มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1299

เมื่อหลัวซิวลงไปในส่วนที่ลึกลงอีก ถึงระดับความลึกหนึ่งแสนไมล์ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกช็อกคือส่วนล่างของเหวมรณะคือคูเมืองแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ!

เขตพื้นที่ของคูเมืองแห่งนี้กว้างใหญ่ มีรัศมีประมาณหลายสิบไมล์ ภายในตัวเมืองมีตำหนักที่สง่างามตั้งสลอนอยู่เป็นจำนวนมาก

ส่วนบนของคูเมืองแห่งนี้ มีบอลเรืองแสงหนึ่งลูกลอยอยู่ด้านบน เส้นผ่าศูนย์กลางของบอลเรืองแสงลูกนี้ยาวประมาณสิบกว่าเมตร และมีแสงเรืองที่สีสันหลากหลายเป็นประกายระยิบระยับ

เหตุใดที่นี่ถึงมีคูเมือง? แล้วบอลเรืองแสงลูกใหญ่นั่นคืออะไร?

หลัวซิวรู้สึกช็อกอย่างไร้เหตุผล ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คืออะไรกันแน่ ถึงแม้บนตัวเขาจะมีความเร้นลับของวัฏสงสาร แต่เขาก็ไม่เคยได้ยินปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ท้ายที่สุดผลการฝึกตนของเขาก็ต่ำเกินไป บวกกับอยู่พิภพต่ำ โลกทรรศและสิ่งที่ได้พบเห็นรู้จักก็ถูกจำกัดไม่น้อย

“เจ้าหนู เจ้าเจริญรุ่งเรืองแล้ว!”มีเสียงของจิตภัณฑ์หงเทียนดังออกมาจากหอกยุทธ์มังกรดำ

น้ำเสียงของเขาฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อย“เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกบอลเรืองแสงนั่นคืออะไร? นั่นคือกมลโลกา!”

“กมลโลกา?”

รูม่านตาหลัวซิวหดลง จากนั้นเขาก็ฟังหงเทียนอธิบาย: “เจ้าน่าจะทราบอยู่ว่าไม่ว่าจะเป็นพิภพต่ำที่เทพฟ้าบุกเบิก หรือพิภพกลางที่ราชาเทพบุกเบิก กฎทุกประเภทในฟ้าดินล้วนเป็นกฎที่สมบูรณ์”

“ความแตกต่างของพิภพต่ำ อยู่ที่กฎฟ้าดินในพิภพต่ำ มากสุดแค่สามารถฝึกตนจนบรรลุถึงแดนเทพมาร การที่จะฝึกถึงแดนเทพฟ้านั้นทำได้ยากมาก ๆ”

“และจุดที่พิภพกลางแตกต่างจากที่พิภพต่ำคือ พิภพกลางส่วนมากถูกบุกเบิกโดยราชาเทพ และมีส่วนหนึ่งที่ถูกบุกเบิกโดยมกุฎเทพ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วพิภพที่จ้าวมหาเทพบุกเบิกจะมีค่อนข้างน้อย มีเพียงจักรพรรดิเทพที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรในยุคสมัยหนึ่งเท่านั้นถึงจะบุกเบิกมหาโลกาได้”

“อย่างไรก็ตามปัญหามันอยู่ตรงจุดนี้! มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ ก็ไม่มีทางฝึกกฎทั้งปวงให้บรรลุถึงแดนที่สูงที่สุดได้ แล้วเหตุใดพิภพฟ้าดินที่พวกเขาบุกเบิกมานั้น ถึงมีความเร้นลับของกฎทั้งปวงซ่อนแฝงอยู่?”

“มันเป็นเช่นนี้จริง ๆ เมื่อก่อนข้าก็เคยสงสัยในคำถามประเภทนี้เช่นกัน”หลัวซิวพยักหน้าพลางพูด จากนั้นแววตาเขาก็ดูจดจ่อขึ้นมาในทันที“หรือว่ามีความเกี่ยวข้องกับกมลโลกา?”

“ถูกต้อง สาเหตุที่พวกเขาสามารถบุกเบิกพิภพได้นั้น ก็เป็นเพราะกมลโลกานี่แหละ!”

หงเทียนอธิบาย: “เงื่อนไขการประกอบเป็นกมลโลกานั้นยากยิ่งมาก ถึงแม้จะอยู่ในมหาโลกาพันสามหรือแปดโลกมหาพิภพ กมลโลกาเพียงใบเดียวก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่อาจประมาณได้แล้ว”

“แต่ทว่ากมลโลกาก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน โดยจำแนกเป็นชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ชั้นยอดและชั้นสมบูรณ์แบบ ห้าระดับ”

“ระดับของกมลโลกายิ่งสูง ระดับพิภพที่อาศัยการบุกเบิกโดยกมลโลกาก็ยิ่งสูง กฎที่แฝงซ่อนอยู่ก็จะยิ่งครบถ้วนสมบูรณ์”

“และสาเหตุที่กมลโลกาถูกขนานว่าเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่อาจประมาณได้นั้น เป็นเพราะเมื่อบุกเบิกฟ้าดินโดยอาศัยกมลโลกา ตราชีวีของตัวเราก็จะรวมกับกมลโลกาเป็นหนึ่ง”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อสูรจิตทุกดวงที่กำเนิดในพิภพฟ้าดินนี้ ก็จะมีตราประทับของผู้บุกเบิกพิภพติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เมื่อผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงระดับใดระดับหนึ่งแล้ว ตราประทับก็ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดก็จะถูกปลุกตื่น ทำให้ผู้บุกเบิกพิภพมีโอกาสยึดครองร่างและได้รับการกำเนิดใหม่อีกครั้ง!”

“ยกตัวอย่างเช่นโลกแสงดาวของพวกเจ้า แดนเทพมารจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ทว่าเมื่อกำลังจะบรรลุกลายเป็นเทพฟ้า ตราประทับก็จะถูกปลุกตื่น ต้องเผชิญหน้ากับการถูกยึดครองร่างโดยผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าคนหนึ่ง อีกทั้งเทพฟ้าดังกล่าวก็คือเจ้าของโลกแสงดาว ซึ่งสามารถเรียกใช้พลังทั้งฟ้าดินในพิภพมากดอัดเจ้า!”

“นี่คือเหตุและผลที่นักยุทธ์ทุกคนต่างต้องชดใช้ตั้งแต่กำเนิด นอกจากผู้ที่กำเนิดในแปดโลกมหาพิภพแล้ว อนาคตเมื่อผลการฝึกตนของอสูรจิตทุกดวงบรรลุถึงแดนที่แน่นอน ล้วนต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้”