ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1407 ลักษณะอะไร?
เพราะว่า เธอสังเกตเห็นว่าเขานิ่งเงียบไม่พูดเป็นเวลาอยู่นาน มีเพียงสายตาคู่หนึ่ง จ้องมองอย่างเหม่อลอยอยู่ด้านนอกเฮลิคอปเตอร์อย่างตกอยู่ในภวังค์
“หืม?”
แววตาของแสนรักมองมาแล้ว
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“……”
รู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ อย่างไร้เหตุไร้ผล
เส้นหมี่ออกแรงทั้งหมดกำนิ้วแน่นอย่างลับๆ สักพักใหญ่ๆ ถึงจะได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูดซ้ำอีกรอบว่า : “ฉันพูดว่า หลังจากที่กลับไป จะพาลูกไปตรวจสักหน่อยไหมคะ?”
“โอเค แต่ว่า……พี่อาจจะไปเป็นเพื่อนเธอไม่ได้แล้วนะ พี่ต้องไปเมืองหลวงสักรอบ”
“หา?”
เส้นหมี่มองเขาด้วยความประหลาดใจทันที
ไปเมืองหลวงเหรอ?
ทำไม? นี่เขามีเรื่องอะไรหรือปล่าว? หรือจะบอกว่า เขาจะไปหาไพบูลย์หรอกเหรอ?!!
ใบหน้าของเธอยิ่งซีดขาวลงไปอีก
“ที่รัก พี่……”
“หืม?”
ผู้ชายยังคงครุ่นคิดอยู่ จู่ๆก็ได้ยินคำที่ใช้เรียกไม่บ่อยคำนี้ ในที่สุดเขาก็มองไปทางผู้หญิงคนนี้อย่างจริงจังสักที
หลังจากนั้น เขาสังเกตเห็นเสียทีว่า หน้าตาเธอซีดเซียวไปหมด ดวงตาที่ทั้งสวยงามกลมโตและใสสะอาดคู่หนึ่ง จ้องมองเขาอยู่มีบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าความตื่นกลัวแผ่ขยายออกมาแล้ว
ยัยเด็กโง่นี่ กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ?
เธอคิดว่าเขากำลังจะเป็นบ้าอยู่อีกหรือปล่าว?
เขาจึงเอื้อมมือจับข้อมือเล็กบอบบางที่เธอวางอยู่บนโต๊ะอย่างเสียไม่ได้
เป็นไปตามคาด มือก็จับไว้แน่นเช่นกัน
“เด็กโง่ เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? สามีของเธอปกติดีอยู่นี่ ลมและคลื่นลูกใหญ่ขนาดนี้สามีของเธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นคนอื่นสักหน่อยเลย ตกลงว่าเธอไม่มั่นใจในตัวผู้ชายของตัวเองมากแค่ไหนกันแน่เนี่ย?”
“หะ?”
เส้นหมี่กำลังถูกปกคลุมด้วยความกลัวเต็มทั่วไปหมด ทั่วทั้งร่างกายของเธอต่างไม่รับรู้อะไรเลยอยู่ตรงนั้น พอได้ยินคำพูดนี้เข้า
“พี่……พี่ไม่มีเหรอคะ?”
“ไม่มีแน่นอน พี่ไปเมืองหลวง เพียงแค่อยากจะหาครอบครัวของวิศวกรเหล่านั้น ชดเชยให้พวกเขาหน่อยน่ะ การตายของเปรมไตร ก็เป็นเพราะว่าพี่จริงๆนั่นเเหละ ดังนั้น พี่ควรจะรับผิดชอบ ผลพ่วงที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น”
“ว่าแต่คำพูดของหญิงเสียสตินั่น กับโดนสุนัขกัดกลับมันแตกต่างกันยังไง? ก็เหมือนกับผู้หญิงโดนอิทธิพลโหดร้ายป่าเถื่อน แล้วนักโทษกลับบอกว่านั่นก็เป็นเพราะว่าใส่กระโปรง อยากจะล่อลวงให้เขาทำความผิดอย่างนั้นเหรอ เธอคิดว่ามันมีเหตุผลไหม?”
“……”
การสมมุตินี้ ไม่เหมาะกับการปรากฎขึ้นอยู่ในสถานที่สาธารณะจริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กยังอยู่ทั้งคน
แต่ว่า หลังจากที่เส้นหมี่ฟังจนจบแล้ว ใจทั้งดวงกลับปล่อยวางได้อย่างถึงที่สุดแล้ว
“ใช่เลย แม้แต่เขาก็เอ่ยสมมุติแบบนี้ออกมาได้ ยังจะมีปัญหาอะไรได้อีกล่ะ?
ในที่สุดเส้นหมี่ก็รู้สึกโล่งอกไปที
ทันทีที่ ครอบครัวถึงเมืองAแล้ว เส้นหมี่ก็พาชินจังไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อน ส่วนแสนรักก็ออกเดินทางไปเมืองหลวงทันที
ที่จริงนอกจากวิศวกรผู้บริสุทธิ์หลายคนนั้นที่ตายอย่างอนาถแล้ว หลักๆคือ เขาอยากจะดูทางด้านฐานที่ก่อให้เกิดความเสียหายสักหน่อย อย่างไรเสีย ตอนนี้เพิ่งจะประสบกับความปั่นป่วนภายในประเทศ และก็ไม่มีพลังอำนาจของชาติที่ใหญ่มากนักเช่นกัน
ในคืนวันเดียวกัน ในกลุ่มตระกูลเพราะว่าเรื่องนี้ คนในกลุ่มจึงเริ่มเอะอะโวยวายขึ้นมา
[อาจารย์ดิลก : งั้นที่พูดมาก็หมายความว่า ที่จริงแล้วเรื่องราวที่ผ่านมาของชินชิน เป็นแผนการของผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด]
[แสงดาว : แม่งเอ๊ย ไอ้แก่ตายยากคนนั้น น่าโมโหเหลือเกิน กล่าวคือศพของเขาไม่ได้นำกลับมา ไม่อย่างนั้นฉันจะใช้เเซ่หวดศพเขาเข้าให้!]
[หนูเย่ : น้องก็ด้วย]
[ม็อกโก : ผมไม่อยู่……]
ทุกคนต่างโมโหโกรธาเป็นอย่างมาก
เพราะว่า เพียงแค่พวกเขาพอนึกถึงว่า เส้นหมี่เกือบจะเกิดเรื่องอยู่ที่นั้น ส่วนชินจังที่เพิ่งจะอายุสิบเอ็ดขวบ หลังจากที่เกือบตายอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนั้น พวกเขาถึงได้โมโหจนสั่นไปทั้งตัว
แต่ว่า ผ่านไปคืนเดียว เมื่อตอนที่ข่าวส่งมาทางด้านแสนรัก กลับเห็นว่าเขาตัดสินใจที่พานทำให้ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมากอีกครั้ง
ไชยันต์ : “ลูกแน่ใจหรือว่าต้องการให้ชินชินไปสถานวิจัยน่ะ? แล้วก็ ลูกต้องจัดหาเงินทุนส่วนตัวในการสร้างฐานขึ้นมาใหม่ด้วยหรือปล่าว? พ่อเตือนลูกไว้เลย ค่าใช้จ่ายนั่นไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลยนะ”
คุณท่านคนนี้ค่อนข้างตื่นเต้น ล้วนไร้เหตุไร้ผลสิ้นดี และก็คาดไม่ถึงสุดๆเช่นกัน
ลูกชายของตัวเองเพิ่งเกือบตายแต่สุดท้ายกลับโชคดีรอดชีวิตกลับมาจากที่นั่นได้
แต่ตอนนี้ ดันต้อนส่งไปอีก
ส่วนการจัดหาเงินทุน นั่นก็ยิ่งต้องเพิ่มขึ้นอีก ถึงแม้ว่าราตรีจะพูดแบบนั้น แต่จริงๆแล้วมันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วยล่ะ? เขาเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผลดี ไม่มีทางคิดไปทางนั้นแน่นอน
แต่ว่า คืนนี้ ชายหนุ่มคนนี้รออยู่ในห้องหนังสือของเขา กลับดูภาพต้นสนที่แขวนอยู่บนกำแพง โดยไม่มีความลังเลใดๆ
“อุบัติเหตุครั้งนี้ สถาบันวิจัยสูญเสียสุดยอดวิศวกรไปเกือบสองส่วนสาม พ่อมีกองทัพ แต่ไม่มีอาวุธเทคโนโลยีขั้นสูงมาข่มขวัญประเทศอื่นและก็ป้องกันพวกเขา พ่อจะประคับประคองได้จนถึงเมื่อไหร่กันครับ?”
“……”
“แล้วก็ ชินจังเป็นลูกผม แต่ว่าเพื่อใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดในพื้นที่ๆสำคัญที่สุด ต่อให้ยอดเยี่ยมแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ในฐานะที่พ่อเป็นผู้นำของประเทศนี้ สิ่งที่กังวลในตอนนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องนี้นะครับ กลับกันต้องคิดดูให้ดีๆว่า จะหาคนแบบชินจังให้เพิ่มขึ้นอีกจากในประเทศได้ยังไง ไม่ใช่เหรอครับ?”
สุดท้ายเขาก็ไม่มีอารมณ์ย้อนถามประโยคนี้อีก
ในชั่วพริบตา ชายชราที่ย่างเข้าวัยแปดสิบปีแล้ว ยืนอยู่ด้านหลังเขาสุดจะทนจนไม่รู้จะพูดยังไงอีก
มี เพียงแค่ความกระอักกระอ่วนและรู้สึกอับอายขายหน้า……