี้กวงกลุ่มนี้คงบังเอิญได้รับการคัดเลือกโดยกลุ่มเคลื่อนไหวใต้ดินสักกลุ่ม โดยใช้ให้เป็นมือเป็นเท้าคอยซื้อหาสิ่งของให้แก่พวกเขา

“ถ้าอย่างนั้นเหตุการณ์วันนี้เกิดอะไรขึ้น?”

หลินเป่ยเฉินถาม

“นักรบเผ่าเทพตะวันมาตามหาคุณชายท่านนั้นขอรับ พวกมันเรียกเขาว่า ‘นักฆ่าเงา’ โดยกล่าวหาว่าคุณชายท่านนั้นได้ทำการสังหารนักเวทและแม่ทัพใหญ่ของเผ่าเทพตะวันไปมากมาย ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบเลยว่าพวกมันสามารถหาตัวเราพบเจอได้อย่างไร…”

อ๋อ อย่างนี้นี่เอง

หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ

ความจริง ตอนได้ยินพานเซิ่งพูดถึงนักฆ่าเงาก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินก็สงสัยอยู่แล้วว่าหรือจะเป็นตัวประหลาดที่กระโดดหายเข้าไปในเงามืดผู้นั้น

และเมื่อได้ยินคำอธิบายจากชายฉกรรจ์หนวดยาว หลินเป่ยเฉินก็ได้รับคำตอบแล้ว

นักฆ่าเงาทำการลอบสังหารผู้คนเผ่าเทพตะวันเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้น เผ่าเทพตะวันจึงส่งคนออกมาตามล่านักฆ่าเงาไม่เคยหยุด

นับเป็นบุคคลที่มีจิตใจกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง

หลินเป่ยเฉินไม่ได้รู้สึกเห็นใจเผ่าเทพตะวันแม้แต่น้อย เพราะพานตั่วชิงก็มีชื่ออยู่ในบัญชีสังหารของเขาเช่นกัน

นักฆ่าเงาผู้นี้ก็มีเป้าหมายในการสังหารคือพานตั่วชิง

นับว่าพวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน

บางที หลินเป่ยเฉินกับนักฆ่าเงาผู้นั้นอาจสามารถร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มเผ่าเทพตะวันก็เป็นได้

“ไม่ทราบว่าบัดนี้คุณชายท่านนั้นอยู่ที่ใด?”

หลินเป่ยเฉินถาม

ชายฉกรรจ์หนวดยาวส่ายศีรษะตอบ “ผู้ต่ำต้อยไม่ทราบเลยขอรับ ทุกครั้งจะเป็นคุณชายท่านนั้นมาหาพวกเราเอง เรามีหน้าที่ไปตามจุดนัดพบที่คุณชายได้แจ้งเอาไว้ล่วงหน้าเท่านั้น หากเขามีภารกิจให้พวกเราทำ คุณชายก็จะทิ้งจดหมายเอาไว้ พวกเราติดต่อสื่อสารกันด้วยวิธีนี้ขอรับ… แต่การตรวจค้นตลาดของเผ่าเทพตะวันในวันนี้ ทำให้ผู้ต่ำต้อยเชื่อว่าคุณชายคงไม่มาพบเจอเราอีกแล้ว เพราะเขานั้นค่อนข้างระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง”

หลินเป่ยเฉินถามต่อไปว่า “เช่นนั้นตอนที่ถูกพวกเผ่าเทพตะวันทรมาน เหตุไฉนพวกท่านถึงไม่บอกข้อมูลออกมา? พวกท่านไม่กลัวตายกันจริง ๆ หรือ?”

“ชาวจี้กวงเรายอมตายดีกว่ายอมทรยศผู้มีพระคุณขอรับ”

ชายฉกรรจ์หนวดยาวและผู้ติดตามพร้อมใจกันประสานเสียงด้วยความหนักแน่นมั่นคง

หลินเป่ยเฉินพยักหน้าเล็กน้อย

ชาวจี้กวงกลุ่มนี้ถือเป็นชายชาติทหารที่แท้จริง

เพราะพวกเขายินดีทำภารกิจลงไปค้นหาฮันปู้ฟู่ในหุบเหวดาวตก และยังไม่ยอมทรยศนักฆ่าเงาแม้ตนเองจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัส… แม้พวกเขาจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่กลับมีจิตใจสูงส่งกว่าพวกเทพเจ้ามากมายหลายเท่า

“ข้ายังมีเรื่องต้องไปจัดการ ไม่สามารถให้พวกท่านมาอยู่ข้างกายได้ในขณะนี้”

หลินเป่ยเฉินกล่าว “ในเมื่อพวกท่านมาอยู่ในดินแดนทวยเทพแล้วและคงยังไม่ได้กลับไปในเร็ววัน… ไม่ทราบว่าพวกท่านวางแผนจะทำอย่างไรต่อไป?”

กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้ารีบโขกศีรษะลงกับพื้นดินด้วยความเคารพและตอบว่า “พวกเราคงต้องขอความเมตตาจากท่านใต้เท้าน้อยแล้ว”

ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในดินแดนทวยเทพ พวกเขาแทบไม่เข้าใจภาษาเทพเจ้า สิ่งเดียวที่รู้คือกฎระเบียบและความอำมหิตของผู้คนบนดินแดนแห่งนี้

หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากคนใหญ่คนโต ต่อให้รอดพ้นการจับกุมของเผ่าเทพตะวันไปได้ แต่อีกไม่ช้าก็เร็ว กลุ่มชายฉกรรจ์หนวดยาวก็คงต้องตายโดยไร้แผ่นดินกลบฝังอยู่ดี

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน…”

หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย “ข้าจะให้คนส่งพวกท่านไปหาเทพีแห่งธนู ถึงอย่างไรพวกท่านก็เป็นสาวกของนาง ข้าเชื่อว่านางคงต้องคอยดูแลพวกท่านเป็นอย่างดี”

“ฮื่อ… ได้เลยขอรับ”

“ขอบคุณท่านใต้เท้าน้อยมากแล้ว”

“หากในชีวิตนี้ผู้ต่ำต้อยได้มีวาสนาพบกับเทพีแห่งธนูตัวจริง ผู้ต่ำต้อยก็ตายตาหลับแล้ว”

กลุ่มชายฉกรรจ์ร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ในฐานะสาวกของเทพีแห่งธนู หากได้มีวาสนาพบเจอกับท่านเทพีตัวจริงเสียงจริง พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองช่างเป็นบุคคลที่โชคดีที่สุดในโลกแล้ว

หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินติดต่อไปที่เฉียนหลงผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลนรุ่นที่สาม

ในไม่ช้า เฉียนหลงก็จัดการส่งคนมารับตัวพวกของชายฉกรรจ์

เป็นเสี่ยวป๋อกับหวังจ้านนั่นเอง

เมื่อทั้งสองหนุ่มเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็รีบประสานมือทำความเคารพหลินเป่ยเฉินด้วยความกระดากอาย

“เราทั้งสองคนทำงานให้แก่คุณชายเฉียน บัดนี้จึงทำงานรับใช้นายท่านเช่นกันขอรับ”

เสี่ยวป๋อก้มหน้าพูดด้วยความเคารพ

หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ต้องรบกวนพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว”

“เพื่อนายท่าน พวกเรายินดีรับใช้เสมอขอรับ”

หวังจ้านรีบกล่าวประจบประแจง

เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มคู่นี้สวมใส่ชุดเกราะนักรบเทวะระดับสูง อีกทั้งยังมีพลังกดดันแผ่ออกมาจากร่างกายไม่เบา กลุ่มชายฉกรรจ์หนวดยาวทั้งห้าจึงรู้ดีว่าผู้ที่จะมารับตนเองไปนั้นไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา ทั้งสองคนเป็นถึงนักรบจากตระกูลใหญ่ แต่กลับแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหลินเป่ยเฉินถึงเพียงนี้ กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าจึงยิ่งเคารพเลื่อมใสหลินเป่ยเฉินมากขึ้นกว่าเดิม

“กราบเรียนใต้เท้าน้อย ผู้ต่ำต้อยมีนามว่าเฉินเชา ผู้ต่ำต้อยจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต หากในอนาคตมีสิ่งใดที่พวกเราพอจะช่วยเหลือท่านใต้เท้าน้อยได้ รบกวนใต้เท้าได้โปรดบอกมา ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหักกระดูกตัดแขนตัดขา พวกเราก็หาได้เกรงกลัวไม่”

ชายฉกรรจ์หนวดยาวประสานมือคำนับขอบคุณหลินเป่ยเฉินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินทางจากไปพร้อมกับเสี่ยวป๋อและหวังจ้าน

หลินเป่ยเฉินยืนมองกลุ่มชายฉกรรจ์หายลับไปจากสายตา หลังจากนั้น ตนเองจึงเปลี่ยนร่างเป็นลำแสงพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า และเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู

หลินเป่ยเฉินต้องการเข้าไปในห้องฝึกวิชาและเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหาตัวช่วยที่จะรับประกันชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนสนามหญ้าหน้าคฤหาสน์ กลับมีใครบางคนมารอคอยเขาอยู่ก่อนแล้ว

เป็นใต้เท้าหมิงรั่ว

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”

ใต้เท้าหมิงรั่วมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาแห่งความเกลียดชัง แต่เขาก็รีบซ่อนเร้นแววตานั้นอย่างรวดเร็ว “ข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว”

“ยังกล้าเสนอหน้ามาหาข้าอีกหรือ? ไม่ทราบว่าอยากตายหรืออย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย

ใต้เท้าหมิงรั่วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ “เจ้ากับข้าไม่เคยมีความบาดหมางต่อกันมาก่อน เหตุไฉนจึงไม่ปล่อยวางอดีตเล่า… ข้ากับเจ้าต่างก็เป็นเทพเจ้าด้วยกันทั้งคู่ เรื่องที่แล้วมาถือเป็นเพียงความเข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น”

หืม?

นี่จะมาขอสงบศึกหรืออย่างไร?

หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย “ต้องการอะไรจากข้ารีบพูดออกมา เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว”

ใต้เท้าหมิงรั่วยิ้มเล็กน้อยและกล่าวตอบ “ข้ามาในฐานะตัวแทนของเผ่าเทพตะวัน กรุณาตามข้าไปที่วิหารใหญ่ของเผ่าเทพตะวันด้วย ท่านเทพตะวันอยากจะพูดคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”

หลินเป่ยเฉินถึงกับหยุดชะงักยืนอยู่กับที่

เทพตะวันสนับสนุนพานตั่วชิงมาโดยตลอด

หลังเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเบิกฟ้า เทพตะวันควรโกรธแค้นเขาสิถึงจะถูกต้อง เหตุไฉนจึงได้ส่งคนมาขอเจรจาสงบศึกเช่นนี้?

เกรงว่าคงมีอะไรบางอย่างแอบแฝงแล้ว

หลินเป่ยเฉินปฏิเสธโดยไม่ลังเลสักนิด “ข้าไม่ไป”