ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1408 ยัยเด็กบ้านี่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่อง
สุดท้ายเรื่องก็เอาตามนี้เเหละ
ชินจังก็ยังคงถูกสั่งการให้เข้าสถานบันวิจัย เเต่เป็นเพราะว่าฐานถูกทำลายเสียหายยับเยิน ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แสนรักแทบจะนำเงินออมของตนเองเอาออกมาสองในสาม
สองในสามของเขา นั่นไม่ใช่น้อยๆเลย
ในเมืองหลวง คณาธิปที่ยังอยู่โรงพยาบาลรู้เรื่องเข้า เขาจึงโทรศัพท์หาบริษัทแห่งหนึ่ง
“หัวหน้าวิทย์ เงินทุนในบัญชีของบริษัทสามารถรวบรวมได้มีอยู่เท่าไร่?”
“ประธานคณาธิปครับ ช่วงนี้เพราะว่าวิกฤตทางการเงินนั่น ประธานแสนรักเพิ่งจะไปต่างประเทศยุติธุรกิจไปไม่น้อยเลยครับ รายได้จึงลดลงเป็นวงกว้าง ตอนนี้มีเงินในบัญชีไม่มากนัก ก็ประมาณหลายแสนล้านครับ”
งั้นก็จัดสรรหนึ่งแสนล้านให้สถาบันวิจัย”
เขากำชับประโยคนี้ในโทรศัพท์
เชียนหยวนล๋ายเย่ที่ปอกผลไม้ให้เขากำลังฟังอยู่ข้างๆ ลูกตาที่กลมโตนั้นช็อคจนตะลึงงันไปเลยทีเดียว
เอะอะก็แค่แสนล้านเหรอ เธอเคยเห็นเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ?
โทรศัพท์เสร็จ ผลไม้ก็ปอกเสร็จแล้วเหมือนกัน เธอก็เลยส่งไปให้
“ที่รัก ฉันอยากถามสักคำถามหนึ่งค่ะ พี่บอกว่าพี่เขยตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตระกูลหิรัญชาแล้ว เขาจะหาเงินอย่างไรล่ะคะ? ทีนี้ลงทุนเข้าไปมากขนาดนั้น ต่อไปจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง?”
สาวน้อยคนนี้ นึกไม่ถึงว่ายังกังวลกับปัญหานี้อยู่อีก
คณาธิปเงียบขรึมลง
ปัญหานี้ หากว่าเปลี่ยนเป็นแต่ก่อน ก็ไม่ต้องไปคิดหรอก
เพราะว่า เคยเป็นคิงแห่งวงการธุรกิจ จะขาดเงินได้ยังไง เพียงแค่สองปีมานี้ เขายุ่งกับการทำงานใหญ่ตระกูลเทวเทพมาโดยตลอด จึงไม่มีเวลาไปดูแลการเงินของตนเอง อีกทั้งต่อมาร่างกายไม่แข็งแรงอีก
พูดตามตรง ตอนนี้เขาน่าจะไม่ได้มั่งคั่งขนาดนั้นแล้ว
คณาธิปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และเพียงครู่เดียว ทางฝ่ายการเงินหิรัญชากรุ๊ปได้รับคำสั่งอย่างหนึ่งว่า ต่อไปเงินปันผลของท่านประธานท่านนั้นของพวกเขา ต้องให้บอสคนก่อนครึ่งนึงด้วย
การดำเนินการแบบนี้ เป็นพี่น้องกันแท้ๆอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกสองวันต่อมา เเสนรักก็จัดการเรื่องราวทั้งหมดที่เมืองหลวงเสร็จสิ้นเสียที และเตรียมที่จะกลับเมืองAแล้ว
ไชยันต์ : “ไม่ไปเยี่ยมพ่อของลูกบ้างเหรอ?”
แสนรัก : “……”
ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าคนนี้มีสภาพจิตใจยังไงกันแน่ คนอื่นเค้าออกบวชกันหมดแล้ว ความคับข้องใจที่คิดว่าไปรบกวนผู้อื่นทำไมอยู่เรี่อย
แสนรักไม่สนใจเขา ตรงออกจากบ้านเลย
กลับคิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะออกมาจากเดอะวิวซี เขาก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นสวมชุดเจ้าหญิงสีเหลืองอ่อน และยังสวมรองเท้าประดับประดาด้วยแถบลายลูกไม้คู่หนึ่ง
“พี่……พี่เขย พี่จะกลับแล้วเหรอคะ?”
หลังจากที่เห็นว่าแสนรักออกมาเสียที เด็กสาวคนนี้ดีอกดีใจในทันที วิ่งเหยาะเข้ามา ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ก้มหัวเล็กๆลงอย่างกลัวจนตัวสั่น ภายใต้บรรยากาศที่น่าสะพรึ่งกลัวของอีกฝ่าย
แสนรักจึงขมวดคิ้วมองเธอ
“มีเรื่องอะไรหรือปล่าว?”
“มี……มีค่ะ พี่แค่ไปเยี่ยม……สามีฉันสักหน่อยได้ไหมคะ? ช่วงนี้เขางองแงอยากจะกลับไปโดยตลอด โดยเฉพาะได้ยินว่าพวกพี่เกิดเรื่องแล้ว เมื่อสองวันก่อนเขาถูก……ถูกด็อกเตอร์ไพบูลย์จับกลับมาค่ะ”
เชียนหยวนล๋ายเย่เสนอคำขอร้องของตนเองอย่างระมัดระวังตัวเเจ
เธอกลัวเขาจริงๆ คนๆนี้ เธออยู่ต่อหน้าเขา ราวกับเห็นเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ จึงมักจะควบคุมความหวาดกลัวไว้ไม่อยู่เสมอ
แล้วอีกอย่าง ก่อนหน้านี้เธอเคยแอบทำเรื่องแย่ๆไว้ด้วย
ยังดีที่ หลังจากที่เธอเอ่ยจบ ผู้ชายหล่อเหลาหน้าเย็นชาคนนี้ ถึงจะฝืนใจตบปากรับคำไว้แล้ว
“เธอเป็นเด็กอยู่เหรอ ยังจะวิ่งอยู่อีก!”
“……”
เดิมทีก็ไม่กล้าพูด
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็ไปทางโรงพยาบาลกันก่อน
ส่วนคณาธิปที่อยู่ในโรงพยาบาลในเวลานี้ ก็คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่า ยัยหนูนี่ที่คอยอยู่ข้างกายเขาตลอดทั้งวันนั้น นึกไม่ถึงว่าจะยุยงให้คนมาสั่งสอนเขาที่ไม่เชื่อฟังในสองสามวันนี้อีก
นี่เขาจะ กำลังใช้โทรศัพท์ซื้อตั๋วเครื่องบินอยู่
“ก๊อกก๊อกก๊อก—”
“เข้ามา”
เขาพูดเพียงคำเดียว โดยไม่เงยหน้าขึ้น
เป็นผลให้ ประตูถูกเปิดออก หลังจากที่มีความหนาวเย็นพัดเข้ามาในพริบตาเดียว ร่างกายเขาแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง จึงรีบเอียงหัวมองไปทันที มองปราดเดียวก็เห็นว่าเป็นตาแก่สวมชุดกาวน์คนหนึ่ง เดินเข้ามาพร้อมชายหนุ่มที่คุ้นเคย
“ธิป วันนี้คุณรู้สึกเป็นอย่างไงบ้าง? ทานยาแล้วหรือยัง?”
“……ทานแล้ว”
คณาธิปตอบโดยไม่รู้สึกตัว เพียงครู่เดียว ก็ลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
จากนั้นไพบูลย์ถึงจะมองไปทางผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง
“อันที่จริงก็ไม่ได้เกินเลยอย่างที่ภรรยาเขาพูดขนาดนั้น เขาแค่คิดจะวิ่งหนี หลังจากที่โดนผมว่าไป ก็เลยทานยาอย่างเชื่อฟัง ตอนนี้คือช่วงพักฟื้น ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะ”
“แน่ใจเหรอครับ? ว่าไม่ต้องส่งไปโรงพยาบาลสี่ดินน่ะ?”
ผู้ชายไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
เอ่ยจบลง คณาธิปที่อยู่ทางนี้ ในที่สุดรูม่านตาคู่นั้นหลังเลนส์ก็หดเล็กลง มีสติกลับมาสักที
“เชียนหยวนล๋ายเย่ นี่เธอทำอะไรน่ะ? เธอเรียกคนมาหมายความว่ายังไง?”
“ฉัน……”
และเวลานี้เด็กสาวกำลังหดตัวอยู่ด้านหลังผู้ชายทั้งสองคน พอฟังจากเสียงนี้ ก็ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียวในทันที
แสนรักเห็นแล้ว ในที่สุดใบหน้าที่ขึงขังและดุดันก็โมโหโกรธามากไปนิดหน่อย : “ตะคอกอะไรกัน? เค้าอุตส่าห์เป็นห่วงนายนะ เอาเถอะ ไพบูลย์บอกว่านายยังต้องรักษาอีกครึ่งเดือน รักษาให้พอ ไม่อย่างงั้นทางโรงพยาบาลสี่ดินก็รอนายอยู่แน่”
สุดท้ายเขา ก็ไม่ลืมประโยคที่จะข่มขู่เขา
คณาธิปโมโหจนกระดูกนิ้วมือหนีบจนเกิดเสียงดัง
แต่ว่าสุดท้าย เขาเดินจากไปแล้ว เขาถึงกลืนโทนเสียงนี้ลงไปด้วย เพียงแต่ ไม่สนใจเด็กสาวนั่นแล้ว
เชียนหยวนล๋ายเย่: “……”
น้อยใจจัง
เด็กสาวตัดสินใจที่จะไม่ยั่วยุสามีอีกสักสองสามวัน