ตอนที่ 1977 เรียนรู้ทักษะดาบ

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ตอนที่ 1977 เรียนรู้ทักษะดาบ

 

จักรพรรดินี ฮูหนิว และเอี๋ยนเซียนลู่แสดงท่าที่กระตือรือร้นอยากลองดูบ้าง

 

หลิงฮันนําธิดาโร่วออกมา และทั้งห้าคนได้ก้าวเดินเข้าหาแผ่นหินพร้อมกัน

 

“ครืนน” คลื่นดาบถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

ครั้งนี้หลิงฮันเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว เขายกฝ่ามือขวาขึ้นและตอบโต้คลื่นดาบในทันที ด้วยการที่มีหลิงฮันเป็นตัวอย่างก่อนหน้านี้แล้ว พวกจักรพรรดินีเองก็เตรียมพร้อมไว้แล้วเช่นกัน ทั้งสามคนยกฝ่ามือขึ้นมา พร้อมกับโคจรทักษะนิรันดร์ที่ทรงพลัง

 

“ตูมม” คลื่นพลังสาดส่องเจิดจ้า ถึงแม้ทุกคนจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว แต่ก็ยังถูกทําให้ล่าถอยกันอยู่ดี

 

จํานวนก้าวที่แต่ละคนล่าถอยนั้นแตกต่างกันออกไป คราวนี้หลิงฮันถูกทําให้ล่าถอยสองร้อยก้าว ตามมาด้วยฮูหนิวที่ล่าถอยเกินไปกว่าเขาสิบก้าว จักรพรรดินีเจ็ดก้าว และเอี๋ยนเซียนลู่ยี่สิบก้าว ในขณะที่ทางด้านของธิดาโวนั้น ล่าถอยออกไปไกลถึงหกร้อยกว่าก้าว

 

“มาลองอีกครั้ง!” ฮูหนิวคํารามอย่างตื่นเต้น และพุ่งทะยานขึ้นหน้า หลิงฮันและคนอื่นๆ เองก็ลงมือกันอีกครั้ง

 

“ตูมม” ในทุกๆ การเผชิญหน้ากับคลื่นดาบ ทุกคนยังคงถูกทําให้ล่าถอยอยู่ แต่หลิงฮัน ฮูหนิว และจักรพรรดินีนั้น จํานวนก้าวที่ทั้งสามคนถูกทําให้ล่าถอยนั้น ค่อยๆ ลดลงไปทุกที

 

เอี๋ยนเซียนลู่และธิดาโร่วก็ก้าวขึ้นหน้าได้มากกว่าเดิมเช่นกัน แต่ความเร็วของทั้งสองคนนั้นเชื่องช้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะธิดาโรัวที่ช้ายิ่งกว่าไกล

 

ถังหมิงหลงมองดูพร้อมกับใช้มือลูบเคราของตัวเอง รอยย่นบนใบหน้าของเขาคลี่คลายออกจากกัน ราวกับกําลังรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก “ข้าไม่ได้ตะเกียกตะกายต่อสู้ และใช้ไพ่ลับมากมายไปอย่างไร้ความหมายจริงๆ รุ่นเยาว์เหล่านี้นั้น เมื่อใดที่เติบใหญ่แล้วจะต้องกลายเป็นกําลังหลัก ที่จะเผชิญหน้ากับพายุมืดได้อย่างแน่นอน”

 

เขากล่าวคนเดียวในใจ ก่อนที่จู่ๆจะนํามือขึ้นมาจับที่หน้าอก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน พร้อมกับสีหน้ากลายเป็นซีดเผือด และมีโลหิตเล็ดลอดออกมาจากบริเวณนิ้วมือทั้งห้า

 

“ทั้งๆ ที่เป็นร่างกําเนิดใหม่ ที่อยู่ในระดับห้านิพพานเหมือนกันแท้ๆ แต่พลังของข้ากับคนผู้นั้นก็ยังแตกต่างกันขนาดนี้ ไม่คิดว่าตัวข้าที่ไม่ตายจากสงครามต่อต้านพายุมืด จะต้องมาสิ้นชีวิตลงที่นี่”

 

เขาหันหลังไม่ให้หลิงฮันเห็นสภาพอันน่าอนาถของตนในตอนนี้ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ ลอยขึ้นและสลายหายไปอย่างรวดเร็ว

 

เป็นอย่างที่จีอูหมิงกล่าวจริงๆ ถังหมิงหลงไม่สามารถสังหารเขาได้ และเขาเองก็ต้องใช้ไฟลับในการสังหารถังหมิงหลง แต่ทว่าจีอูหมิงก็คํานวณพลาดไปเช่นกัน และสุดท้ายเขาก็ต้องใช้ไฟดับออกมามากมาย

 

ที่เป็นสาเหตุที่ว่า ทําไมจีอู่หมิงที่รู้ว่าหลิงฮันมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในร่างกายแต่กลับไม่ลงมือ เขาเผาผลาญพลังไปกับการใช้ไฟลับมากเกินไป จึงเป็นไม่อยู่สภาพที่จะเอาชนะหลิงฮันได้ และเลือกที่จะแสร้งทําเป็นเมตตาปล่อยหลิงฮันไปในครั้งนี้

 

หลิงฮันหันมอง และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถังหมิงหลงลงจากยอดเขาไปแล้วงั้นรึ?

 

เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงคิดได้เพียงว่าถังหมิงหลงมาถึงที่นี่ก่อนนานแล้ว เมื่ออีกฝ่ายฝึกฝนทักษะดาบได้สําเร็จจึงได้จากไป

 

เขาดึงความสนใจกลับมายังแผ่นหิน และก้าวขึ้นหน้าต่อ

 

“พรึบ พรึบ พรึบ” คลื่นดาบถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

 

หลิงฮันเค้นเสียง และยื่นฝ่ามือขวาออกไป พร้อมกับปลดปล่อยอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร

 

“ตูมม” หลังจากการปะทะ ร่างของเขาถูกทําให้ล่าถอยหลังเจ็ดก้าว หลิงฮันพยุงตัวให้กลับมาสมดุล และโจมตีตอบโต้พร้อมกับก้าวเดินขึ้นหน้าอย่างมั่นคง

 

ทักษะดาบนี้มีรากฐานมาจากอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหาร ยิ่งหลิงฮันรับคลื่นดาบของเก้าดาบพินาศสวรรค์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเข้าใจถึงเจตจํานงดาบอันทรงพลัง และเชี่ยวชาญการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารมากขึ้น จนเริ่มรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า ตนเองก็สามารถใช้ทักษะดาบนี้ได้

 

ภายในใจจิตใจของเขาเกิดการรู้แจ้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว อักขระบนแผ่นหินตรงหน้านี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อให้จอมยุทธทําความเข้าใจ แต่มันจะทําหน้าที่ปลดปล่อยการโจมตีออกมา เพื่อให้จอมยุทธฝึกฝนเก้าดาบพินาศสวรรค์ผ่านการต่อสู้จริง

 

หลิงฮันก้าวเดินขึ้นหน้าต่อ ทันใดนั้น จู่ๆ อักขระแถวที่สองบนแผ่นหินก็ส่องประกาย และคลื่นดาบที่ปลดปล่อยออกมา ได้เพิ่มจํานวนขึ้นเป็นเจ็ดคลื่น โดยแต่ละคลื่นมีปราณพิฆาตอัดแน่นอยู่ราวกับกําลังกระหายโลหิต

 

หลิงฮันลงมือตอบโต้โดยไม่ใช้ความสามารถของหอคอยทมิฬ แต่พึ่งพาเพียงแค่พลังของตนเอง

 

“ตูม ตูม ตูม” คลื่นปะทะระเบิดออกมาอย่างไม่รู้จบ

 

ท่ามกลางการปะทะ ประกายแสงแห่งดาบได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และทะลวงผ่านหมู่เมฆทําให้ดูราวกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากําลังสั่นคลอน

 

หลิงฮันถูกทําให้ล่าถอยอีกครั้ง นี่ยังเป็นเพียงอักขระในแถวที่สองเท่านั้น แต่พลังของคลื่นดาบกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่าเขาจึงคาดการณ์ผิดและถูกทําให้ล่าถอย

 

“ฮ่าๆ มาลองอีกครั้ง!”

 

หลิงฮันกล่าวในใจและทะยานขึ้นหน้า ครืนน” เขาปลดปล่อยอํานาจของแก่นกําเนิดนิรันดร์ออกมา เปลวเพลิงปะทุปกคลุมไปทั่วร่างของเขา และพลังต่อสู้พุ่งทะยานสูงขึ้นหลายเท่า

 

ตูม! ตูม! ตูม!

 

การต่อสู้อันดุเดือดอุบัติขึ้น โดยที่ไม่อาจมองเห็นว่าฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ สิ่งเดียวที่มองเห็นคือตราประทับแห่งเต๋อันน่าสะพรึงกลัว ที่ระเบิดไปทั่วท้องฟ้าอย่างไม่หยุดหย่อน

 

หลังจากการปะทะดําเนินไปกว่าเจ็ดวัน หลิงฮันก็ชิงความได้เปรียบมาได้ในที่สุด เขาก้าวเดินขึ้นหน้าโดยเป็นฝ่ายผลักคลื่นดาบให้ถอยหลัง

 

ทว่าเมื่อเดินมาถึงระยะหนึ่งที่เป็นระยะใกล้สุดแล้ว อักขระแถวที่สองก็หม่นแสงลง แต่อักขระแถวที่สามก็ไม่ส่องแสงขึ้นมา ราวกับแผ่นหินหยุดการทํางานไปแล้ว

 

หมายความว่าอย่างไรกัน?

 

อย่าบอกนะว่า เพราะในอดีตที่มีการปะทะกันระหว่างราชานิรันดร์ แผ่นหินสืบทอดทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์จึงได้ถูกทําลายจนใช้งานไม่ได้ไปแล้ว?

 

หลิงฮันลูบคางและหันไปมองพวกฮูหนิว ตอนนี้ฮูหนิวกับจักรพรรดินีเองก็เข้าสู่ช่วงอักขระแถวสองแล้วเช่นกัน เพื่อที่จะตอบโต้คลื่นดาบของอักขระแถวสอง หนิวทําการใช้ทักษะลับของมัจฉาวายุภักษ์ ในขณะที่จักรพรรดินีได้เรียกร่างแยกทั้งเก้าออกมา

 

ทางด้านของเอี๋ยนเซียนลู่นั้น อีกฝ่ายยังอยู่ในช่วงของอักขระแถวแรก แต่ก็ใกล้จะผ่านมาได้แล้ว ในขณะที่ธิดาโรวยังคงอยู่ห่างออกไป แถมจะไม่ต่างจากตอนแรก

 

หืม?

 

จู่ๆ หลิงฮันก็นึกความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ เขากลับไปยังจุดเดิมในตอนแรก และเริ่มก้าวเดิมใหม่อีกครั้ง “พรึบ” คลื่นดาบที่อัดแน่นไปด้วยปราณพิฆาตปรากฏขึ้นมา และพุ่งทะยานใส่เขา

 

หลิงอันนําดาบอสูรนิรันดร์ออกมา พร้อมกับปลดปล่อยทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์ที่เพิ่งเรียนรู้มา

 

มีบางอย่างเปลี่ยนไป!

 

หลิงฮันรู้สึกได้ในทันที ถึงแม้คลื่นดาบที่แผ่นหินปลดปล่อยออกมาจะยังทรงพลังอยู่ แต่ความรู้สึกโหดเหี้ยมที่สัมผัสได้จากคลื่นดาบก็หายไป และเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่อ่อนโยนแทน