ตอนที่ 2459 ไร้ยางอาย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เย่หยวนนั้นกลับออกมาอย่างสะดวกสบายไม่มีใครคิดขัดขวาง

เขานั้นสร้างเรื่องใหญ่โตให้แก่มิตินรกไปทำเผ่าเทวาอยู่กันไม่สุขจนแม้แต่เทียนชิงเองก็ยังไม่มีปัญญาจะทำอะไร ใครกันเล่าที่จะกล้ามาขัดขวางทางไปของเขา?

เมื่อออกจากมิตินรกมานั้นเย่หยวนก็คิดจะมุ่งหน้าไปยังเขาแห่งถงเทียนต่อทันที

เพราะในเวลานี้อาณาจักรบ่มเพาะของเขานั้นมันสูงล้ำจนเทียบเคียงกับเจ้าฟ้าดินห้าทลายได้แล้ว!

กอปรกับวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมอันลึกลับนั้นมันยิ่งทำให้เย่หยวนคิดอยากจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนเพื่อหาทางเอาหยาดชีวามาช่วยเหลือมู่หลินเสวีย

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ไปไหนมันก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากเขาจากเส้นขอบฟ้า

เย่หยวนหรี่ตาลงมองและพบว่าอีกฝ่ายนั้นคือผางเจิ้น

ผางเจิ้นนั้นมีสีหน้าสุดแสนทุกข์ใจเมื่อได้เห็นเย่หยวนเขาก็พุ่งมุ่งหน้ามาหาอย่างสุดแรงเกิด

เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของผางเจิ้นเย่หยวนก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในใจ

“เจ้ามีอะไรถึงมาหรือ?”

เมื่อผางเจิ้นได้เห็นเย่หยวนนั้นเขาก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางวิตกอย่างมาก “นายท่าน มันเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้นอีก?”

ผางเจิ้นจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมานี้ให้เย่หยวนฟังจนเย่หยวนต้องรุ่มร้อนขึ้นมาทั้งใจ

ที่แท้แล้วหลังจากเย่หยวนเดินทางจากไปตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ออกมาจากการเก็บตัวในมิติสงครามดึกดำบรรพ์

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขากลับบรรลุขึ้นระดับของโอสถเต๋าแท้ได้!

สิ่งที่เรียกว่าโอสถเต๋านี้มันก็คือพลังกฎแห่งเต๋าโอสถนั่นเอง!

นั่นมันทำให้นอกจากเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าแล้ว ได้ถือกำเนิดยอดคนพลังกฎขึ้นมาอีกครั้งในรอบหมื่นล้านปี!

แน่นอนว่าข่าวเรื่องนี้ย่อมทำให้คนทั้งมหาพิภพถงเทียนตกตะลึงไปตามๆ กัน

ยอดฝีมือพลังกฎที่ปรากฏขึ้นมาในช่วงจังหวะสำคัญเช่นนี้มันย่อมทำให้ทุกเผ่าพันธุ์ตื่นตาตื่นใจ

หลังจากที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลออกจากการเก็บตัวแล้วเขาก็ย่อมจะคิดไปหาตัวเย่หยวน

แต่หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเย่หยวนแล้ว ตัวเขาก็ย่อมจะเดือดดาลแทบคลั่ง

มันเป็นเวลาเดียวกันนั้นเองที่เต๋าบรรพกาลชีวิต หลินเฉาเถียนได้มาหาตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลพอดีและขอให้เขาหลอมโอสถรักษาเต๋าบรรพกาลน้ำ เต๋าบรรพกาลไฟและเต๋าบรรพกาลลม สามยอดเต๋า

พวกเขาทั้งหลายนี้บาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับเทียนชิงเมื่อครั้งก่อนนั้น

แต่การต่อสู้ในระดับนั้นมันย่อมจะสร้างอาการบาดเจ็บที่ยากเกินรักษาได้ง่ายๆ

เพราะฉะนั้นเมื่อมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลออกมาจากการเก็บตัวแล้วมันจึงเป็นเวลาอันเหมาะสม

แต่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลย่อมจะปฏิเสธอย่างไม่ลังเล

เพราะว่าเรื่องเย่หยวน!

น่าขันนัก! ที่เขานั้นก้าวขึ้นมาถึงระดับกฎจนหลอมโอสถเต๋าได้มันล้วนเพราะเย่หยวน

เวลานี้มีหรือที่เขาจะยอมหลอมโอสถให้แก่ศัตรูของเย่หยวน?

ต่อให้จะเป็นเต๋าบรรพกาลมันก็ไม่มีทาง!

แต่ว่าหลินเฉาเถียนนั้นมากเล่ห์เขาไม่ได้โกรธเคืองใดๆ และบอกว่าเป็นการทำเพื่อคนส่วนมากพยายามโน้มน้าวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล

หลินเฉาเถียนนั้นกล่าวว่าอีกไม่กี่ปีการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์มันจะเริ่มขึ้นและถึงเวลานั้นพวกเขาย่อมจะต้องให้ความสำคัญกับสงครามในภาพรวมมากกว่า

หากเต๋าบรรพกาลทั้งสามนั้นยังเจ็บหนักอยู่เช่นนี้แล้ว เผ่าเทวามันคงได้ทำลายหลากเผ่าพันธุ์ลงสิ้นเป็นแน่

ในเวลานี้มันควรจะทิ้งความแค้นเก่าก่อนไว้ก่อนและให้ความสำคัญกับการปกป้องโลก

ที่สำคัญไปกว่านั้นหลินเฉาเถียนนั้นยังบอกว่าเรื่องของเย่หยวนนั้นมันเกิดขึ้นเพราะเขาคิดไม่ถี่ถ้วนเอง

หลังจากเย่หยวนกลับมาแล้วเขานั้นจะไปกราบขอโทษเย่หยวนด้วยตัวเอง

เมื่อเต๋าบรรพกาลชีวิตผู้ยิ่งใหญ่กล่าวออกมาถึงขนาดนี้แล้วมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลย่อมจะคล้อยตามในที่สุด

เพราะฉะนั้นเขาจึงได้หลอมโอสถรักษาให้เต๋าบรรพกาลทั้งสามไปจนร่างกายหายดี

แต่ไม่มีใครคิดฝันว่าสุดท้ายเมื่อคนทั้งสามนั้นหายจากการบาดเจ็บแล้วหลินเฉาเถียนกลับจะเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือพาเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ อีกแปดคนนั้นเข้าโจมตีวังพำนักของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ทันที!

เวลานี้แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ก็ยังกลายเป็นนักโทษไปแล้ว!

และพวกเขานั้นยังได้ยกเรื่องที่เย่หยวนไปยังมิตินรกนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าเย่หยวนได้หนีไปซบเผ่าเทวาแล้วจริง

เท่านี้เรื่องที่เย่หยวนเป็นคนทรยศมันก็ยิ่งชัดเจน

คนที่เกี่ยวข้องกับเย่หยวนทั้งหลายนั้นจึงได้ถูกจับมาขังไว้สิ้น

อิ้งหมัวหู่ ลู่เอ๋อ รวมไปถึงคนสนิททั้งหลายและคนที่เกี่ยวข้องกับเมืองอินทรีสวรรค์ต่างล้วนถูกจับสิ้น

แม้แต่เหล่านายกองของทัพไร้คาดเดาเองก็ยังถูกจับไปด้วยเว้นไว้แค่ตัวผางเจิ้น

ผางเจิ้นนั้นกล่าวขึ้นมาพร้อมกัดฟันแน่น “เต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นคงเสียสติไปแล้ว! พวกเขานั้นกลับคิดจะเอาผลประโยชน์เข้าตัวในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้! หากมิใช่เพราะข้านั้นเองก็เป็นทายาทของเต๋าบรรพกาลแล้วข้าก็คงถูกจับไปเช่นกัน! นายท่าน เต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นได้ปล่อยข่าวไปทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียนแล้วทั้งยังถึงขั้นส่งข่าวลงไปยังมิตินรกได้ด้วยเสียด้วยซ้ำ! เวลานี้พวกมันกำลังปล่อยข่าวเรียกท่านไปยังวังพำนักกำเนิดตรัสรู้ภายในหนึ่งปีด้วยนามของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้า เพื่อจะขอรับโทษความผิด! ไม่เช่นนั้นทุกๆ ครึ่งปีพวกมันจะสังหารคนผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าน! และตอนนี้อีกแค่สามวันมันก็จะครบกำหนดหนึ่งปีแล้ว!”

หลังจากได้ฟังจนจบเย่หยวนก็ยืนนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย

แต่ผางเจิ้นนั้นติดตามเย่หยวนมาและรู้ว่าเวลาที่เย่หยวนทำหน้าเช่นนี้มันคือเวลาที่เขาโกรธแค้นถึงที่สุด!

“หึ ดูท่าหลินเฉาเถียนมันจะไม่สนหน้าใครแล้ว เพื่อจะเอาความลับของข้าไปนั้น! หึๆ เจ้าอยากได้ความลับของข้าหรือ? ข้าเอาให้เจ้าแล้วจะทำไมเล่า?” เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

ผางเจิ้นนั้นตอบกลับมาด้วยสีหน้ากังวล “นายท่านจะไปไม่ได้นะ! พวกมันนั้นจับท่านไม่ได้เพราะฉะนั้นจึงได้ใช้วิธีการนี้ขึ้นมาแทน! หากท่านไปแล้วพวกมันคงไม่ปล่อยให้ท่านได้กลับออกมาแน่!”

เย่หยวนหันไปมองผางเจิ้นก่อนจะกล่าว “ใครที่จะถูกสังหารเป็นคนแรก?”

ผางเจิ้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เป็นว่านเจิ้น!”

เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้สหายต้องตายไปต่อหน้า? วางใจเถอะ พวกมันทำอะไรข้าไม่ได้แน่! ไปกัน!”

หากเป็นก่อนหน้านี้เย่หยวนอาจจะไร้หนทางออก

แต่เวลานี้เขาได้บ่มเพาะหลอมวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมขึ้นมาแล้ว ต่อให้เป็นเทียนชิงก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้ มีหรือที่เขาจะยังต้องกลัวอะไร?

ต่อให้ข้าจะปล่อยให้เจ้าฆ่า มีหรือที่เจ้าจะสังหารข้าได้?

ในวันนี้ที่หน้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นมันได้มียอดคนมากมายมารวมตัวกันดูเรื่องราว

พวกเขานั้นมาเพื่อดูการประหาร!

หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเย่หยวน แม่ทัพรองของทัพไร้คาดเดาอย่างว่านเจิ้นกลับจะถูกตัดสินโทษประหาร!

เรื่องนี้มันย่อมจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย!

แน่นอนว่าพวกเขานั้นย่อมจะยังไม่แน่ใจว่าเย่หยวนจะมาจริงๆ หรือไม่!

เพราะการที่เย่หยวนเดินทางไปยังมิตินรกนั้นมันก็มิใช่ความลับใดๆ

เรื่องราวในครั้งนี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายเกิดความสงสัยขึ้นมา

เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นเข้าใจว่าด้วยนิสัยของเย่หยวน ตัวเขาคงไม่มีทางออกมาอธิบายเรื่องราวใดๆ

และก็เพราะว่าศักดิ์ศรีนี้ของเย่หยวนที่มันทำให้คนทั้งหลายเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก

“เจ้าคิดว่าเย่หยวนนั้นจะหนีไปอยู่กับเผ่าเทวาจริงไหม?”

“เป็นไปได้! ข้าได้ยินมาว่าแปดบรรพบุรุษของเผ่าเทวานั้นมันเก่งกาจมากล้น ก่อนนั้นสามารถสังหารมหาบรรพกาลทั้งสิบแปดลงได้! แล้วดูตอนนี้สิ โอกาสที่จะชนะนั้นมันแทบไม่มี! ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคนรักของเย่หยวนนั้นกลายเป็นบุตรีเทวะไปแล้ว เรื่องนี้มันก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว!”

“เจ้าสมองรั่ว! คนเผ่าเทวาที่ท่านนักบุญฟ้าครามสังหารลงนั้นมันมากพอที่จะถมเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ได้สามครั้ง! ท่านนั้นสร้างตำนานอันเป็นนิรันดร์ มีคุณงามต่อทุกเผ่าพันธุ์มากล้น คนเช่นนั้นจะยังหนีไปอยู่เผ่าเทวาได้?”

“หึ! พูดจาไร้สาระต่อไปข้าจะตบเจ้าให้ตายคามือเอง! ดูอย่างไรวิธีการของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายมันก็ไม่ถูกต้อง! พวกมันนั้นกลับคำที่ให้ไว้และยังไปจับตัวคนสนิทของนักบุญฟ้าครามท่านมาไว้อีก! สิ่งที่ท่านนักบุญฟ้าครามเคยกล่าวมันย่อมเป็นความจริงแน่นอนแล้ว!”

“พ-พูดกันดีๆ อย่าได้มีเรื่องกันเลย!”

ในกลุ่มคนมันเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นไม่ขาดสาย

ความเห็นของคนนั้นมันแตกเป็นสองฝ่ายเพราะว่าตัวเย่หยวนไม่คิดจะอธิบายเรื่องราวมาแต่แรก

เพราะอย่างไรเสียเรื่องนี้มันก็ไม่มีหลักฐานใดนอกจากคำพูด

แต่การที่เต๋าบรรพกาลชีวิตไม่รักษาคำพูดนั้นตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลย่อมจะป่าวประกาศไปทั่วฟ้าดิน

เพราะฉะนั้นชื่อเสียงของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าเองก็ไม่ได้ดีงามมากมาย

แน่นอนว่าสำหรับพวกเขาเหล่าเต๋าบรรพกาลแล้วคำพูดของนักยุทธระดับล่างมันย่อมจะไม่มีเรื่องใดๆ ให้ต้องมาสนใจ

…………